นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันประกาศเมื่อเวลา 20.00 น. ตามเวลาในสหราชอาณาจักรล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง โดยให้ประชาชนอยู่บ้าน ยกเว้นว่าได้จะรับอนุญาต ในช่วงการล็อกดาวน์ที่คาดว่าจะยาวนานไปถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งครอบคลุมสกอตแลนด์ จากการรายงานของสำนักข่าวบีบีซี
โรงเรียนและวิทยาลัยทุกแห่งจะปิดการเรียนการสอนและเปลี่ยนเป็นการเรียนแบบทางไกลตั้งแต่วันอังคาร
นายกรัฐมนตรีเตือนว่า ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นช่วงที่ “ลำบากที่สุด” จากการที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่และจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น และยังกล่าวว่า ผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่มีความสำคัญสูงสุด 4 อันดับแรกจะได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกภายในกลางเดือนหน้า
ผู้อยู่พำนักในโฮมแคร์และผู้ที่มีหน้าที่ดูแล ทุกคนที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนักสังคมสงเคราะห์ทั้งหมด ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเป็นโรคจะได้รับวัคซีนหนึ่งเข็มภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์
ก่อนหน้านี้สกอตแลนด์ได้ออกคำสั่งให้อยู่กับบ้าน ขณะที่แคว้นเวลส์กำหนดให้โรงเรียนและวิทยาลัยปิดจนถึงวันที่ 18 มกราคม และโรงเรียนในไอร์แลนด์เหนือจะมี “การเรียนแบบทางไกลในเวลาที่นานขึ้น”
นายกรัฐมนตรีแถลงจากบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ซึ่งเป็นที่พัก ว่า ประชาชนต้องปฏิบัติตามคำสั่งล็อกดาวน์โดยทันที ก่อนที่จะมีผลเป็นกฎหมายในเช้าของวันพุธ และหลังจากนั้นมาตรการใหม่ทั้งหมดในอังกฤษจะบังคับใช้ไปจนถึงอย่างน้อยกลางเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายไปทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรีจอห์สัน กล่าวอีกว่า เขาเชื่อว่าประเทศกำลังเข้าสู่ “ระยะสุดท้ายของการต่อสู้” และโรงพยาบาลอยู่ภายใต้ “แรงกดดันจากโควิดมากกว่าทุกครั้งนับตั้งแต่เริ่มระบาด”
นอกจากนี้ยังย้ำแคมเปญที่ใช้ในการระบาดในก่อนหน้าที่โดยเรียกร้องให้ประชาชน “อยู่บ้าน ปกป้องบุคคลากรทางการแพทย์และและช่วยชีวิต”(“stay at home, protect the NHS and save lives”) ในทันที
กฎใหม่ในอังกฤษ ซึ่งรัฐบาลได้เผยแพร่เอกสารที่มีความยาว 22 หน้า สรุปกฎใหม่โดยละเอียด
ผู้ป่วยในโรงพยาบาลมากกว่ารอบแรก
เมื่อวันจันทร์ สหราชอาณาจักรมีผู้ป่วยโควิดใหม่ที่ได้รับการยืนยันแล้วมากกว่า 50,000 ราย ติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ในสกอตแลนด์มีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 58,784 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 407 รายภายใน 28 วันหลังจากผลการทดสอบเป็นบวก แม้ว่าจะไม่มีการเสียชีวิต
ผู้ที่มีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเป็นโรคจะได้รับการติดต่อทางจดหมายและต้องกักกันตัวอีกครั้ง นายกรัฐมนตรีกล่าว
การสนับสนุนและการดูแลเด็กแบบ bubbles ยังมีผลบังคับใช้และประชาชนสามารถพบปะคนอื่นๆได้หนึ่งคนจากอีกครอบครัวหนึ่งในสถานที่กลางแจ้ง
ศาสนกิจในชุมชน และ เหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น งานศพ และงานแต่งงานสามารถจัดขึ้นได้ แต่โดจำกัดจำนวนคนเข้าร่วม
แม้นายกรัฐมนตรีจอห์นสันกล่าวว่า จะไม่มีการสอบปลายปีตามปกติในช่วงฤดูร้อน แต่จะมีการประกาศแนวทางจัดการที่เหมาะสมในระยะต่อไป
สภาผู้แทนราษฎรได้รับการแจ้งเพื่อให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับมาตรการใหม่ในวันพุธ
เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ ผู้นำพรรคแรงงานกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรคจะ “สนับสนุนมาตรการ” โดยกล่าวว่า “เราทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อให้มาตรการมีผลบังคับใช้”
ออกคำสั่งจากคำแนะนำของแพทย์
การประกาศมาตรการล่าสุดสะท้อนว่าเป็นอีกครั้งที่ภัยคุกคามต่อระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของประเทศอังกฤษหรือ National Health Service (NHS) มีผลต่อการดเำนินการของรัฐมนตรี
ในอังกฤษจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ติดเชื้อโควิดสูงขึ้น 50% ตั้งแต่วันคริสต์มาส ซึ่งหมายความว่าโรงพยาบาล 18 แห่งที่เต็มไปด้วยผู้ป่วย
ปัจจุบันมีผู้ป่วยด้วยโรคนี้ประมาณ 3 ใน 10 เตียง แต่ในโรงพยาบาลบางแห่งมีมากกว่า 6 ใน 10
แต่สิ่งรัฐมนตรีและผู้นำ NHS กังวลคือจำนวนผู้ติดเชื่้อเพิ่มมากขึ้น ในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาต้องใช้เวลาเกือบ 3 สัปดาห์หลังจากที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ กว่าผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจะแตะระดับสูงสุด
แต่ในช่วง 6 วันที่ผ่านมาผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ได้รับการยืนยันยันมากกว่า 50,000 รายต่อวันทั่วสหราชอาณาจักร ผู้ติดเชื้อจำนวนมากเหล่านี้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในสัปดาห์หน้า
จึงเป็นเหตุให้ผู้นำด้านบริการทางการแพทย์ของสหราชอาณาจักร เตือนว่า มี “ความเสี่ยงที่สำคัญ”สำหรับโรงพยาบาลบางแห่งที่กำลังจะรับมือไม่ไหวหากไม่การดำเนินการด้านใดห้านหนึ่ง
นายกรัฐมนตรีจอห์นสันประกาศมาตรการ หลังจากผู้นำด้านบริการทางการแพทของสหราชอาณาจักร แนะนำให้เพิ่มระดับเตือนภัยไปที่ระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ระดับที่ 5 หมายความว่า ในไม่ช้า NHS อาจไม่สามารถจัดการกับจำนวนผู้ป่วยกรณีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ระบุในแถลงการณ์ร่วม
ผู้ให้บริการ NHS ซึ่งเป็นตัวแทนของทรัสต์ระบุว่า โรงพยาบาลอยู่ใน “จุดวิกฤต” และจำเป็นต้อง “ดำเนินการอย่างเด็ดขาดทันที”
รัฐมนตรีนิโคลา สเตอร์เจียน ของไอร์แลน์กล่าวในขณะประกาศใช้มาตรการเข้มงวดว่า “คงไม่ใช่พูดเกินจริงไปที่จะบอกว่าผมกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่ในตอนนี้มากกว่าที่เคยเป็นมา ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว”