ThaiPublica > ประเด็นร้อน > COVID-19 พลิกโลก > Gallup เปิดผลสำรวจ คนไทย 85% เต็มใจฉีดวัคซีน เมียนมาติดอันดับ 1 ทั่วโลกไม่เต็มใจกว่า 1 พันล้านคน

Gallup เปิดผลสำรวจ คนไทย 85% เต็มใจฉีดวัคซีน เมียนมาติดอันดับ 1 ทั่วโลกไม่เต็มใจกว่า 1 พันล้านคน

5 พฤษภาคม 2021


ที่มาภาพ: https://news.gallup.com/poll/348719/billion-unwilling-covid-vaccine.aspx

ผลสำรวจของ Gallup พบว่า คนไทยเต็มใจที่จะรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ด้วยการตอบแบบสอบถามว่า เต็มใจถึง 85% ส่วนอีก 8% ตอบว่าไม่ และ 6% ตอบว่ายังไม่รู้ ส่วนที่ปฏิเสธการตอบคำถามมีเพียง 1%

ประเทศที่มีประชาชนเต็มใจที่เข้ารับการฉีดวัคซีนสูงอันดับ 1 ของโลกคือเมียนมา 96% รองลงมาคือเนปาล 87% ซึ่งเท่ากับนิการากัว

สำหรับผลการสำรวจทั่วโลกพบว่า มีประชากรโลกกว่า 1 พันล้านคนไม่เต็มใจที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน มีเพียงประเทศเดียวคือเมียนมาที่เต็มใจเข้ารับการฉีดวัคซีนในระดับที่เกิน 90% ขึ้นไป

ในปีแรกของการระบาดของโควิด-19 ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ทั่วโลก (68%) ตอบแบบสอบถามที่ทำผ่านโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือด้วยกลุ่มตัวอย่างไม่ต่ำกวา 1,000 รายในแต่ละประเทศ Gallup ว่า ยินยอมที่จะรับการฉีดวัคซีนหากมีวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามในประเทศส่วนใหญ่ตัวเลขนี้ต่ำกว่า 70-90% ซึ่งเป็นระดับของการฉีดวัคซีนที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้น

ความเต็มใจของผู้คนในการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาแตกต่างกันทั่วโลกในปี 2020 โดยสัดส่วนที่ตอบว่าจะรับการฉีดวัคซีนมีตั้งแต่สูงถึง 96% ในเมียนมาไปจนถึงระดับต่ำ 25% ในคาซัคสถาน

ที่มาภาพ: https://news.gallup.com/poll/348719/billion-unwilling-covid-vaccine.aspx

แต่ที่สำคัญ จากการวัดทุกคนที่บอกว่าเต็มใจที่จะรับวัคซีนโคโรนาได้ฉีดวัคซีนจริง พบว่า มีเพียง 38 จาก 116 ประเทศและเขตปกครองที่ Gallup สำรวจตลอดครึ่งหลังของปี 2020 ที่จะถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ 70% สำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

ใน 15 ประเทศรวมถึงอินเดียซึ่งกำลังเผชิญกับความหายนะจากการระบาดระลอกที่สองของไวรัสและมีประชากรไม่ถึง 10% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ตอบว่าเต็มใจที่จะรับวัคซีนโคโรนาไวรัสระหว่าง 80-89% และในอีก 22 ประเทศรวมถึงสหราชอาณาจักร เยอรมนี และบราซิลซึ่งกำลังเผชิญกับการติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ให้คำตอบ 70-79% ว่า มีแนวโน้มที่จะรับการฉีดวัคซีน

ระดับความเต็มใจต่ำสุดในยุโรปตะวันออก ประเทศในสหภาพโซเวียตเดิมรวมทั้งรัสเซีย

การวิจัยของ Gallup ซึ่งทำในนามของ Wellcome Global Monitor ในปี 2018 แสดงให้เห็นว่า คนในยุโรปตะวันออกและประเทศในสหภาพโซเวียตเดิมเป็นกลุ่มที่เชื่อน้อยที่สุดก่อนการระบาด ว่า วัคซีนโดยทั่วไปมีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล ผู้คนในสองภูมิภาคนี้มีแนวโน้มน้อยที่สุดในปี 2020 ที่จะเต็มใจรับวัคซีนโคโรนา โดยในกลุ่มประเทศในเครือรัฐเอกราชอยู่ที่เฉลี่ย 43% ส่วนในประเทศยุโรปที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปมี 46%

