ThaiPublica > Sustainability > Sustainable Business > ไทยยูเนี่ยนย้ำจุดยืน “Healthy Living, Healthy Oceans” ตั้งเป้าบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ 100% ปี’68

ไทยยูเนี่ยนย้ำจุดยืน “Healthy Living, Healthy Oceans” ตั้งเป้าบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ 100% ปี’68

9 มีนาคม 2021


นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการดำเนินการด้านความยั่งยืนในปี 2563 จากที่ประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และแผนงาน 5 ปีหลัง

“2563 นับเป็นอีกปีที่ไทยยูเนี่ยนต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มจากต้นปีที่ดูเหมือนจะเป็นปกติทั่วไป จนกระทั่งโควิด-19 แพร่ระบาด และกลายเป็นความท้าทายแบบที่ไทยยูเนี่ยนไม่เคยประสบมาก่อน เราต้องทำงานอย่างรวดเร็วเมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงานเราทั่วโลก”

“สิ่งที่สำคัญอีกประการคือ ซัพพลายเชนที่เราจะต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อที่เราจะสามารถส่งสินค้าคุณภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการให้กับผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง ปีที่ผ่านมาให้บทเรียนกับเรามากมาย และทำให้เราได้เห็นว่าไทยยูเนี่ยนนั้นมีความสามารถในการปรับตัวได้ดีอย่างเหลือเชื่อ สามารถรับมือและปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วเมื่อจำเป็น”

ดูแลชุมชนขจัดความหิวโหย

อีกสิ่งที่สำคัญสำหรับไทยยูเนี่ยนมาอย่างยาวนานคือ การดูแลชุมชนที่ดำเนินธุรกิจอยู่ ในปี 2563 นับเป็นปีที่ชุมชนต้องการความช่วยเหลือจากไทยยูเนี่ยนมากกว่าที่เคยด้วยผลกระทบจากโควิด-19 ไทยยูเนี่ยนได้บริจาคสินค้าอาหารของบริษัทฯเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ให้กับชุมชนต่างๆ ทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งเป็นหนึ่งในการทำงานตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ เป้าหมายที่ 2 ในการขจัดความหิวโหย

โดยการบริจาคอาหารมากกว่า 3 ล้านชุดทั่วโลก ผ่านบริษัทและสำนักงานที่มีอยู่ทั่วโลก ในสหรัฐ อเมริกา แบรนด์ Chicken of the Sea บริจาคอาหารกว่า 2.5 ล้านชุด ในประเทศฝรั่งเศส แบรนด์ Petit Navire บริจาคทูน่า แมคเคอเรล และซาร์ดีน 75,000 ลังให้กับองค์กรที่ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ในประเทศจีน บริจาคทูน่า แบรนด์ King Oscar 52,000 กระป๋องให้กับเมืองอู๋ฮั่น และในประเทศอังกฤษ แบรนด์จอห์น เวสต์ ได้มอบผลิตภัณฑ์ให้กับกระทรวงสาธารณสุข

ในประเทศไทย ไทยยูเนี่ยนได้ดูแลผู้คนในช่วงโควิด-19 ดังนี้ คือ (1)ส่งมอบซีเล็คท์ปลาแมคเคอเรล 80,000 กระป๋องผ่านมูลนิธิสติ องค์กรที่ทำงานด้านสาธารณสุขและการศึกษากับชุมชนต่างๆ ในประเทศไทย (2) ส่งมอบซีเล็คท์ ทูน่า อินฟิวชันส์ ทูน่าพร้อมทานในถ้วย 42,000 ถ้วยให้กับสภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนทีมบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยสนับสนุนต่างๆ ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 (3)ส่งมอบซีเล็คท์ ปลาซาร์ดีน 10,000 กระป๋องให้กับครัวเคลื่อนที่สภากาชาดไทยเพื่อผู้ประสบภัยโควิด-19

(4) ส่งมอบ ซีเล็คท์ทูน่าสเปรด จำนวน 48,000 ชุด และซีเล็คท์ทูน่าและซาร์ดีนอีก 25,000 กระป๋องให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้ในโรงพยาบาลและหน่วยสนับสนุนที่รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 (5)ส่งมอบซีเล็คท์ปลาซาร์ดีน จำนวน 20,000 กระป๋องให้กับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ (6)ส่งมอบอาหารกล่องพร้อมทานคิวเฟรชจำนวน 500 กล่องให้กับทีมแพทย์โรงพยาบาลบำราศนราดูร และปลากระพงแช่แข็ง 400 กิโลกรัมให้กับโครงการเชฟฮักเพื่อใช้ปรุงอาหารให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่กรุงเทพฯ

แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะมุ่งเน้นการดูแลผู้คนที่ได้รับผลกระทบ แต่ไทยยูเนี่ยนก็ยังได้ดำเนินงานด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการด้านการพัฒนาการศึกษาผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรในโครงการ Connext ED และประชารัฐรักสามัคคีสมุทรสาคร และยังได้เปิดศูนย์เตรียมความพร้อมเด็กก่อนวัยเรียน แห่งที 5 เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเด็กข้ามชาตินับร้อยก่อนเข้าสู่ระบบการศึกษาของไทย

ในปี 2564 นี้ผลกระทบจากโควิด-19 ยังคงมีอย่างต่อเนื่องซึ่งไทยยูเนี่ยนจะยังคงดูแลชุมชนต่อไป กิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ นั้นมีความสำคัญมาโดยตลอด โดยจะยังดำเนินงานต่างๆ ทั้งโครงการ CONNEXT ED และประชารัฐรักสามัคคีสมุทรสาคร ต่อไปเพื่อดูแลเด็กๆ ในด้านโอกาสทางการศึกษา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเพื่อสังคมอื่นๆ อาทิ กิจกรรมเก็บขยะชายหาก รวมถึงการบริจาคสิ่งของต่างๆ ให้กับผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ภัยธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน

หนึ่งในความมุ่งมั่นของไทยยูเนี่ยนที่จะตอบแทนให้แก่ชุมชนที่มีการดำเนินงานอยู่ในปีที่ผ่านมาคือ การที่ไทยยูเนี่ยนได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับชุมชน 2 กลุ่มในจังหวัดสงขลา เพื่อจัดสร้างโรงตากอาหารทะเลแปรรูปจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะทำให้มีปริมาณปลาที่จะขายได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า ด้วยการลดระยะเวลาในการตากแห้งและยังทำให้สินค้ามีคุณภาพมากขึ้น

ข้อตกลงนี้ได้ทำร่วมกับกลุ่มสตรีแปรรูปอาหารทะเลบ้านนาทับ จังหวัดสงขลา และสมาคมรักษ์ทะเลไทย มีการกำหนดกรอบความร่วมมือระหว่างสามฝ่ายเพื่อปรับปรุงมาตรฐานอาหารปลอดภัย และพัฒนาความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการผลิตสินค้าอาหารทะเลแปรรูป อีกทั้งยังจะร่วมมือกันอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรชุมชนชายฝั่งและการจัดการผลผลิตสัตว์น้ำ

ภายใต้แบรนด์ เบลลอตต้า ผลิตภัณฑ์อาหารแมว ไทยยูเนี่ยนได้บริจาคอาหารแมวจำนวน 10,000 กระป๋องให้กับมูลนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร ซึ่งให้การช่วยเหลือแมวจรที่เจ็บป่วย ได้รับอุบัติเหตุ และแมวตามท้องถนนที่อดอยาก มูลนิธิฯ นี้ จะนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปยังศูนย์ช่วยเหลือแมวต่างๆ โรงพยาบาล และตามวัดต่างๆ ในประเทศไทย ซึ่งพบว่ามีจำนวนสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นจากการระบาดรอบใหม่ของ โควิด-19

ตั้งเป้าบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ 100%

ในระหว่างปีที่ผ่านมา นอกจากไทยยูเนี่ยนได้ฝ่าวิกฤตโควิด-19 แล้ว ยังเดินหน้าพัฒนาสานต่อโครงการต่างๆ เพื่อให้บริษัทเติบโตในด้านความยั่งยืน

“เราก็ตระหนักดีว่าธุรกิจของเราจะต้องเข้มแข็งในทุกๆ ด้านและมองไปยังอนาคต ดังนั้น ตลอดปีที่ผ่านมา พวกเรายังคงทำงานด้วยเป้าหมายในเรื่อง “Healthy Living, Healthy Oceans” โดยให้ความสำคัญในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีและอนุรักษ์ธรรมชาติของท้องทะเลไปพร้อมกัน ด้วยการทำงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเพื่อคนรุ่นต่อไป ความยั่งยืนเป็นหัวใจในการทำธุรกิจที่ไทยยูเนี่ยนมาโดยตลอด และปีที่ผ่านมาก็เช่นกัน”

ไทยยูเนี่ยนเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารรายแรก และเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่เข้าร่วมโครงการ EP 100 ขององค์กร The Climate Group ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด ซึ่งการเข้าร่วมนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัทที่จะจัดการกับปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหานี้ยังส่งผลกระทบต่อท้องทะเลทั่วโลก

โดยไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2574 เทียบจากข้อมูลในปี 2559

กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนหรือ SeaChange® ยังเป็นแนวคิดที่ใช้ผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลก ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลกจากการได้รับการจัดเข้าเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์หรือ DJSI เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน นอกจากนี้ยังเป็นอันดับที่ 2 ในส่วนของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับในดัชนี FTSE4 Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 อีกด้วย

