ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯแก้ข้อสั่งการ ปลดล็อกปมจัดซื้อ ATK 8.5 ล้านชิ้น-มติ ครม.ช่วยค่าอุปกรณ์นักเรียน ปวช. สูงสุด 2,000 บาท

นายกฯแก้ข้อสั่งการ ปลดล็อกปมจัดซื้อ ATK 8.5 ล้านชิ้น-มติ ครม.ช่วยค่าอุปกรณ์นักเรียน ปวช. สูงสุด 2,000 บาท

24 สิงหาคม 2021


ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

นายกฯ แก้ข้อสั่งการนายกฯ ปลดล็อกปมจัดซื้อ ATK 8.5 ล้านชิ้น – มอบวิป 3 ฝ่าย เลือกวันอภิปรายได้ตั้งแต่ 31 ส.ค.เป็นต้นไป พร้อมแจงทุกประเด็น — มติ ครม. จ่ายค่าอุปกรณ์นักเรียน ปวช.สูงสุด 2,000 บาท/คน-เพิ่มทุน “EXIM Bank” กว่า 4 พันล้าน หนุน SMEs รุก CLMV

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุม ครม. วันนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้มอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบคำถามสื่อมวลชนแทน

เปิดตัว “ธนกร วังบุญคงชนะ” โฆษกรัฐบาลคนใหม่

หลังจากที่ประชุม ครม. มีมติแต่งตั้ง ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ ดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนนายอนุชา บูรพชัยศรี ที่ขึ้นไปดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง วันนี้ก่อนการแถลงข่าวการประชุม ครม. นายอนุชา ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ. ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความไว้วางใจให้ตนได้ทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลมานานกว่า 1 ปี และได้มอบโอกาสให้ทำงานด้านบริหารและเกี่ยวข้องกับนโยบายมากขึ้นในตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง รวมทั้งกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนทุกสาขาที่ให้ความร่วมมือนำเสนอข่าวสารสู่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักโฆษก และหน่วยงานทุกแห่งที่ให้การสนับสนุนข้อมูลแก่ทีมงานโฆษกรัฐบาลอย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

“ช่วง 1 ปีที่ผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้คำแนะนำผมว่าการทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลไม่ใช่เป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ต้องเป็นการสื่อสารทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่พูดอย่างเดียว ต้องฟังด้วย ฟังเพื่อนำมาปฏิบัติและปรับปรุงเพื่อให้รัฐบาลทำงานให้พี่น้องประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ ซึ่งผมต้องขอแสดงความยินดีกับ ดร.ธนกร โฆษกรัฐบาลคนใหม่ ซึ่งเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ จากนี้ไปก็จะเห็นสิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างต่อเนื่องในเรื่องของการสื่อสาร เนื้อหาสาระที่รัฐบาลอยากสื่อสารกับประชาชนได้โดยผ่านโฆษกรัฐบาลคนใหม่ ก็ต้องขอแสดงความยินดีครั้งหนึ่ง” นายอนุชา กล่าว

ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีใหม่
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th/

ด้าน ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผมขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่ได้ให้ความไว้วางใจ และให้โอกาสผมทำหน้าที่ในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผมจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่สุดความสามารถในการที่จะสื่อสารให้กับพี่น้องประชาชน เข้าใจการทำงานของรัฐบาล โดยเน้นการสื่อสาร 2 ทาง ต้องรับฟังปัญหาของประชาชนที่สะท้อนผ่านมายังรัฐบาล เพื่อนำไปแก้ไข นอกจากนั้นแล้วคงจะต้องมีการทำงานในเชิงรุกในเรื่องของระบบดิจิทัลต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพราะวันนี้สถานการณ์โควิดเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ รัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ดังนั้น การสื่อสารกับประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา ผมชื่นชมนายอนุชาและทีมงานโฆษกฯ ที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้น ผมก็จะมาสานงานที่ทำไว้ต่อไป สุดท้าย

มติ ครม. มีดังนี้

ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง, ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ซ้าย-ขวา)
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th/

มอบวิป 3 ฝ่าย เลือกวันอภิปรายหลัง 31 ส.ค.เป็นต้นไป

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบหมายให้คณะกรรมการประสานงาน สภาผู้แทนราษฎร 3 ฝ่าย (วิปสภาฯ) เป็นผู้พิจารณากำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามที่ได้ยื่นญัตติไปแล้ว โดยรัฐบาลพร้อมที่จะให้เวลาแก่ฝ่ายค้านในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า รัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงตอบข้อสงสัยทุกประเด็น เพื่อให้เกิดความกระจ่าง และสังคมได้รับทราบข้อเท็จจริง

คง VAT อัตรา 7% ต่อ 2 ปี

นางสาวรัชดากล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ ขยายระยะเวลา ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่จะครบกำหนดวันที่ 30 กันยายน 2564 ต่อไปอีกเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 โดยยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีในอัตราเดิม คือ ร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) หรืออัตราร้อยละ 6.3 (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) ทั้งนี้ การขยายระยะเวลาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคงอัตราเดิมร้อยละ 7 จะไม่ผลกระทบต่อการประมาณการรายได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และ พ.ศ. 2566 เนื่องจากในการจัดทำงบประมาณได้มีการคำนวณประมาณการรายได้ โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานการคำนวณของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ในอัตราร้อยละ 7 แล้ว

เพิ่มทุน “EXIM Bank” กว่า 4 พันล้าน หนุน SMEs รุก CLMV

นางสาวรัชดากล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบกำหนดให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ “EXIM Bank” ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขั้น แต่ไม่ได้เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. 2558 สามารถใช้เงินจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อการเพิ่มทุนได้ และอนุมัติกรอบวงเงินที่จะจัดสรรจากกองทุนฯ เพื่อการเพิ่มทุน เพื่อขยายการดำเนินงานให้แก่ ธสน. จำนวนไม่เกิน 4,198 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อมุ่งช่วยเหลือและสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ SMEs เป็นหลัก สามารถทำการค้าและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายขยายการดำเนินงานในกลุ่มตลาด 3 กลุ่ม ได้แก่

    1) ตลาดในประเทศ
    2) ตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และ
    3) ตลาดใหม่ (New Frontiers) เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย มัลดีฟส์ เป็นต้น

ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายสถาบันการเงินเฉพาะกิจระยะ 5 ปี (ปี 2564-2568) ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นควรให้กองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ มีการกำหนดตัวชี้วัดเพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์จากการเพิ่มทุน ธสน. อย่างน้อยให้ครอบคลุมตัวชี้วัด เช่น ด้านการขยายสินเชื่อ ด้านฐานะทางการเงิน ด้านผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น

สั่งทบทวน “เราเที่ยวด้วยกัน-ทัวร์เที่ยวไทย”

นางสาวรัชดา กล่าวว่าที่ประชุม ครม. เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 30/2564 ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ รายละเอียดมีดังนี้

    1. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พิจารณาความเหมาะสมของช่วงระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนิน “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” และ “โครงการทัวร์เที่ยวไทย” พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขและรายละเอียดให้เหมาะสม หากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถเริ่มต้นดำเนินโครงการทั้ง 2 โครงการได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ สามารถพิจารณาเสนอขอยุติโครงการฯ และคืนกรอบวงเงินกู้เหลือจ่ายตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีต่อไป
    2. โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 2 รวม 12 จังหวัด จำนวน 2,186 โครงการ อนุมัติกรอบวงเงิบรวม 3.58 พันล้านบาท โดยใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2564 ซึ่งโครงการนี้มุ่งเน้นในเรื่องของการจ้างงานและการพัฒนาพื้นที่โดยตรง แบ่งเป็น 4 กลุ่มลักษณะได้แก่ 1) กลุ่มโครงการพัฒนาสินค้า ท่องเที่ยว บริการ และการค้า 2) กลุ่มโครงการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร 3) กลุ่มโครงการส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และ 4) กลุ่มโครงการที่เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชุมชน
    3. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการกำลังใจ จากเดิมที่สิ้นสุดระยะเวลาการเบิกจ่ายภายในเดือนสิงหาคม 2564 เป็นเดือนธันวาคม 2564 เนื่องจากขณะนี้มีผู้ที่อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารและรอการตราจสอบข้อมูลการเดินทางภายใต้โครงการฯ จึงจำเป็นต้องขยายระยะเวลาดังกล่าวเพื่อให้การเบิกจ่ายเกิดความสมบูรณ์ครบถ้วนมากขึ้น
    4. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการยกระดับหน่วยบริการกรมอนามัยรองรับการระบาดของโรคโควิด-19 จากเดิมที่ระยะเวลาการดำเนินโครงการกำหนดไว้ระหว่างเดือนมิถุนายน–กันยายน 2564 ขยายไปจนถึงเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยบริการอนามัยหรือศูนย์อนามัยมีศักยภาพรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่ทั่วประเทศได้
    5. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขยายระยะเวลาเนินการโครงการ Gastronomy Tourism: LANNA Gastronomy “คิดถึงเชียงใหม่” จากเดิมที่กำหนดไว้ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2564 ขยายไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารล้านนารูปแบบใหม่และเป็นการส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มเกษตรกรและกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร

ยกเลิก กม.ห้ามส่งออกกากถั่ว ผลิตอาหารสัตว์

นางสาวรัชดากล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบยกเลิกพระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 32) พ.ศ. 2516 สาระเป็นการกำหนดห้ามส่งออกสินค้า 3 รายการ คือ กากถั่ว ปลาป่น และอาหารสัตว์ที่ผสมสำเร็จรูป เนื่องจากปัจจุบันมีการนำกากถั่วชนิดอื่นนอกจากถั่วเหลือง เช่น ถั่วลิสง มาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ จึงไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมการส่งออกสินค้ากากถั่วอีกต่อไป สำหรับสินค้าปลาป่นและอาหารสัตว์ที่ผสมสำเร็จรูปนั้น ทางกระทรวงพาณิชย์ก่อนหน้านี้ ได้ออกประกาศอนุญาตให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรได้โดยไม่ต้องมีหนังสืออนุญาตแล้ว ในอนาคต หากมีความจำเป็นต้องใช้กากถั่วอื่นๆ ในการผลิตอาหารสัตว์ภายในประเทศ หน่วยงานที่รับผิดชอบหรือที่เกี่ยวข้องสามารถเสนอให้รัฐบาลพิจารณากำหนดมาตรการกำกับดูและควบคุมต่อไปได้

จ่ายค่าอุปกรณ์นักเรียน ปวช. สูงสุด 2,000 บาท/คน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติอัตราค่าเครื่องมือประจำตัวผู้เรียนเฉพาะอาชีพของนักเรียนสายอาชีพ อาชีวศึกษาต่อคน ตามประเภทวิชา ในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ปี 2562 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจำนวน 10 ประเภทวิชา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป ดังนี้

ประเภทวิชาอุตสาหกรรมอัตราค่าเครื่องมือ 2,000 บาทต่อคนต่อปีการศึกษา, พาณิชยกรรม 1,000 บาท, ศิลปกรรม 1,000 บาท, คหกรรม 1,200 บาท, เกษตรกรรรม 1,600 บาท, ประมง 1,200 บาท, อุตสาหกรรมสิ่งทอ 1,200 บาท, เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1,800 บาท, อุตสาหกรรมท่องเที่ยว 1,200 บาท และ อุตสาหกรรมบันเทิงและดนตรี 1,000 บาท

ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะฝีมือให้เต็มศักยภาพ ฝึกประสบการณ์อาชีพได้อย่างเต็มที่ต่อเนื่องตลอดหลักสูตร เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษา และยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง สร้างแรงจูงใจให้มีการเรียนต่อสายอาชีวศึกษาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน

โดยประมาณการค่าใช้จ่ายในปีการศึกษา 2564 จำนวนทั้งสิ้น 383.209 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าเครื่องมือนักเรียนสายอาชีพระดับ ปวช. ปีที่ 1 ในสถานศึกษาของรัฐ 429 แห่ง จำนวน 275.233 ล้านบาท และสถานศึกษาของเอกชน 445 แห่ง จำนวน 107.976 ล้านบาท

แก้ข้อสั่งการนายกฯ ปลดล็อกปมจัดซื้อ ATK 8.5 ล้านชิ้น

น.ส.ไตรศุลีกล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบ การขอปรับปรุงข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 12/2564 และการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 โดยขอแก้ไขข้อความจากเดิมระบุในสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 12/2564 หน้าที่ 17 ข้อ 6 ว่า “การเร่งดำเนินการจัดหาชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบแอนติเจน(Antigen Test Kit: ATK) ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก(WHO) รวมทั้งต้องมีความแม่นยำในการตรวจ เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงที และพร้อมจัดส่งให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด” เป็นข้อความว่า “ในเรื่องการจัดหาซื้อชุดตรวจ ATK นี้ ขอให้ สธ. เร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว หากมีปัญหาความขัดแย้งอยู่ในปัจจุบัน ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด”

สำหรับการแก้ไขข้อสั่งการครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ปรับปรุงแก้ไขข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี โดยฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้พิจารณาทบทวนสรุปผลการประชุมดังกล่าว และตรวจสอบจากบันทึกการประชุม ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุมมีข้อความดังนี้คือ “ในเรื่องการจัดหาซื้อชุดตรวจ ATK นี้ ขอให้ สธ. เร่งดำเนินการให้ได้โดยเร็ว หากมีปัญหาความขัดแย้งอยู่ในปัจจุบัน ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด”

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า นอกจากนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานต่อที่ประชุม ครม. ว่า “สำหรับการจัดซื้อชุดตรวจโควิดฯ ถ้าจะให้ผ่าน WHO ก็มีเพียงชุดตรวจโควิด-19 แบบ professional use เท่านั้น ที่ WHO รับรอง ส่วนชุดตรวจโควิด-19 แบบ home use นั้น WHO ยังไม่ให้การรับรองชุดตรวจโควิดฯ ใดทั้งสิ้น”

รับทราบข้อเสนอ ป.ป.ช. ป้องกันทุจริต “ถนนพาราซอยล์ซีเมนต์”

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีศึกษา โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร ถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย รับข้อเสนอแนะไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรับข้อเสนอแนะและความเห็นของส่วนราชการไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย

สำหรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีดังนี้ รัฐบาลควรทบทวนนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดสร้างถนนที่นำน้ำยางพารามาเป็นวัสดุส่วนผสมในการก่อสร้าง (ถนนพาราซอยล์ซีเมนต์) เพื่อทำการศึกษาในด้านต่างๆอย่างรอบคอบ เช่น การกำหนดราคากลาง การกำหนดสารเคมีที่นำมาผสมกับน้ำยางพารา ต้องมีใช้อย่างแพร่หลาย ไม่เป็นการผูกขาด หรือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ผลิตเพียงไม่กี่ราย รวมถึงการถอดรูปแบบรายการงานก่อสร้างความมั่นคงถาวร และความคุ้มค่าของถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของเกษตรกรอย่างสูงสุด

นอกจากนี้ รัฐบาลควรพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ในส่วนราคายางให้เกิดเสถียรภาพในระยะยาว ไม่ให้ราคาตกต่ำมากเกินไป โดยหากรัฐบาลจำเป็นต้องแทรกแซงกลไกตลาด ควรดำเนินการเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงหลักการภายใต้เงื่อนไขขององค์การการค้าโลก ทั้งนี้รัฐบาลอาจขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ 20 ปี (2560-2579) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและเป็นไปตามแผนที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลจำเป็นต้องนำเสนอนโยบาย หรือโครงการเกี่ยวกับการพยุงราคายางพารา ควรส่งเสริมการใช้ยางพาราในแนวทางที่มีหลักเกณฑ์ ขั้นตอนการดำเนินงานที่ชัดเจน โปร่งใส สามารถทำให้ประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินตกแก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราได้อย่างเต็มที่ โดยเพิ่มช่องทางให้กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานได้มากขึ้น ช่วยให้ตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรได้อย่างแท้จริง และรัฐบาลควรส่งเสริมให้สถาบันที่รับผิดชอบในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเกี่ยวกับยางพารา เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยางพารา และสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำได้อย่างยั่งยืน

ตั้งสำนักงบฯ ภูมิภาคเพิ่มอีก 7 เขต

น.ส.ไตรศุลีกล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรีดังนี้ คือ

    1. เห็นชอบการจัดโครงสร้างแบ่งส่วนราชการใหม่ของสำนักงบประมาณ โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานราชการส่วนกลางในภูมิภาคต้องไม่มีหน่วยงานของกรมที่เป็นราชการส่วนภูมิภาค หรือราชการส่วนกลางในภูมิภาค และมติ ครม. เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มใหม่ต้องมีข้อเสนอให้ยุบเลิกหรือยุบรวมหน่วยงานที่มีอยู่เดิม เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนทั้งด้านภารกิจและงบประมาณ และรับทราบการกำหนดตัวชี้วัดสำคัญเพื่อวัดความสำเร็จการแบ่งส่วนราชการใหม่
    2. เห็นชอบให้มีการทบทวนและปรับบทบาท ภารกิจ หน้าที่และอำนาจและโครงสร้างของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อให้สอดรับกับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ภายใน 1 ปี นับแต่กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงบประมาณมีผลบังคับใช้ และ
    3. เห็นชอบให้เพิ่มหลักการการจัดตั้งหน่วยงานเพิ่มใหม่ของส่วนราชการให้มีข้อเสนอยุบเลิกภารกิจ หรือยุบรวมหน่วยงานของส่วนราชการอื่น (X-in, Y-out) สำหรับกรณีภารกิจที่มี value chain เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงหลายส่วนราชการ ซึ่งไม่อาจพิจารณาเฉพาะส่วนราชการใดส่วนราชการหนึ่งได้

ทั้งนี้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้ประชุมเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 พิจารณาคำขอการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ แล้วมีสาระสำคัญดังนี้คือ สำนักงบประมาณจำเป็นต้องจัดโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่ ให้รองรับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไปจากภาระงานที่เพิ่มขึ้นในกระบวนการจัดทำงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งเป็นหน่วยรับงบประมาณตรงจำนวน 7,848 แห่ง และสนับสนุนการจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม ที่เน้นการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการงบประมาณของท้องถิ่น รวมถึงการบูรณาการในการบริหารจัดการงบประมาณในเชิงการพัฒนาระดับพื้นที่ ตั้งแต่ระดับภาค ลงไปสู่กลุ่มจังหวัด และ อปท. ที่เชื่อมโยงครอบคลุมในทุกมิติ และเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาลและแผนระดับชาติในรูปแบบของ One Plan อย่างมีประสิทธิภาพได้

นอกจากนี้ในส่วนของการปรับหน้าที่และอำนาจและโครงสร้างของสำนักงบประมาณ โดยจัดตั้งสำนักงานงบประมาณเขตเพิ่มขึ้นจำนวน 7 เขต จากที่มีอยู่เดิม 11 เขต ได้แก่สำนักงานงบประมาณเขตที่ 12-18 เป็นราชการส่วนกลางในภูมิภาค เพื่อรองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้น ที่ประชุม ก.พ.ร. ยังเห็นชอบให้สำนักงบประมาณกำหนดตัวชี้วัดสำคัญ เพื่อวัดความสำเร็จการจัดโครงสร้างส่วนราชการใหม่ และให้รายงาน ก.พ.ร. เมื่อครบกำหนด 1 ปี พร้อมเห็นชอบให้มีการทบทวนและปรับบทบาทภารกิจหน้าที่และอำนาจ และโครงสร้างของ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อให้สอดรับกับบทบาทภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไปภายใน 1 ปี นับแต่กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงบประมาณมีผลบังคับใช้

ต่อเวลาช่วยผู้นำเข้าไม่ต้องปฏิบัติตาม กม. ศุลกากรถึงสิ้น ก.ย. นี้

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผู้นำของเข้า เพื่อการผ่านแดน หรือการถ่ายลำได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรทั้งหมด หรือ แต่บางส่วน ซึ่งสาระสำคัญ คือ เป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นดังกล่าว โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564

ซึ่งที่ผ่านมากฎกระทรวงกำหนดให้ผู้นำของเข้า เพื่อการผ่านแดน หรือการถ่ายลำ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรทั้งหมด หรือ แต่บางส่วนฉบับเดิม ได้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้วโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ใช้สำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อการผ่านแดนหรือการถ่ายลำตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องและรุนแรงยิ่งขึ้น ถือเป็นพฤติการณ์พิเศษ กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว จึงเห็นควรขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวออกไป เพื่อให้ผู้นำของเข้ามาหลังวันที่ 30 กันยายน 2563 และยังไม่สามารถปฏิบัติพิธีการผ่านแดน หรือถ่ายลำได้ทันภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ตกเป็นของแผ่นดินภายหลังพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่เข้ามาในราชอาณาจักร

ทั้งนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการที่นำของเข้ามาเพื่อการผ่านแดนหรือการถ่ายลำ ตลอดจนการขนส่งระหว่างประเทศ

ตั้ง “ธนกร” โฆษกรัฐบาลคนใหม่ ดัน “อนุชา” นั่งรองเลขานายกฯ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติ/เห็นชอบเรื่องแต่งตั้งดังนี้

เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง กระทรวงมหาดไทย คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง กระทรวงมหาดไทย จำนวน 3 ราย ดังนี้

    1. ให้นายณรงค์ รักร้อย พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอุทัยธานี สำนักงานปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับสูง) จังหวัดสมุทรสาคร
    2. ให้นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานปลัดกระทรวง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครองระดับสูง) จังหวัดอ่างทอง
    3. ให้นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอ่างทอง สำนักงานปลัดกระทรวงและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (นักปกครอง ระดับสูง) จังหวัดอุทัยธานี

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป

เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง ข้าราชการพลเรือนสามัญให้ ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 3 ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ดังนี้

    1. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
    2. นางอรัญญา ทองน้ำตะโก อธิบดีกรมบังคับคดี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
    3. พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงแรงงาน) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 4 ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ดังนี้

    1. นางสาวบุปผา เรืองสุด ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
    2. นายประทีป ทรงลำยอง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
    3. นายนิยม สองแก้ว รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
    4. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

เรื่อง แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 4 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2563 ดังนี้

    1. นางสุพิชชา จันทรโยธา
    2. นางสุภา หารหนองบัว
    3. นายทศพร นุชอนงค์
    4. นางบุษบา ฤกษ์อำนวยโชค

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยแทนตำแหน่งที่ว่างลง (นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแต่งตั้ง นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยแทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป

เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) เสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 8 คน ตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 (มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2562) ดังนี้

    1. นายชาตรี สุวรรณิน ผู้ทรงคุณวุฒิภาควิชาการ
    2. นายไชยา ยิ้มวิไล ผู้ทรงคุณวุฒิภาควิชาการ
    3. นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ผู้ทรงคุณวุฒิภาควิชาการ
    4. พลอากาศตรี อิทธพร คณะเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิภาควิชาการ
    5. นางชูเนตร ศรีเสาวชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคประชาชน
    6. ว่าที่ร้อยตรี ถวัลย์ รุยาพร ผู้ทรงคุณวุฒิภาคประชาชน
    7. นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคผู้ประกอบธุรกิจ
    8. นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคผู้ประกอบธุรกิจ

ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีเป็นต้นไป

เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง จำนวน 3 ราย ดังนี้

    1. นายบรรสาน บุนนาค ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
    2. นายอนุชา บูรพชัยศรี ตำแหน่องรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
    3. นายธนกร วังบุญคงชนะ ตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป

อ่าน มติ ครม. ประจำวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เพิ่มเติม