
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th
นายกฯ คุมจัดสงกรานต์เฉพาะจุด-งดสาดน้ำ หลังพบผู้ติดเชื้อใน กทม.-เผยได้รายชื่อ ครม. ใหม่ครบแล้ว เหลือตรวจคุณสมบัติ – มติ ครม. วางกรอบจัดสรรงบฯ ปี 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้าน-ตั้ง “วีริศ อัมระปาล” นั่งผู้ว่า กนอ.
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ซึ่งในช่วงเช้าก่อนการประชุม ครม. นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha เพื่อสร้างความมั่นใจในการฉีดวัคซีน โดยระบุว่า

“เช้าวันนี้ นอกจากการหารือวาระต่างๆ ก่อนการประชุม ครม. ผมได้เชิญ รองนายกรัฐมนตรีและคณะแพทย์ที่ปรึกษามาพบ เพื่อรับทราบรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยและต่างประเทศรวมทั้งแผนการฉีดวัคซีนในประเทศไทยในระยะต่อไปครับ
ผมเองก็จะฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในวันนี้ วัคซีนตัวนี้ทางองค์การอนามัยโลก ได้รับรองความปลอดภัยแล้ว รวมทั้ง คณะแพทย์ที่ปรึกษา และ สธ. (กระทรวงสาธารณสุข) ก็ยืนยันว่าสามารถฉีดได้อย่างมั่นใจครับ”
แย้มหลังฉีดวัคซีน “สมองแล่น”–ตั้งเป้าฉีด 10 ล้านโดส/เดือน
พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงความรู้สึกหลังจากได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเมื่อช่วงเช้านี้ว่า ตนคาดไว้แล้วว่าสื่อจะต้องถาม ซึ่งตนก็ได้ถามในห้องประชุมเช่นกันว่าฉีดแล้วเป็นอย่างไร ทุกคนก็ปกติ ส่วนตนเองก็รู้สึกว่าวันนี้หัวสมองแล่นดี ยังไม่เป็นอะไร ไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น เป็นปกติ
“เพื่อให้ทุกคนมั่นใจเป็นนายกฯ ก็พร้อมจะฉีด (วัคซีนโควิดฯ) ตลอดเวลา วันนี้หมอเขาพิจารณาแล้วว่าควรจะฉีด ก็ฉีดไป ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันให้เสียหายต่อไปในอนาคต เพราะวันนี้เราต้องสร้างความเชื่อมั่น วันนี้ผมก็เป็นตัวอย่างก่อนที่ได้มีการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า”
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า วันนี้ตนได้รับรายงานความคืบหน้าต่างๆ และได้เร่งรัดที่จะเร่งปริมาณการฉีดวัคซีนให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยปริมาณที่เข้ามาในวันนี้เพียงพอที่จะฉีดเพียงในโรงพยาบาลก่อน หากวันหน้ามีปริมาณนำเข้ามามากขึ้นก็จะขยายไปยังพื้นที่ต่างๆ ด้วย โดยอาจดำเนินการในรูปแบบของคลินิกเคลื่อนที่
นอกจากนี้ วันนี้ตนได้ทราบว่ามีโรงพยาบาลหลายโรงที่เสนอขอเข้ามายังกระทรวงสาธารณสุข คงเหลือเพียงขั้นตอนการตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน เพื่ออนุมัติการนำเข้า ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาการฉีดสำหรับบุคคลที่มีความต้องการเร่งด่วน ให้ไปฉีดในโรงพยาบาลเอกชนทั่วไปโดยไม่รอของรัฐบาล ก็ถือเป็นการช่วยกัน ซึ่งตนคิดว่าทุกอย่างกำลังเดินไปได้ด้วยดี
“ตั้งเป้าไว้ว่าต่อไปหากวัคซีนมาครบแล้วเราจำเป็นต้องฉีดให้ได้เดือนละประมาณ 10 ล้านคน 10 ล้านโดสก็ต้องทำให้ได้ เราก็วางแผนเอาไว้เป็นระยะผ่านไปมีปัญหาตรงไหนก็แก้ตรงนั้นเท่านั้นเอง ขอแต่มีความเชื่อมั่นและไว้วางใจซึ่งกันและกัน”
เผยคลังถกฝ่าย กม. ยันไม่ปล่อย “คดีรถหรู”
พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงความคืบหน้าของคดีรถหรู หลังถูกดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า กระทบต่อผู้ซื้อและผู้ขาย รวมถึงการจัดเก็บภาษีของรัฐ ว่า กรณีดังกล่าวเป็นปัญหาสำคัญที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ซื้อและผู้ขายและมีการกระทำผิดกฎหมายไปด้วย เพราะฉะนั้นในกรณีเหล่านี้จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ
“ขณะนี้กระทรวงการคลังก็ไปปรึกษาหารือกันและต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายด้วย เพราะต้องมีการดำเนินคดีไปด้วยนั่นคือประเด็นสำคัญ”
คุมจัดสงกรานต์เฉพาะจุด-งดสาดน้ำ หลังพบผู้ติดเชื้อใน กทม.
พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีการพบผู้ติดเชื้อโควิดฯ ในตลาดทั้งในกรุงเทพฯ และปทุมธานีจำนวนมาก จะส่งผลต่อการผ่อนปรนมาตรการการท่องเที่ยวและเทศกาลสงกรานต์หรือไม่ว่า เรื่องการพบผู้ติดเชื้อในตลาดทั้งในกรุงเทพฯ และปทุมธานีจำนวนมากจะส่งผลกระทบหรือไม่อันนี้ก็ต้องติดตามในช่วงระยะเวลาที่เหลือนี้อยู่ ว่าจะทำอย่างไรต่อไปในบางพื้นที่ถ้าเราควบคุมได้มันก็อาจจะมีผลกระทบไม่มากนัก เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนในการป้องกันตนเองด้วย
สำหรับมาตรการในด้านสงกรานต์ก็จะเข้าในการประชุมสัปดาห์นี้ ซึ่งตนได้สั่งการไปแล้วให้หามาตรการผ่อนคลายในบางพื้นที่ต่างๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นก็ต้องไปดูเฉพาะพื้นที่ตรงนี้
“ในการจัดงานสงกรานต์ครั้งนี้ผมก็เน้นในเรื่องของการ ควบคุมพื้นที่ให้ได้พื้นที่จัดงานพื้นที่ที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องตลาดสดพวกนี้ต้องมีมาตรการเพิ่มขึ้นมาคือการกำหนดพื้นที่และช่องทางเข้าออกมีการใช้ แอปพลิเคชันติดตามตัว มีการใช้หน้ากากถ้าไม่ใช้หน้ากากก็เข้าไม่ได้ มันต้องเข้มงวดแบบนี้เหมือนกันไม่อย่างนั้นก็จะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้”
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า จะเห็นได้ว่าหลายประเทศในภูมิภาคในโลกก็มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นจำนวนมากโดยเฉพาะประเทศที่มีรายได้สูง แต่ประเทศไทยถึงจะเพิ่มก็ไม่ได้เพิ่มมากมายเท่าเขา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย แต่ถือว่าเราก็ดีกว่าเขาแสดงว่ามาตรการของเราก็ดีมาโดยตลอด มันอยู่ที่ความเอาใจใส่ของพวกเราของประชาชนทุกคนซึ่งทุกคนก็จะต้องระมัดระวังตัวเองให้ได้มากที่สุดในอันดับแรก
ด้านนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) ชุดเล็ก ในวันที่ 17 มีนาคม 2564 นี้ จะมีการเสนอกรอบการผ่อนปรนให้จัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยวันนี้กระทรวงวัฒนธรรมจะมีการประชุมคณะกรรมการบูรณาการที่เกี่ยวข้องกับประเพณีสงกรานต์ ซึ่งจะมีแนวปฏิบัติที่ได้หารือกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว โดยจะอนุญาตให้มีการจัดสงกรานต์ได้ตามประเพณี เน้นแก่นแท้ของประเพณี เช่น การตักบาตร สรงน้ำพระ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ส่วนกิจกรรมที่เป็นการละเล่นโดยเฉพาะ
โดยปีนี้ยังต้องขอให้เว้นการเล่นน้ำไปก่อน เนื่องจากว่าวิเคราะห์แล้วมีความเสี่ยงเรื่องของการมีของเหลวเข้าสู่ร่างกาย เช่นเดียวกับงานวันไหล จ.ชลบุรี ที่มีการละเล่นพื้นบ้านและมีการสาดน้ำ ชัดเจนว่า ต้องงดการสาดน้ำ งดการประแป้ง งดปืนฉีดน้ำ เช่นกัน
“การสาดน้ำและการประแป้งจะให้งดเว้นไปก่อน เนื่องจากยังมีความกังวลจากหลายส่วน รวมถึงกรณีเกิดคลัสเตอร์ใหม่ด้วย ทำให้กังวลว่าหากมีการสาดน้ำจะเกิดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อได้ โดยจะเสนอให้ ศบค. ชุดใหญ่พิจารณา 19 มีนาคม 2564 ส่วนสถานที่เอกชนก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโควิดฯ เช่น ถนนข้าวสารสามารถปิดถนนได้ แต่ต้องงดสาดน้ำ ส่วนสรงน้ำพระ ขบวนแห่ต่างๆ ขอให้ดูตามความเหมาะสม ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบประเพณีของแต่ละจังหวัด” นายอิทธิพลกล่าว
เผยได้รายชื่อ ครม. ใหม่ครบแล้ว เหลือตรวจคุณสมบัติ
พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีใหม่ว่า ตนได้รับรายชื่อมาครบแล้ว อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยใช้เวลาอีกระยะ และจะให้จบสิ้นโดยเร็ว แต่ละพรรคได้เสนอเข้ามาแล้ว จะอยู่กระทรวงไหนก็เป็นเรื่องของตนจะตัดสินใจความเหมาะสม และการหารือต่างๆ จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการดำเนินการโดยรับฟังข้อคิดเห็นจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเราต้องไปด้วยกัน
เมื่อถามว่าสัปดาห์นี้จะได้เห็นหน้าตารัฐมนตรีใหม่หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องนี้จะครบขั้นตอนก็คือการเข้าเฝ้าถวายสัตย์
ชี้ยังไม่เห็น กทม. ของบฯ จ่าย “BTS” – “คดีโฮปเวลล์” ยังอยู่ศาลปกครอง
พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีที่ กรุงเทพมหานครฯ จะของบประมาณจากรัฐเพื่อจ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถให้ BTS กว่า 3 หมื่นล้านบาท ว่า ตนยังไม่เห็นเรื่องเหล่านี้ ยังไม่มาถึงตน
ต่อคำถามถามถึงความคืบหน้าการจ่ายเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท กรณีโฮปเวลล์ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดนี้อยู่ในศาลปกครอง ขอให้รอฟังผลการพิจารณาต่อไป
ยันคุ้มครองสิทธิ แกนนำคณะราษฎรในเรือนจำ-สั่งติดกล้องวงจรปิด
พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงกรณีที่เฟซบุ๊กของทนายอานนท์ นำภา ทนายและนักเคลื่อนไหวที่อยู่ระหว่างการคุมขังในเรือนจำพิเศษ ได้มีการเผยแพร่จดหมายที่ระบุว่ามีการคุกคามจากเจ้าหน้าที่ที่พยายามดึงตัวแกนนำผู้ชุมนุมออกจากห้องขังยามวิกาล ว่า ตนได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งตนได้เน้นย้ำให้ติดตามกรณีดังกล่าว และให้มีการคุ้มครองผู้ต้องหา พร้อมสั่งติดกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจดูเพิ่มเติม
“ผมบอกแล้วว่าดำเนินการตามกฎหมายก็ต้องคุ้มครองผู้ต้องหาด้วยตามหลักการของกฎหมายอยู่แล้ว ผมบอกว่าให้รับรองอย่างที่สุดแล้วก็การกล่าวอ้างต่างๆ ก็ต้องมีหลักฐานชัดเจน เดี๋ยวผมสั่งให้ติดกล้องก็ต้องดูด้วยว่ามีใครไปทำอะไรหรือเปล่าหรือเขาทำตัวเองหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน”
ต่อคำถามถึงการชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิให้แก่ชาวบ้านโป่งลึก บางกลอย พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้รับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมไว้พิจารณาแล้ว วันนี้เขาคงจะทยอยกลับ
“มันจะแก้การโดยปากต่อปากอย่างนี้ไม่ได้หลายอย่างก็ต้องมีกลไกมีขบวนการมีกฎหมายสร้างความเข้าใจกันไปก่อนว่ารัฐบาลนั้นรับทราบความเดือดร้อนของท่าน และรัฐบาลจะนำไปสู่การพิจารณาแก้ไขเป็นขั้นตอนต่อไปกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นี่คือหลักการบริหาร ไม่ใช่ว่าทุกอย่างวุ่นวายไปหมดมันไม่ได้มันเกี่ยวพันกันหลายส่วนด้วยกัน”
อย่างไรก็ตาม หากเขาจะกลับไปอยู่ในพื้นที่ใจแผ่นดินนั้นไม่สามารถทำได้ แต่ภาครัฐได้ดำเนินการจัดหาพื้นที่ทำกินให้ ตอนนี้กำลังเร่งรัดเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำให้ ทุกอย่างกำลังดีขึ้น คนส่วนใหญ่เขาก็พึงพอใจ
“ก็ต้องดูตามกฎหมายนั่นแหละ ทุกคนถ้าเคารพกฎหมายก็ไม่ละเมิดซึ่งกันและกัน มันแก้ได้ทั้งหมดต้องเคารพในหลักการสำคัญด้วยรัฐธรรมนูญเขียนไว้เป็นกรอบกว้างๆ แต่ต้องมาดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ กฎหมายลูกที่เป็นวิธีปฏิบัติ หากทุกคนเอาเพียงแค่ที่รัฐธรรมนูญเขียนมา บอกว่านี่เป็นสิทธิ์มันไม่ใช่ มันจะยุ่งไปหมดเข้าใจไหม เพราะฉะนั้นจะมีกฎหมายลูกไว้ทำไมกฎหมายลูกมีไว้เพื่อให้หน่วยงานนำไปสู่การปฏิบัติกฎกระทรวงออกมาให้สอดคล้องกับกฎหมายโลกกฎหมายโลกก็สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมันเป็นแบบนี้”
โต้สั่งล็อกแก้ รธน. ยันนายกฯ ทำหน้าที่ครบแล้ว
พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามถึงประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ รวมถึงการโหวตในวาระ 3 ว่า ในวันเดียวกันนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้หารือร่วมกับวิปรัฐบาล ซึ่งนายกฯ ได้ทำหน้าที่ครบแล้ว คือการนำเข้าพิจารณาในสภา นี่คืออำนาจของฝ่ายบริหาร ตนสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนจะแก้ได้หรือไม่อย่างไรนั้น สุดท้ายอยู่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติ หากมีปัญหาก็ไปต่อที่ฝ่ายตุลาการ
“รัฐบาลมุ่งมั่นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะแก้อย่างไรก็ไปว่ากันมา อย่ามากล่าวอ้างว่าผมไปบีบคำตอบหรือให้เซ็นอะไร ผมสั่งอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
มติ ครม. มีดังนี้

ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th
วางกรอบจัดสรรงบฯปี 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้าน
นายอนุชากล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบ แนวทางจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จำนวน 3,100,000 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
- รายจ่ายประจำ 2,360,543.0 ล้านบาท ลดลง 177,109.3 ล้านบาทหรือร้อยละ 98 จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76.15 ของวงเงินงบประมาณ
- รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน 7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100 จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เนื่องจากในปีงบประมาณปี 2564 ไม่มีรายการที่ต้องเสนอตั้งงบประมาณ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.02 ของวงเงินงบประมาณ
- รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่าย จำนวน 24,978.6 ล้านบาท เพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่ายที่ได้นำไปใช้จ่ายตามนัยมาตรา 45 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 100 จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 81 ของวงเงินงบประมาณ
- รายจ่ายลงทุน จำนวน 624,399.9 ล้านบาท ลดลง 24,910.3 ล้านบาท จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14 ของวงเงินงบประมาณ
- รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.22 ของวงเงินงบประมาณ (รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้เป็นรายจ่ายลงทุน กรณีการกู้เพื่อการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 10,518.2 ล้านบาท)
เมื่อจำแนกการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตามยุทธศาสตร์แล้วพบว่า ยุทธศาสตร์ที่มีสัดส่วนงบประมาณสูงสุด คือ ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมอยู่ที่ 733,749.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.67 ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการจัดสรร 709,866.98 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการกระจายอำนาจเพิ่มขึ้น และสอดคล้องกับแนวทางปฏิรูปรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถพึ่งพาตนเอง รวมทั้งยังให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณานำเงินนอกงบประมาณหรือเงินสะสมมาใช้สมทบเพื่อดำเนินโครงการลงทุนในท้องถิ่นมากขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้เสนอแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยขอให้หน่วยรับงบประมาณ รักษาสัดส่วนรายจ่ายลงทุน ไม่ควรเปลี่ยนแปลงรายจ่ายลงทุนไปเพิ่มในรายจ่ายประจำ และไม่ควรเปลี่ยนแปลงงบประมาณในแผนงานบูรณาการหรือแผนงานยุทธศาสตร์ไปเพิ่ม ในแผนงานพื้นฐาน รวมทั้งไม่ควรเพิ่มรายการใหม่ที่มีภาระผูกพัน
โดยให้หน่วยรับงบประมาณปรับปรุงรายละเอียดตามแนวทางดังกล่าวและส่งผลการปรับปรุงให้สำนักงบประมาณส่งสำนักงบประมาณภายในวันที่ 18 มีนาคม 2564 เพื่อให้สำนักงบประมาณนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์ต่อไป (อังคาร 23 มีนาคม 2564)
สำหรับส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณประจำปี ให้พิจารณาเพิ่มรายจ่ายลงทุนจากแหล่งเงินลงทุนของประเทศในช่องทางอื่นนอกเหนือจากงบประมาณรายจ่าย เช่น การร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน (PPP) และการลงทุนของหน่วยงาน ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (THAILAND FUTURE FUND) รวมทั้งพิจารณาการใช้เงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ด้วย
อนุมัติ 438 ล้าน สร้าง OQ แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 7 จว.
นายอนุชา กล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติจัดสรรงบฯ ปี 64 งบกลาง 438,075,800 บาท สำหรับจัดทำโครงการ Organizational Quarantine (OQ) สำหรับแรงงานต่างด้าวและผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) จำนวน 14 แห่ง/กองร้อย เน้นพื้นที่ใน 7 จังหวัด ได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จังหวัดเชียงราย จังหวัดระนอง จังหวัดสงขลา จังหวัดจันทบุรี จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดหนองคาย เพื่อปรับปรุงพื้นที่กองร้อยฯ เป็น OQ และยกระดับขึ้นเป็นโรงพยาบาลสนามได้ หากกระทรวงสาธารณสุข ร้องขอด้วย
โครงการ OQ สำหรับแรงงานต่างด้าวและผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 6 เดือน (เมษายน-กันยายน 2564) ประกอบด้วย ปรับปรุงอาคารกองร้อยกำลัง วงเงิน 52.87 ล้านบาท ให้เป็นที่พักเหมาะสมไม่แออัดในการควบคุมแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จัดหาเต็นท์สนามขนาด 250 เตียง วงเงิน 385.21 ล้านบาท รองรับการควบคุมกักบริเวณแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยตามบันทึกความเข้าใจข้างต้น ซึ่งเต็นท์สนามต้องมีลักษณะสำคัญ โดยเป็นอาคารโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปชนิดพิเศษ prefabricated structure ผนังอาคารทั้งหมดกรุด้วยฉนวนกันความร้อนปิดทับด้วยเหล็กแผ่นเคลือบสีพิเศษชนิด medical grade ที่ใช้ในห้อง clean room และโรงพยาบาล
“โครงการฯ นี้ เป็นการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขของผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งคนไทยและคนต่างด้าวทั้งระบบ (ควบคุม/คัดกรอง/ป้องกัน) จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมทั้งยังช่วยป้องกันคนไทยจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากกรณีคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วยและเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงและเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (บช.ตชด.) ยังสามารถปรับใช้ประโยชน์จากอาคารที่ได้รับการปรับปรุงและเต็นท์สนามเพื่อรองรับภารกิจอื่น ๆ ตามความเหมาะสมต่อไปได้อีกด้วย” นายอนุชา กล่าว
เห็นชอบ กฟผ.เปิด “เครดิตไลน์” กู้ปีละ 10,000 ล้าน 3 ปี
นายอนุชา กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบต่ออายุเงินกู้ระยะสั้นแบบ Credit Line วงเงินปีละ 10,000 ล้านบาท ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2564 ภายใต้เงื่อนไขเดิม คือ กู้เบิกเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำ Trust Receipt (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม (Call Loan) โดยให้พิจารณาทำสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินที่มีต้นทุนต่ำที่สุด ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง (กค.) ไม่ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยจากการกู้เงินดังกล่าว เพื่อให้ กฟผ. สามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระทรวงพลังงานรายงานว่า วงเงินกู้ระยะสั้นแบบ Credit Line ของ กฟผ. ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติเห็นชอบไว้ จะหมดอายุลงในวันที่ 11 กันยายน 2564 แต่ กฟผ. ยังมีความจำเป็นต้องใช้วงเงินกู้ดังกล่าว เพื่อรองรับการบริหารสภาพคล่องให้มีประสิทธิภาพ
เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนเป็นจำนวนที่สูงมากในการดำเนินงาน โดยมีรายจ่ายประจำที่ต้องชำระ ได้แก่ ค่าเชื้อเพลิง ค่าซื้อกระแสไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายลงทุน และอื่น ๆ รวมทั้งรายจ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ เช่น การขยายระยะเวลาชำระค่าไฟฟ้าให้แก่ผู้ซื้อกระแสไฟฟ้ารายใหญ่บางราย ทำให้ส่งผลกระทบต่อประมาณการกระแสเงินสด รวมทั้งรายได้จากค่าไฟฟ้าหรือค่าขายไฟฟ้าที่อาจจะคลาดเคลื่อนไปจากประมาณการกระแสเงินสดที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีมติเห็นชอบการต่ออายุเงินกู้ระยะสั้นของกฟผ. ด้วยแล้ว
ขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 3 จว.ชายแดนใต้อีก 3 เดือน
นายอนุชา กล่าวว่า ครม. เห็นชอบขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ทุกอำเภอในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก อ.สุคิริน อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2564 – 19 มิถุนายน 2564
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 มีมติเห็นชอบให้เสนอ ครม. เพื่อพิจารณาการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ดังกล่าวข้างต้นออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2564 – 19 มิถุนายน 2564 เพื่อเป็นเครื่องมือทางกฎหมายในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐในการป้องกันและระงับยับยั้งเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะอำนาจในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 30 วัน เพื่อประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ประกอบกับผลจากการประเมินการใช้ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ พบว่า ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนใหญ่ยังไม่ต้องการให้ยกเลิก พ.ร.ก. ดังกล่าว ด้วย
เล็งฉีดวัคซีน นศ.ไทย 1,000 คน ส่งกลับไปเรียนต่อจีน
ผศ. ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานความคืบหน้ากรณีนักศึกษาไทยที่ไม่สามารถเดินทางไปเรียนในประเทศจีนได้ โดยที่ผ่านมาสถานศึกษาในประเทศจีนกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มาตรการการศึกษาล่าช้า ดังนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศจึงเสนอให้ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ให้แก่นักศึกษาไทยที่จะเรียนต่อในประเทศจีน โดยคาดว่ามีจำนวนมากกว่า 1,000 คน
เคาะลงโทษทางวินัย ขรก.คุกคาม-ล่วงละเมิดทางเพศ
ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการทางการบริหารเพื่อประสิทธิภาพในการดำเนินการทางวินัยและจริยธรรม เพื่อดำเนินการทางวินัยและจริยธรรมข้าราชการในกรณีคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการกระทำการดังกล่าว
ผศ. ดร.รัชดา กล่าวต่อว่า มาตรการดังกล่าวจะดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการ เช่น การสั่งพักราชการหรือการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน การสั่งให้ประจำส่วนราชการ การสั่งสำรองราชการ หรือการสั่งตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินที่มีอยู่ หากผู้บังคับบัญชาละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัย
นอกจากนี้ สำนักงาน ก.พ.ได้จัดประชุมร่วมกันระหว่างองค์กรการบริหารงานบุคคลของข้าราชการประเภทต่างๆ เพื่อศึกษาวิเคราะห์กฎหมายว่าด้วยการบริหารงานบุคคล เพื่อกำหนดมาตรฐานหรือหลักเกณฑ์กลาง ตามมาตรา 10 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เช่น การนำมาตรการทางการบริหารมาใช้เพื่อให้การดำเนินการทางวินัยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เห็นชอบ MOU อาเซียน-สหรัฐ ต้านก่อการร้ายโดยใช้วัสดุนิวเคลียร์
ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับสหรัฐอเมริกาด้านความร่วมมือ เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหรัฐอเมริกาด้านความมั่นคงและตอบสนองต่อการก่อการร้ายที่ใช้วัสดุนิวเคลียร์และวัสดุกัมมันตรังสี ระยะดำเนินการเวลา 3 ปี
กรอบความร่วมมือดังกล่าวมุ่งเน้นการจัดฝึกอบรมด้านต่างๆ ดังนี้
- ด้านการป้องกัน เช่น หน้าที่การกำกับดูแลความปลอดภัย ได้แก่ การอนุญาตการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมาย ข้อมูลภัยคุกคามที่สามารถออกแบบป้องกันได้ การฝึกอบรมและวิธีการตอบสนองต่อการก่อวินาศกรรมและลักทรัพย์ การจัดการวัสดุกัมมันตรังสีที่เลิกใช้งาน การพัฒนาแนวคิดการดำเนินการระบบตรวจวัดทางรังสี เป็นต้น
- ด้านการตอบสนอง เช่น การบริหารจัดการผลจากเหตุฉุกเฉินทางรังสี ระบบ และมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ การค้นหาวัสดุนิวเคลียร์และวัสดุกัมมันตรังสีที่อยู่นอกเหนือการกำกับดูแล เป็นต้น
- การเชื่อมโยงด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ วัฒนธรรมความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ เป็นต้น
มอบท้องถิ่น ร่วมแก้ปัญหาแม่วัยใส
ผศ. ดร.รัชดา กล่าวว่า ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดสิทธิในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. …. โดยกำหนดให้ราชการส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการ ดังนี้
- จัดให้มีสถานที่หรือสถานบริการ เพื่อบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ หรือบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาในวัยรุ่น
- จัดสวัสดิการทางสังคมให้แก่วัยรุ่น เช่น การส่งเสริมฝึกอบรมการประกอบอาชีพหรือจัดหางาน ส่งเสริมการพัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจ และให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายหรือกระบวนการยุติธรรม
- จัดให้มีระบบการประสานส่งต่อและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนงานโครงการ และให้มีงบประมาณสนับสนุนแก่ราชการส่วนท้องถิ่นอื่น หรือหน่วยงานของรัฐ องค์กรภาคประชาชน องค์กรการกุศล ฯลฯ
บรรจุลูกจ้าง สธ. เป็นข้าราชการ 3,179 อัตรา
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ครม. อนุมัติการบรรจุลูกจ้างประจำของกระทรวงสาธารณสุขในตำแหน่งอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เพื่อรองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ซึ่งตามมติเดิมของ ครม. เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 เห็นชอบให้จัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่รวม 38,105 อัตรา โดยทางกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการคัดเลือกและบรรจุบุคคลเข้ารับราชการได้จำนวน 34,926 อัตรา คงเหลือ 3,179 อัตรา เนื่องจากมีปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในอัตราข้าราชการตั้งใหม่ได้ครบ เช่น มีคุณสมบัติไม่ตรงตามตำแหน่งตามมาตรฐานที่กำหนด มีชื่อตำแหน่งที่ได้รับการจ้างงานอยู่เดิมไม่ตรงกับชื่อตำแหน่งในสายงานที่จะเข้ารับการคัดเลือกและบรรจุเข้ารับราชการ
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้เสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อขอนำอัตราที่คงเหลือไปบรรจุลูกจ้างประจำของกระทรวงสาธารณสุขในอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เพื่อรองรับภาวะฉุกเฉินสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตามหากดำเนินการข้างต้นแล้วยังมีตำแหน่งว่างคงเหลือ อาจพิจารณาบรรจุบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้ตามเหตุผลความจำเป็น โดยคำนึงถึงความเป็นธรรม เป็นที่ยอมรับ และการป้องกันผลกระทบอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นภายหลัง ตามหลักเกณฑ์ที่ ก.พ. กำหนดไว้เดิม
นอกจากนี้ยังให้กระทรวงสาธารณสุขชี้แจงทำความเข้าใจกับบุคลากรที่จะได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการให้ทราบและเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างถูกต้อง และเมื่อได้ดำเนินการบรรจุบุคลากรครบถ้วนตามที่ได้รับจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่จำนวน 38,105 อัตราแล้ว ให้กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินการตลอดจนแจ้งการยุบเลิกตำแหน่งที่จ้างงานด้วยรูปแบบอื่นให้ คปร. ทราบภายในเดือนมีนาคม 2564 ด้วย
ผ่านหลักเกณฑ์เบิกค่ารักษาโควิดฯ คุ้มครอง พนง. รัฐวิสาหกิจ 285,598 คน
นางสาวไตรศุลีกล่าวว่า ครม. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการและค่าใช้จ่ายอื่นสำหรับตนเอง คู่สมรส หรือบุตร ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ทางกระทรวงสาธารณสุขกำหนด
และกรณีที่ผลการตรวจยืนยันว่า ไม่ติดเชื้อ แต่ยังมีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน ได้กำหนดให้รับสิทธิในการได้รับเงินค่ารักษาพยาบาล โดยให้นำประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่องหลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย อันไม่ใช่เนื่องจากการทำงานมาใช้บังคับ
นอกจากนี้ยังกำหนดสิทธิให้ได้รับค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลสำหรับตนเอง คู่สมรส หรือบุตร กรณีได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ส่วนกรณีลูกจ้าง คู่สมรส หรือบุตร หรือญาติ ปฏิเสธการส่งต่อผู้ป่วยไปรับการดูแลรักษายังสถานพยาบาลอื่น ผู้ป่วยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง
รวมถึงกำหนดให้เมื่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กำหนดค่าใช้จ่ายกรณีการเจ็บป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตราย แจ้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้นายจ้างทราบแล้ว ให้นายจ้างจ่ายค่าใช้จ่ายตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้แก่สถานพยาบาลภายใน 15 วัน และกำหนดให้สถานพยาบาลมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายแทนลูกจ้าง และกรณีที่รัฐวิสาหกิจใดมีข้อกำหนดให้สิทธิการรักษาพยาบาลแก่บิดา มารดาของลูกจ้าง ให้บิดามารดาของลูกจ้างดังกล่าวมีสิทธิตามประกาศนี้ด้วย
“กระทรวงแรงงานได้จัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่จะได้รับแล้วพบว่า ตามที่ได้ประมาณการรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีโควิด-19 ของแต่ละรัฐวิสาหกิจไว้ในปี 2564 จำนวน 6,230 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะไม่เพิ่มขึ้นจากเดิม และร่างประกาศฉบับนี้จะส่งผลให้พนักงานรัฐวิสาหกิจทั้งหมดรวมกว่า 285,598 คน ได้รับการคุ้มครอง และทำให้สถานพยาบาลได้รับค่าใช้จ่ายโดยเร็วจากรัฐวิสาหกิจ” นางสาวไตรศุลี กล่าว
ขยายเวลาทุนเรียนดี สายสังคมถึงปี 2570 วงเงิน 3,544 ล้าน
นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ครม. เห็นชอบให้ขยายเวลาการดำเนินโครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ หรือทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทยจากปี 2552-2564 เป็น 2552-2570 และอนุมัติให้ใช้กรอบวงเงินที่เหลือจากการดำเนินโครงการจำนวนเงิน 3,544.13 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อการจัดสรรทุนการศึกษาระดับปริญญาเอกและระดับปริญญาโท-เอกจำนวนรวมทั้งสิ้น 637 ทุน เพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนอาจารย์ในสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการจัดการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและการพัฒนาประเทศไทยได้
สำหรับการให้ทุนครั้งนี้มีรายละเอียดดังนี้ 1. ทุนในประเทศจำนวน 175 ทุน ระดับปริญญาเอก 75 ทุน ปริญญาโท-เอก 100 ทุน และทุนต่างประเทศจำนวน 462 ทุน ระดับปริญญาเอก 197 ทุน และระดับปริญญาโท-เอก 265 ทุน คิดเป็นค่าใช้จ่ายรวม 3,166.92 ล้านบาท และ 2. ทุนอบรม ศึกษาเพิ่มเติม วิจัยในต่างประเทศจำนวน 93 ทุน และทุนสนับสนุนศักยภาพในการทำวิจัยด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เพื่อต่อยอดการทำวิจัยเชิงลึกในสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ในต่างประเทศ (post- doctoral) จำนวน 230 ทุน ระยะเวลา 1 ปี รวมเป็นค่าใช้จ่าย 259.50 ล้านบาท ส่วนค่าบริหารโครงการใช้เงินจำนวน 117.71 ล้านบาท
ตั้ง “วีริศ อัมระปาล” นั่งผู้ว่า กนอ.
นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงหลายตำแหน่ง เช่น
- ครม. มีมติอนุมัติตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2 ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ได้แก่
- นายฐนัตถ์ สุวรรณานนท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
- นายรุ่งศักดิ์ ปิยะรัตน์ ที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
- ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการแต่งตั้ง นายวีริศ อัมระปาล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในปีแรกเดือนละ 290,000 บาท ค่าตอบแทนคงที่จะปรับขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ตามผลการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และค่าตอบแทนพิเศษประจำปีจ่ายตามระยะเวลาเดียวกับการปรับค่าตอบแทนคงที่ตามผลการประกอบการของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผลการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนด ในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ 30 ของค่าตอบแทนรวมในแต่ละปี รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่นของผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตามร่างสัญญาจ้างผู้บริหารในตำแหน่งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
- ครม. มีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) เสนอแต่งตั้ง นายปิยะบุตร บุญอร่ามเมือง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (ด้านกฎหมายเทคโนโลยีดิจิทัล) แทนผู้ที่ลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป
- ครม. มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายอมร มีมะโน 2. นายภูวิช ปัญญาสิทธิ์ 3. นายสมชาย สาโรวาท ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป
- ครม. มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้ง พลตรี นพรัตน์ แป้นแก้ว เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
อ่านมติ ครม. ประจำวันที่ 16 มีนาคม 2564เพิ่มเติม