ThaiPublica > ประเด็นร้อน > COVID-19 พลิกโลก > มติ ศบค.ยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ เว้นสีแดงเข้ม 7 จว.-เพิ่มสีฟ้า 4 จว.นำร่องท่องเที่ยว ดื่มสุราในร้านได้ 1 พ.ย.นี้

มติ ศบค.ยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ เว้นสีแดงเข้ม 7 จว.-เพิ่มสีฟ้า 4 จว.นำร่องท่องเที่ยว ดื่มสุราในร้านได้ 1 พ.ย.นี้

29 ตุลาคม 2021


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

นายกฯแถลงเปิดประเทศ ยกเลิกเคอร์ฟิวทุกพื้นที่ ยกเว้น 7 จังหวัดสีแดงเข้ม เพิ่มพื้นที่สีฟ้า 4 จังหวัด นำร่องท่องเที่ยว คลายล็อกทุกกิจกรรม เปิดให้ดื่มสุราในร้านได้ เริ่ม 1 พ.ย.นี้

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวภายหลังการประชุมศบค.ว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดให้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นวันเปิดประเทศ ทำให้มีชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว เพื่อเป็นการต้อนรับวันเปิดประเทศ รัฐบาลจึงวางแนวทางไว้ 4 ด้าน ดังนี้

    1) ให้ทุกคน ทุกภาคส่วนและทุกสมาคมช่วยกันระมัดระวังการแพร่ระบาดอย่างเต็มที่ และใช้มาตรการด้านสาธารณสุขและให้ทุกคนต้องมีวินัยในตัวเองไม่ให้เป็นผู้แพร่เชื้อ
    2) ยังคงกำหนดมาตรการกักตัวสำหรับผู้เดินทางผ่านทางบกและทางน้ำ รวมถึงกักตัวผู้ลักลอบเดินเข้ามาทางชายแดนประเทศ และขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน

“ส่วนการค้าขายตามแนวชายแดน ผมให้แนวทางกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการซื้อขายสินค้าตามข้อเรียกร้องของมติอาเซียน ผมตัดสินใจว่าจะทยอยเปิดโดยเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีการเอาพ่อค้าแม่ค้ามาเผชิญหน้ากัน ต้องมีพื้นที่ว่างตรงกลางและขนส่งสินค้ามาแต่ละฝั่ง”

    3) ประเทศไทยมีแผนเตรียมการรับมือในด้านสาธารณสุข โดยล่าสุดได้สั่งยาการเรื่องยาโมลนูพิราเวียเพิ่ม เพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกอยู่ท้ายแถว รวมถึงประเทศไทยได้มีการวิจัยยาประเภทดังกล่าว และสั่งการให้เร่งรัดการพัฒนาสารสกัดจากสมุนไพรไทยเพื่อรักษาโรคโควิด-19
    4) ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงการเปิดประเทศ ในระยะสั้นนักท่องเที่ยวอาจจะไม่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมากทันที

“เมื่อเราประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ถึงการเปิดประเทศไปแล้ว ก็ขอให้เข้าใจว่าไม่ใช่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาทันทีเป็นเวลาสั้น ๆ มากๆ หรือ จากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็มีคนเข้ามาประมาณ 40,000 คน เราจำเป็นต้องประกาศให้ทั่วโลกรู้ หลายประเทศดำเนินการตามเราอยู่ หลายประเทศทำแซนด์บ็อกซ์เหมือนเรา เพราะการเดินทางเข้ามาในประเทศ ไม่ใช่ประกาศแล้วมาได้เลย แต่ละประเทศต้องประเมินและวางแผนศึกษามาตรการที่วางไว้ ทั้งหมดจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่เขาจะพิจารณาในการเดินทาง นี่เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองเรื่องการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและปลอดภัย ผมถือว่าเราเป็นประเทศที่ดูแลประชาชนได้มากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา รองจากไม่กี่ประเทศที่มีเงินเยอะๆ ขอเรียนไว้ว่าเราไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง พลเอกประยุทธ์กล่าว

นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์กล่าวถึงประเด็นการจ้าง ‘ลิซ่า’ ให้มาโปรโมทประเทศไทยช่วงปีใหม่ว่า “เราพยายามติดต่อมาระยะเวลานานพอสมควรแล้ว เขาก็เคลียร์วันเวลาของบริษัทเขา แต่มันเคลียร์ไม่ออก ก็จำเป็นต้องเลื่อนออกไปในช่วงนี้ แต่วันหน้าก็มีโอกาสมาอีก วันนี้ผมให้แนวทางว่าให้มีการแสดงของคนต่างประเทศที่มีชื่อเสียงและมาได้”

สำหรับแนวทางต่อไป พลเอกประยุทธ์จึงเสนอว่าให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไปหาการแสดงวัฒนธรรม 5 ภาคเพื่อให้คนตื่นเต้นและประทับใจในวัฒนธรรมไทย

“โลกใบนี้ ถ้าฟังจากการพูดคุยหรือการประชุมหารือในอาเซียน มันมีอำนาจความมั่นคง หลายประเทศมีความเข้มแข็งเรื่องกองทัพ บางประเทศเรื่องเศรษฐกิจ แต่เราเป็นประเทศไม่ใหญ่โตและเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านการเกษตร สำคัญที่สุดเรามีวัฒนธรรมประเพณีที่สวยงาม น่าชื่นชม ต่างชาติให้ความสนใจ มันจะเป็นโอกาสของประเทศไทย มันจะเป็นพลังอำนาจใหม่คือด้านวัฒนธรรม อย่าทำลายกันเลยครับ ให้ทุกอย่างดำเนินการได้เพราะเป็นอำนาจใหม่ เราต้องหยิบจับอะไรที่มีความสามารถและทำให้ดีที่สุด”

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.กล่าวถึงผลภายหลังการประชุมศบค.ว่ามติที่ประชุมได้เห็นชอบประเด็นสำคัญ 3 เรื่องดังนี้

การปรับระดับของพื้นที่สีจังหวัด โดยปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เหลือ 7 จังหวัดจาก 23 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) เพิ่มเป็น 38 จังหวัดจาก 30 จังหวัด พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) เหลือ 23 จังหวัดจาก 24 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) เพิ่มเป็น 5 จังหวัด และไม่มีจังหวัดใดจัดเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ส่วนพื้นที่สีฟ้าสำหรับนำร่องการท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 4 จังหวัด

ทั้งนี้ ที่ประชุมพิจารณาการเพิ่มพื้นที่สีฟ้า เป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวมี 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร , กระบี่ , พังงา และภูเก็ต สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ โดยไม่มีเคอร์ฟิว และสามารถนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ เริ่ม 1 พฤศจิกายนนี้

สาระสำคัญของการปรับพื้นที่สีคือ ปลดล็อกมาตรการเคอร์ฟิวทุกพื้นที่ยกเว้นพื้นที่สีแดงเข้ม รวมถึงมีการผ่อนคลายความเข้มงวดบางกิจการเช่น สวนสนุก สถานที่แข่งกีฬา หรือร้านเสริมสวย-นวด

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงสาระสำคัญของมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักรว่า ศบค.ได้ใช้มาตรการ Test and Go สำหรับผู้เดินทางมาทางอากาศ โดยต้องแสดงหลักฐานการได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่กำหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนเดินทาง แต่ทั้งนี้ผู้เดินทางจากต่างประเทศทุกช่องทางจะต้องแสดงหลักฐานการประกันภัยวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงแสดงผลตรวจเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

ส่วนแผนรองรับการเปิดประเทศแบ่งออกเป็น 6 ขั้นตอน ได้แก่

  1. เตรียมสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเข้าประเทศ เช่น ผลยืนยันการได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ ประกันภัย ผลรับรองการตรวจโควิด-19 และบันทึกข้อมูลใน Thailand Pass
  2. ขั้นตอนตามมาตรการเข้าประเทศ
  3. ตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข จะตรวจหาเชืื้อในโรงแรมหรือศูนย์ที่ศบค.กำหนด โดยกรณีที่ผู้เดินทางติดเชื้อโควิด-19 จะถูกส่งตัวไปรักษาทันที แต่ถ้าตรวจไม่พบเชื้อจะสามารถเดินทางต่อได้ทันที
  4. ผู้เดินทางตรวจโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ด้วยตัวเองครั้งที่ 1 
  5. ผู้เดินทางตรวจโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ด้วยตัวเองครั้งที่ 2 ช่วงวันที่ 6-7 หลังจากเดินทางเข้าประเทศ กรณีที่พบเชื้อจะถูกส่งตัวไปรักษาต่อ
  6. กรณีไม่พบเชื้อ นักเดินทางสามารถเดินทางกลับประเทศต้นทางได้