ThaiPublica > สู่อาเซียน > ASEAN Roundup สิงคโปร์เปิดเสรีการเงินให้ใบอนุญาตดิจิทัลแบงก์ 4 ราย

ASEAN Roundup สิงคโปร์เปิดเสรีการเงินให้ใบอนุญาตดิจิทัลแบงก์ 4 ราย

6 ธันวาคม 2020


ASEAN Roundup ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม 2563

  • สิงคโปร์เปิดเสรีการเงินให้ใบอนุญาตดิจิทัลแบงก์ 4 ราย
  • กัมพูชาใช้กฎหมายคาสิโนดึงรีสอร์ตลงทุน
  • กัมพูชากักกันตัว 14 วัน
  • กฎหมายภาษีใหม่เวียดนามมุ่งเป้าธุรกรรมข้ามพรมแดน
  • เวียดนามเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น
  • สิงคโปร์เปิดเสรีการเงินให้ใบอนุญาตดิจิทัลแบงก์ 4 ราย

    ที่มาภาพ : https://www.straitstimes.com/business/banking/mas-awards-digital-full-bank-licences-to-grab-singtel-and-sea-ant-gets-digital

    ธนาคารกลางสิงคโปร์(Monetary Authority of Singapore:MAS) ประกาศเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมผ่านเว็บไซต์ ผลการพิจารณาออกใบอนุญาตดิจิทัลแบงก์ว่า ผู้ที่ผ่านการพิจารณาด้านใบญาตดิจิทัลแบงก์เต็มรูปแบบ(Digital Full Bank:DFB)ได้แก่ 1)กลุ่มธุรกิจร่วมค้าสิงเทล-แกรบ(Grab-Singtel consortium) และ 2) บริษัทซี จำกัด หรือ Sea บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสิงคโปร์

    บริษัทซี ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Shopee ผู้พัฒนาเกม Garena และธุรกิจการชำระเงินดิจิทัลในเครือซีมันนี่( SeaMoney)

    ส่วนผู้ที่ผ่านคัดเลือกสำหรับในอนุญาตดิจิทัลแบงก์สำหรับลูกค้าธุรกิจ(digital wholesale bank licences:DWB) ได้แก่ 1) แอนท์ กรุ๊ป หรือ Ant Group 2)กลุ่มกิจการร่วมค้าของกรีนแลนด์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป(Greenland Financial Holdings Group) กับ ลิ้งค์โลจิส ฮ่องกง(Linklogis Hong Kong) และเป่ยจิงโคออเปอเรทีฟ อควิตี้ อินเวสเม้นท์ ฟันด์ แมเนจเม้นท์(Beijing Co-operative Equity Investment Fund Management)

    แถลงการณ์ของ MAS ระบุว่า ผู้ที่ผ่านการพิจารณาให้ได้รับใบอนุญาต ต้องมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและปฏิบัติตามเงื่อนไขการออกใบอนุญาตให้ครบถ้วนก่อนที่ MAS จะออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารให้ต่อไป

    ผู้ยื่นขอใบอนุญาตได้ผ่านการประเมินจากหลักเกณฑ์ดังนี้

  • คุณค่าของรูปแบบธุรกิจ ผสมผสานการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเข้าถึงกลุ่มที่ยังไม่ได้รับบริการทางการเงินมากนัก
  • ความสามารถในการจัดการธุรกิจดิจิทัลแบงกิงที่รอบคอบและยั่งยืน
  • แนวโน้มการเติบโตและการมีส่วนร่วมอื่น ๆ ต่อศูนย์กลางการเงินของสิงคโปร์
  • MAS ระบุว่า การประเมินคุณสมบัติมองแบบองค์รวม โดยคำนึงถึงการพิจารณาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดสำหรับแต่ละเกณฑ์ นอกจากนี้ MAS ยังคำนึงถึงการทบทวนแผนธุรกิจและสมมติฐานที่นำมาใช้ในการประมาณการทางการเงินที่เกิดจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่ง MAS คาดว่าดิจิทัลแบงก์จะเริ่มดำเนินการในต้นปี 2022

    MAS ระบุว่า หลักเกณฑ์การประเมินในกระบวนการคัดเลือกมาจากมีความคาดหวังที่เข้มข้น และระบุว่า ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกดิจิทัลแบงก์เต็มรูปแบบ 2 รายมีความแข็งแกร่งกว่ารายอื่น ส่วนผู้ที่ผ่านการคัดเลือกด้านดิจิทัลแบงก์ลูกค้าธุรกิจมีคุณสมบัติครบตามที่คาดหวังและประเมินแล้วว่ามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ยื่นขอใบอนุญาตซึ่งมีคุณภาพสูงอยู่แล้ว

    MAS จึงตัดสินใจที่จะมอบใบอนุญาตธุรกิจธนาคารให้กับ DWB ทั้ง 2 ราย นอกจากนี้ MAS จะทบทวนว่า จะให้ใบอนุญาตดิจิทัลแบงก์ลูกค้าธุรกิจเพิ่มขึ้นหรือไม่ในอนาคต เพราะใบอนุญาตที่พิจารณาครั้งนี้ถือเป็นโครงการนำร่อง

    ราวี เมนอน กรรมการผู้จัดการ MAS กล่าวว่า ธนาคารกลางได้มีกระบวนการคัดเลือกตามหลักคุณธรรมที่เข้มงวด โดยคัดดิจิทัลแบงก์ที่มีความชัดเจนในการให้บริการ

    “เราคาดว่าผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะเติบโตไปด้วยกันกับธนาคารเดิมที่ให้บริการอยู่ รวมทั้งยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วยการให้บริการทางการเงินที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่และประชาชนทั่วไปที่ยังไม่ได้รับการบริการมากนัก และจะส่งเสริมภาคการเงินของสิงคโปร์ให้เข้มแข็งเพื่อเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต”

    ในเดือนมิถุนายน 2019 MAS ​​ได้ประกาศกรอบธนาคารดิจิทัล มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เล่นที่ไม่ใช่ธนาคารซึ่งมีข้อเสนอเชิงคุณค่าที่แข็งแกร่งและมีรูปแบบธุรกิจดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมใหม่ สามารถนำเสนอบริการธนาคารดิจิทัลได้ โดยใบอนุญาต DFB จะให้บริการทางการเงินที่หลากหลายและรับเงินฝากจากลูกค้ารายย่อย ขณะที่ ใบอนุญาต DWB จะมุ่งเน้นไปที่การให้บริการ SMEs และกลุ่มอื่น ๆ ที่ไม่ใช่รายย่อย

    ธนาคารดิจิทัลใหม่เหล่านี้เป็นส่วนเสริม นอกเหนือจากบริษัทในเครือที่อาจจัดตั้งขึ้นแล้ว ภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่มีอยู่ของ MAS ของกลุ่มธนาคารจดทะเบียนในสิงคโปร์ รวมถึงการร่วมทุนกับผู้ร่วมทุนเพื่อดำเนินการรูปแบบธุรกิจใหม่หรือทางเลือก เช่น ธนาคารดิจิทัลเท่านั้น

    การออกใบอนุญาตดิจิทัลแบงกิงครั้งนี้ นับเป็นการออกใบอนุญาตดิจิทัลแบงก์ครั้งแรกของสิงคโปร์และยังคาดหวังอย่างมากว่า เป็นการดำเนินการที่จะเปิดเสรีภาคการเงินของสิงคโปร์มากขึ้น

    ดิจิทัลแบงก์ที่ได้รับอนุญาตนี้จะให้บริการการเงินลูกค้ารายย่อยเหมือนกับธนาคารแบบเดิม เช่น การเปิดบัญชี ฝากเงิน รวมทั้งการให้บริการบัตรเดบิตและบัตรเครดิต

    ดิจิทัลแบงก์นี้จะไม่มีสาขาและบริการธนาคารทุกอย่างจะเป็นการดำเนินการบนนระบบออนไลน์ ซึ่งต่างจากธนาคารแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นดีบีเอส โอซีบีซี หรือ ยูโอบี ที่แม้จะให้บริก่ารอินเตอร์เน็ตแบงกิงหรือ โมบายแบงกิง ดิจิทัลแบงก์เต็มรูปแบบยังสามารถให้บริการลูกค้าธุรกิจได้ด้วย

    ในเดือนมิถุนายน MAS เปิดเผยว่า มีผู้ยื่นขอใบนอนุญาตดิจิทัลแบงก์ทั้งหมด 21 ราย ซึ่ง MAS ระบุว่า อาจจะออกใบอนุญาตได้มากถึง 5 ใบ ในจำนวนนี้มี 14 รายมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์คุณสมบัติ MAS กล่าวในเดือนมิถุนายนโดยไม่ต้องเปิดเผยชื่อผู้เข้าแข่งขัน

    แอนท์ กรุ๊ป ซึ่งจะได้รับใบอนุญาต DWB ระบุว่า รู้สึกขอบคุณสำหรับโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในการผลักดันนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัลและการเข้าถึงบริการทางการเงินในสิงคโปร์และภูมิภาค และหวังว่าจะสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งและลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับผู้มีส่วนร่วมทั้งหมดในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินในสิงคโปร์ และเป็นการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ SMEs เข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้นและยังสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรในประเทศไปด้วยในขณะเดียวกัน

    แอนโทนี ตัน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งแกรบ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสสร้างธนาคารดิจิทัลแห่งอนาคตของสิงคโปร์ และเปิดโอกาสให้เข้าถึงบริการทางการเงินที่เข้าใจง่ายและตรงกับความต้องการ

    ทางด้านหยวน กวน มูน ซีอีโอ สิงเทลกล่าวว่า ด้วยความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลและความรู้ของลูกค้าที่ของสิงเทลและแกรบที่มารวมกัน กลุ่มจึงมีจุดมุ่งหมายที่จะยกระดับบริการด้านการธนาคารสำหรับผู้บริโภคและองค์กรต่างๆ

    ฟอเรสต์ ลี ประธานและซีอีโอของซี กล่าวว่า ในฐานะบริษัทที่เติบโตในประเทศด้วยความภาคภูมิใจ หวังว่าจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในระยะยาว สร้างโอกาสในการจ้างงานในสิงคโปร์มากขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถให้ทั้งประเทศเติบโตในยุคดิจิทัล

    ขณะเดียวกันธนาคารแบบเดิมต่างให้ความเห็นตอบรับการออกใบอนุญาตดิจิทัลแบงก์ โดย ชี เซ กุน ผู้จัดการประจำประเทศสิงคโปร์ของดีบีเอส
    กล่าวว่า “เราขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและยินดีต้อนรับพวกเขาสู่โลกของเราที่ซึ่งดิจิทัลแบงก์กิ้งกลายเป็นความจริงไปแล้ว เราเชื่อว่าผู้เข้าร่วมรายใหม่จะกระตุ้นให้เราทุกคนทำสิ่งที่ดีขึ้น และเราจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การทำให้การธนาคารเป็นเรื่องง่ายและมองไม่เห็น เพื่อให้ลูกค้าของเราสามารถใช้ชีวิตได้มากขึ้นและจ่ายน้อยลง”

    วี อี้ ชอง ซีอีโอของยูโอบี กล่าวว่า การเกิดขึ้นของพวกเขา จะเพิ่มการแข่งขันที่ดีโดยเฉพาะในด้านนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคและธุรกิจของสิงคโปร์ และ การรักษาลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำจะทำให้อุตสาหกรรมของเราประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้เราเชื่อว่าควรเป็นจุดสำคัญของนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการด้านการธนาคารส่วนบุคคลและธุรกิจที่หลากหลายของชุมชนของเรา

    ซันนี เก็ก ผู้บริหารด้านบริการการเงินเพื่อผู้บริโภคของโอซีบีซีคาดว่า ธนาคารดิจิทัลจะเพิ่มสีสันให้กับภาคทางการเงิน แต่พวกเขาเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว สำหรับโอซีบีซีได้นำดิจิทัลมาใช้ก่อนหน้านี้แล้วในด้านต่างๆ เช่น การเปิดบัญชีทันที การชำระเงินแบบไร้สัมผัส และคำแนะนำส่วนบุคคลที่อิงจากการวิเคราะห์ข้อมูล

    สำหรับผู้ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารดิจิทัลเต็มรูปแบบ ได้แก่
    -Sea ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Shopee ผู้พัฒนาเกม Garena และธุรกิจบริการชำระเงินดิจิทัล SeaMoney
    -แกรบ และ สิงเทลร่วมกัน โดยแกรบจะถือหุ้น 60% ส่วนสิงเทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมซึ่งถือหุ้นอีก 40% ที่เหลือ
    -เรเซอร์ ยูธ แบงก์(Razer Youth Bank) แอปพลิเคชันของ บริษัท เกมเรเซอร์ผ่านกลุ่มกิจการร่วมค้าที่มีเช็ง เสียง โฮลดิ้งส์(Sheng Siong Holdings) บริษัท เทคโนโลยีลิ้งค์ชัวร์ โกลบอล(LinkSure Global) ตลาดยานยนต์คาร์โร(Carro) บริษัท ประกันภัย FWD และ Insignia Ventures Partners Razer Fintech เป็นเจ้าของ 60 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่ม

    -กลุ่มกิจการร่วมค้าบียอนด์(Beyond consortium) นำโดยวีทรี กรุ๊ปของรอน โอซิม ผู้ก่อตั้งโอซิม(Osim)และบริษัท EZ-Link บริการการชำระเงิน นอกจากนี้ยังรวมถึงเทมาเสคเฮลิโคเนีย ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฟาร์อีสต์ ออแกนไนเซชั่นและสมาพันธ์ธุรกิจสิงคโปร์

    ผู้ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารดิจิทัลธุรกิจ
    -แอนท์กรุ๊ป จากกลุ่มอาลีบาบาเดิมรู้จักกันในชื่อ แอน์ไฟแนนเชียล
    -กลุ่มกิจการร่วมค้าที่มีกลุ่มบริการทางการเงินของฮ่องกง AMTD, ฟันดิ้งโซไซตี้ แพลตฟอร์มการให้กู้ยืมแบบP2P, เอสพีกรุ๊ป ผู้ให้บริการสาธารณูปโภคของสิงคโปร์และเสี่ยวมีไฟแนนซ์(Xiaomi Finance)
    -กลุ่มกิจการร่วมค้าที่นำโดยไอฟาสต์ คอปอเรชั่นซึ่งเป็น บริษัทบริหารความมั่งคั่งที่จดทะเบียนในกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และพันธมิตรจีน 2 ราย, ผู้ให้บริการธนาคารดิจิทัล ยิลเลียน กรุ๊ปและ บริษัทฟินเทคฮันเด กรุ๊ป
    -ไบต์แดนซ์ เทคโนโลยีเจ้าของแอพแชร์ วิดีโอ TikTok
    -กลุ่มกิจการร่วมค้าที่ประกอบด้วย บริษัทจัดหาทุนด้านซัพพลายเชนที่จดทะเบียนในฮ่องกงเชง อี แคปปิตอล,กลุ่ม บริษัทการเงินฟิลิป แคปปิตอลและ บริษัทปัญญาประดิษฐ์ แอดซานซ์ดอทเอไอ ทั้งสามบริษัทมีสิงคโปร์เป็นเจ้าของหรือนำโดยสิงคโปร์

    กัมพูชาใช้กฎหมายคาสิโนดึงลงทุนรีสอร์ต

    ที่มาภาพ:
    https://asia.nikkei.com/Business/Travel-Leisure/Cambodia-aims-to-woo-resorts-with-new-casino-law

    กัมพูชาจะเป็นประเทศที่มีอัตราภาษีสำหรับคาสิโนที่ต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายใต้กฎหมายใหม่ที่รัฐบาลระบุว่าจะสร้างภาคธุรกิจที่ “ปลอดภัยและมั่นคง” และช่วยดึงดูดการลงทุนมากขึ้น

    กฎหมายว่าด้วยการจัดการการพนันเชิงพาณิชย์ซึ่งประกาศใช้เมื่อเดือนที่แล้ว โดยที่มาตรา 97 ได้กำหนดกรอบกฎหมายภายใต้ซึ่งรวมถึงอัตราภาษีและข้อกำหนดด้านใบอนุญาต ตลอดจนหน่วยงานกำกับดูแลใหม่เพื่อดูแลอุตสาหกรรม กฎหมายฉบับนี้จะมาแทนที่กฎหมายเดิมที่แยกออกเป็นส่วนๆและข้อตกลงเฉพาะกิจที่ใช้ในการควบคุมคาสิโนในประเทศมาจนถึงปัจจุบัน

    รส พิรุน เจ้าหน้าที่กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินกล่าวว่า กฎหมายใหม่นี้จะจัดให้มีภาคธุรกิจที่ “ปลอดภัยและมั่นคง” และ “แข่งขันได้” และได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อดึงดูดการพัฒนาการพนันเชิงพาณิชย์แบบครบวงจรมากกว่าคาสิโนอย่างเดียว

