ThaiPublica > Sustainability > Sustainable Business > JPMorgan ธนาคารใหญ่สุดอเมริกาใช้เงิน 2.5 ล้านล้านดอลล์ แก้ Climate Change-ความเหลื่อมล้ำ

JPMorgan ธนาคารใหญ่สุดอเมริกาใช้เงิน 2.5 ล้านล้านดอลล์ แก้ Climate Change-ความเหลื่อมล้ำ

17 เมษายน 2021


ที่มาภาพ: https://cnnphilippines.com/world/2019/12/25/Asia-Pacific-climate-change.html

เจพีมอร์แกน (JPMorgan) กำลังใช้เงิน 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อต่อสู้กับวิกฤติสภาพภูมิอากาศและความไม่เท่าเทียมกัน

ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาเพิ่มพลังในการดำเนินการเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความเหลื่อมล้ำ

เจพีมอร์แกนเชส ประกาศเมื่อวันที่ 15 เมษายน ว่า มีเป้าหมายที่จะจัดหาเงินทุนหรือส่งเสริมการลงทุนมูลค่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี เพื่อสนับสนุนแนวทางที่แก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยมีเป้าหมายครอบคลุม 1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีสะอาดใหม่ การจัดการขยะ และการอนุรักษ์

การประกาศครั้งนี้ นับว่าเป็นการประกาศครั้งใหญ่ที่สุดโดยธนาคารรายใหญ่ และเป็นคำมั่นล่าสุดของสถาบันการเงินที่จะช่วยโลกปักหมุดไปสู่อนาคตด้านพลังงานที่สะอาดขึ้น

“นี่ไม่ใช่แค่การพูดในสิ่งที่ถูกต้อง แต่เป็นการทำในสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ” มาริสา บูคานัน ผู้บริหารฝ่ายความยั่งยืนระดับโลกของเจพีมอร์แกน กล่าวกับ CNN Business

เป้าหมายการใช้เงินมูลค่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2573 เป็นการเร่งเป้าหมายระยะสั้นของเจพีมอร์แกนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจพีมอร์แกนมุ่งมั่นที่จะใช้เงิน 200,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2563 เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน และได้ดำเนินการเกินกว่าเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงการใช้เงิน 55 พันล้านดอลลาร์ในโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว

“เทคโนโลยีต้องเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่ เมื่อต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศตามข้อตกลงปารีส นี่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราในฐานะธนาคาร” บูคานันกล่าว

ทางด้านแบงก์ออฟอเมริกา ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรื่องเป้าหมายการเงินที่ยั่งยืนมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุม 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่จัดไว้เฉพาะสำหรับการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ

คำมั่นทางการเงินเกิดขึ้นหลังจากเจพีมอร์แกน, แบงก์ออฟอเมริกา, เวลลส์ ฟาร์โก และธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึงในบริษัทและโครงการที่สนับสนุนทางการเงินภายในปี 2593

การประกาศดังกล่าวย้ำถึงความกดดันที่ธนาคารได้รับ และแสดงให้เห็นว่าธนาคารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ และแสดงให้เห็นว่าตลาดการเงินหรือวอลล์สตรีตมองว่า พลังงานสะอาดเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากขึ้น ไม่ใช่แค่การริเริ่มที่ให้ความรู้สึกดีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศมองว่าการดำเนินการของธนาคารขนาดใหญ่ไม่ได้มากพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีการสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่อง และมรายงานของกลุ่มเมื่อเดือนที่แล้วระบุว่า นับตั้งแต่บรรลุข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศของกรุงปารีสในปี 2558 ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก 60 แห่งได้ให้เงินสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล 3.8 ล้านล้านดอลลาร์

“ธนาคารยังคงติดลบสุทธิในการเงินที่ยั่งยืนโดยรวม” วาเนสซา ฟาฮานส์-เทอร์เนอร์ กรรมการบริหารของ BankFWD ซึ่งเป็นเครือข่ายที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อชักชวนให้ธนาคารยุติการจัดหาเงินทุนให้ชื้อเพลิงฟอสซิล