ไทยยูเนี่ยนตระหนักว่าปี 2564 จะเป็นอีกปีที่มีทั้งโอกาสและอุปสรรค สืบเนื่องจากโควิด-19 ที่ส่งผลต่อธุรกิจและการดำเนินชีวิตของคนทั่วโลก ปีที่ผ่านมาถือว่าไทยยูเนี่ยนประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการ ซึ่งทำให้อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งมากขึ้นในการจัดการกับสิ่งต่างๆ ที่รออยู่ในปีนี้และปีต่อๆ ไป พฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้วเมื่อทุกคนต้องปรับตัวกับ “New Normal” ซึ่งต้องเตรียมตัวให้พร้อมหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงมองหาโอกาสทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต

“ความยั่งยืนมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจเราไปอนาคต ปีนี้เราตั้งเป้าหมายกลยุทธ์และงานด้านความยั่งยืนสำหรับปี 2568 ไว้ จะมีการทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติในข้อที่ 13 มากขึ้น รวมถึงการระบุปัจจัยเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมของโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดการขยะ”

“ไทยยูเนี่ยนจะทำการศึกษาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าภายในปี 2568 บรรจุภัณฑ์ของสินค้าภายใต้แบรนด์ของเราจะต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิล หรือย่อยสลายได้ 100% ซึ่งสัดส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้อยู่ที่ 30%”

ในปี 2564 นี้ เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจเพื่อ “ความเป็นอยู่ที่ดีและความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล” นั้นจะยังคงดำเนินต่อไป โดยจะยังทำงานต่อเนื่องในเรื่องของขยะพลาสติกในท้องทะเล โดยร่วมกับ the Global Ghost Gear Initiative (GGGI) เพื่อรณรงค์เรื่องการลดซากอุปกรณ์ประมงที่ถูกทิ้งลงทะเล

พนักงานปลอดภัย-เพิ่มทักษะ

ในปีที่ผ่านมาไทยยูเนี่ยนทั่วโลกได้ร่วมมือร่วมใจทำงานกันเป็นทีม ปรับตัวอย่างรวดเร็วและช่วยให้บริษัทผ่านสถานการณ์โควิด-19 มาได้อย่างเข้มแข็ง พนักงานคือ หัวใจของบริษัทและ 2563 เป็นปีที่พนักงานต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ หลายคนต้องเปลี่ยนมาทำงานจากบ้านเป็นระยะเวลายาวนาน ต้องจัดการสถานการณ์ต่างๆ ที่ไม่คาดคิด ทำให้ได้มีโอกาสปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานไปในตัว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานเสมอ ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 สิ่งนี้ยิ่งเพิ่มความสำคัญมากขึ้น มาตรการความปลอดภัยต่างๆ จึงเพิ่มขึ้น เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมเครื่องมือป้องกันต่างๆ ในโรงงาน การสอบประวัติผู้มาติดต่อ ในกรณีพบผู้ติดเชื้อ และเพิ่มขั้นตอนการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคในสถานที่ปฏิบัติงาน

ควบคู่ไปกับการดูแลพนักงาน ฝ่ายทรัพยากรบุคคลของไทยยูเนี่ยนเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะต่างๆ ให้พนักงานอย่างต่อเนื่องผ่านการฝึกอบรมต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนทักษะให้กับคนของเราในทุกภูมิภาค เพื่อให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงยั่งยืนในอนาคต

ปี 2563 นับเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ด้วยการบริหารจัดการที่เข้มแข็งและความทุ่มเทของพนักงาน ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา

ในปีนี้ไทยยูเนี่ยนจะมีโครงการใหม่ๆ ที่จะช่วยดูแลพนักงานให้ดียิ่งขึ้น และยังให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในทุกพื้นที่ปฏิบัติงาน ในส่วนของทักษะพนักงานก็ยังต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้องค์กรสามารถเติบโตได้ในอนาคต ซึ่งรวมถึง Management Associate Program เป็นโครงการค้นหาคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารไทยยูเนี่ยนได้ในอนาคต นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยน อะคาเดมี่ ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้บุคลากรเพิ่มพูนทักษะต่างๆ

“การดูแลพนักงานของเราจะยังคงเน้นสุขภาพ ความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีเป็นสำคัญ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราได้พิสูจน์ผ่านกิจกรรมและโครงการต่างๆ ที่ทำและเราจะตั้งใจทำต่อไป เพื่อให้ทีมไทยยูเนี่ยนแข็งแกร่ง ยั่งยืนและปรับเปลี่ยนเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และก้าวไปพร้อมๆ กัน”