หลายประเทศในสองภูมิภาคนี้รวมถึงคาบสมุทรบอลข่านส่วนใหญ่ และประเทศในสหภาพโซเวียตยังคงเป็นประเทศที่ผู้คนเต็มใจรับวัคซีนโคโรนาน้อยที่สุดหากมีให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ตัวอย่างเช่น ชาวรัสเซียน้อยกว่าครึ่งหนึ่งในปี 2018 ที่เคยได้ยินเรื่องวัคซีน (45%) เห็นว่าปลอดภัยในขณะที่อีก 24% ไม่เห็นด้วย (เป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในโลก) ก่อนที่รัฐบาลจะเปิดตัววัคซีนโคโรนาไวรัสของตัวเองที่เรียกว่า Sputnik V ในประเทศในเดือนธันวาคม 37% ของชาวรัสเซียระบุว่า จะรับวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาหากได้รับการเสนอ ในขณะที่ 61% ตอบว่าพวกเขาจะไม่ฉีด

คนส่วนใหญ่ใน 20 ประเทศและเขตปกครองรวมถึงรัสเซียปฏิเสธไม่รับวัคซีน

ราว 3 ใน 10 (29%) ทั่วโลกตอบว่า ไม่ยินยอมเข้ารับการฉีดวัคซีนและอีก 3% ตอบว่า ไม่รู้หรือปฏิเสธที่จะตอบ เมื่อรวมกันแล้วพบว่ามีผู้ใหญ่ประมาณ 1.3 พันล้านคนที่ไม่ต้องการได้รับการฉีดวัคซีนในช่วงเวลาที่ทำการสำรวจ

ความพยายามที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนจะต้องประสบกับการต่อต้านที่รุนแรงอย่างชัดเจนในบางประเทศ ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ในกว่า 20 ประเทศและเขตปกครองตอบอย่างแน่วแน่ว่าไม่ยินยอมที่จะรับการฉีดวัคซีน นอกจากนี้ผู้คนในหลายประเทศเหล่านี้ยังไม่เห็นว่าประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนมีมากกว่า 2%

ไม่น่าแปลกใจที่ในกลุ่มนี้รวมรัสเซียและประเทศในยุโรปตะวันออกไว้ด้วยที่มีเพียงไม่กี่คนตอบว่าจะรับวัคซีน นำโดยกาบอง และแคเมอรูน ซึ่งเป็นประเทศในทวีปแอฟริกาและอยู่ใต้ทะเลทรายสะฮารา ที่ 2 ใน 3 ของประชากรจะไม่รับวัคซีนหากมีการเสนอ คนส่วนใหญ่ในเซเนกัล โตโก และนามิเบีย ยังตอบว่าจะไม่รับการฉีดวัคซีน

ที่มาภาพ: https://news.gallup.com/poll/348719/billion-unwilling-covid-vaccine.aspx

แนวโน้ม

เนื่องจากการสำรวจได้ดำเนินการตลอดปี 2020 ประเทศต่างๆ จึงอยู่ในระลอกของการระบาดที่แตกต่างกัน แต่ในประเทศส่วนใหญ่วัคซีนยังไม่ได้ฉีดให้กับคนทั่วไป จึงคาดหวังว่าทัศนคติอาจเปลี่ยนไป เนื่องจากวัคซีนเริ่มมีให้สำหรับผู้คนจำนวนมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น ความคิดเห็นเกี่ยวกับวัคซีนในสหรัฐอเมริกามีการเปลี่ยนแปลงในช่วงปีที่ผ่านมา ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ (53%) ในช่วงเวลาของการสำรวจทั่วโลกปี 2020 ในเดือนกันยายนและตุลาคมตอบว่า ยินยอมที่จะรับการฉีดวัคซีนซึ่งสอดคล้องกับการสำรวจในประเทศอื่นๆ ของ Gallup ในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตามในเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งเป็นเวลาไม่กี่เดือนหลังจาการเริ่มฉีดวัคซีน พบว่า 74% ของชาวอเมริกันตอบว่า จะฉีดหนึ่งในวัคซีนโควิดที่ได้รับการอนุมัติเพื่อใช้แบบฉุกเฉินจากสำนักงานอาหารและยา (FDA) หากมีให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วน 26% ตอบว่า จะไม่ฉีด

แม้ว่าทัศนคติของผู้คนในที่อื่นจะเปลี่ยนไปเช่นเดียวกับในสหรัฐฯ แต่ข้อมูลเหล่านี้ยังคงให้ความรู้สึกถึงการต่อต้านที่ประเทศต่างๆ มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับสาธารณชนในระหว่างการเริ่มฉีดวัคซีน และเป็นความท้าทายนอกไปจากด้านโลจิสติกส์ในกระบวนการการฉีดวัคซีนจำนวนมาก ในขณะที่กระบวนการนี้ยังคงดำเนินต่อไปทั่วสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ในที่สุดความท้าทายก็จะเปลี่ยนจากการตอบสนองความต้องการของผู้ที่เต็มใจรับการฉีดวัคซีนเป็นการสร้างการสนับสนุนในกลุ่มประชากรที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ซึ่งอาจยังลังเลอยู่