ตัวอย่างเช่น เจพีมอร์แกน ได้ให้เงินสนับสนุนโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิล 51.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 ตามรายงานของลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศ แม้ธนาคารสนับสนุนโครงการสีเขียวมูลค่า 55 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว

“นั่นไม่ใช่กลยุทธ์ทางการเงินที่ยั่งยืนที่สอดคล้องกัน ลูกค้าและคู่แข่งของธนาคารก็รู้ดี” ฟาฮานส์-เทอร์เนอร์ กล่าว “เราชื่นชมต่อการประกาศของธนาคารที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในด้านสภาพภูมิอากาศมากขึ้น แต่ธนาคารยังมีหนทางอีกยาวไกล”

ด้านผู้บริหารของเจพีมอร์แกนระบุว่า การหยุดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไม่ง่าย

เจมี ไดมอน ซีอีโอ เจพีมอร์แกน ที่มาภาพ: https://edition.cnn.com/2021/04/07/business/nightcap-jamie-dimon-tom-brady-starbucks/index.html

“ความจริงก็คือเราถกเถียงกันมานานแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องจริงหรือไม่” เจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน กล่าวในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นประจำปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “เราต้องยอมรับว่าการแก้ปัญหานั้นไม่ง่ายเพียงแค่หยุดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เราจะต้องใช้ทรัพยากร เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จนกว่าจะมีการพัฒนาทางเลือกในเชิงพาณิชย์ ราคาไม่แพง และคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานทั่วโลกของเราได้ทั้งหมด”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ขณะที่เจพีมอร์แกนกำลังเพิ่มการสนับสนุนพลังงานสีเขียว แต่ก็ไม่ได้บอกลาเชื้อเพลิงฟอสซิล

แม้น้ำมันและก๊าซคาดว่าจะยังเป็นแหล่งเชื้อเพลิงหลักในทศวรรษหน้า แต่นักเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศต้องกาให้รลดการสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลตอนนี้

“เราไม่สามารถจัดการกับวิกฤติสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีความหมาย โดยไม่หยุดการขยายตัวของเชื้อเพลิงฟอสซิล” นาตาลี เมเบน ผู้อำนวยการด้านนโยบายของกลุ่มสิ่งแวดล้อม 350.org กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 14 เมษายน เพื่อสนับสนุนกฎหมายที่จะหยุดการเช่าน้ำมันและก๊าซใหม่ในที่ดินและน้ำของรัฐบาลกลาง

เจพีมอร์แกนระบุว่า ได้ส่งเสริมและให้เงินสนับสนุนประมาณ 210 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงการริเริ่มสีเขียว ตัวอย่างเช่น ได้ช่วยระดมทุน 230 ล้านดอลลาร์สำหรับ Bloom Energy (BE) ซึ่งพัฒนาเครื่องกำเนิดพลังงานที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการปล่อยมลพิษ และจัดหาเงินทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาฟาร์มกังหันลม ALLETE Clean Energy ที่ผลิตพลังงานหมุนเวียนเพียงพอสำหรับบ้าน 114,000 หลัง

เป้าหมายจำนวน 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ที่เจพีมอร์แกนประกาศ ยังครอบคลุมการดำเนินการกระตุ้นการลงทุนในชุมชนที่ด้อยโอกาส ซึ่งรวมถึงการจัดหาเงินทุนให้กับธุรกิจขนาดเล็ก ที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง และการศึกษาในชุมชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางในประเทศตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา

ในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เจพีมอร์แกนระบุว่า จะดำเนินการเพื่อผลักดันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายนี้เป็นไปเพื่อยุติความยากจนและความอดอยาก

“มีชุมชนมากมายทั่วโลกที่ไม่มีมาตรฐานการครองชีพอย่างที่เรามีในสหรัฐอเมริกา และต้องการโครงสร้างพื้นฐาน งาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง” บูคานันจากเจพีมอร์แกนกล่าว