    “เราต้องการให้ทุกคนมาทำกิจกรรมร่วมกันไม่เพียงเพื่อการพนัน แต่เพื่อความบันเทิง นั่นคือเหตุผลที่เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้มีรีสอร์ทแบบครบวงจร” เขากล่าว

    กัมพูชามีคาสิโนที่ได้รับอนุญาต 93 แห่ง ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่รอบ ๆ เมืองชายแดน และเมืองชายฝั่งของสีหนุวิลล์ และรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เนื่องจากชาวบ้านไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าคาสิโน

    ภายใต้กฎหมายใหม่ รีสอร์ทแบบครบวงจรและคาสิโนอย่างเดียวจะจ่ายภาษีตามรายได้จากการเล่นเกมขั้นต้นหรือ (Gross Gaming Revenue:GGR) โดยรีสอร์ทแบบครบวงจรจะจ่ายในอัตราแบ่งจ่าย โดยจ่าย 4% สำหรับผู้เล่นวีไอพีและ 7% สำหรับลูกค้าทั่วไป ในขณะที่กลุ่มหลังคาสิโนอย่างเดียวจะจ่ายอัตราคงที่ 7% นอกจากนี้รีสอร์ทแบบครวงจรจะมีสิทธิ์ได้รับใบอนุญาตนานถึง 20 ปี ขณะที่ใบอนุญาตสำหรับสถานประกอบการคาสิโนอย่างเดียวจะถูกจำกัดไว้ที่ 5 ปี

    อัตรา GGR ใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า จะต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ 39.5% ในมาเก๊า 35% ในเวียดนามและ 15% ในสิงคโปร์ซึ่งจะมีอัตราที่สูงขึ้นในปี 2022

    แม้ว่าจะมีอัตราภาษีต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กฎระเบียบใหม่ไม่น่าจะพลิกโฉมธุรกิจคาสิโนของกัมพูชาได้ในเร็ว ๆ นี้

    ส่วนใหญ่เป็นเพราะกฎใหม่อนุญาตให้ใช้ข้อตกลงที่มีอยู่ไปจนกว่าจะหมดอายุ ซึ่งเป็นข้อบัญญัติที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มนาคาคอร์ปที่จดทะเบียนในฮ่องกง ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคาสิโนรายใหญ่ที่สุดของประเทศและเป็นหนึ่งในผู้ทำกำไรสูงสุด

    ภายใต้ข้อตกลงที่ยาวนานกับรัฐบาล นาคามีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการดำเนินงานในและรอบๆ กรุงพนมเปญจนถึงปี 2045 ด้วยใบอนุญาตที่ขยายออกไปจนถึงปี 2065 ปัจจุบันบริษัทกำลังสร้างคาสิโนแห่งใหม่มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมาเพิ่มในส่วนของคอมเพล็กซ์นาคาเวิล์ดในพนมเปญ

    ก่อนหน้านี้นาคายังเคยมีข้อตกลงโดยตรงกับรัฐบาลที่กำหนดการจ่ายภาษีซึ่งเกณฑ์นี้ไม่มีการเปิดเผย ในปีที่แล้วนาคามีกำไร 551 ล้านดอลลาร์และจ่ายภาษี 30.3 ล้านดอลลาร์จากอัตราภาษีที่แท้จริง 5.5%

    ระบบใหม่หากนำไปใช้กับผลประกอบการในปี 2019 ของบริษัท ก็จะต้องจ่ายภาษีประมาณ 102 ล้านดอลลาร์ซึ่งคิดเป็นประมาณ 19% จากผลกำไร

    อัตราภาษีนิติบุคคลของกัมพูชาสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่คือ 20%

    บริษัทนาคามี เฉิน ลิป กง ซีอีโอมหาเศรษฐีชาวมาเลเซียเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และทิม แม็คนัลลี่ประธานของบริษัทกล่าวกับ GGRAsia ซึ่งเป็นเว็บไซต์ว่าอัตราภาษีใหม่นั้น “สมเหตุสมผล”

    พิรุนจากกระทรวงเศรษฐกิจกล่าวว่า รัฐบาลคาดว่าอัตราใหม่จะเพิ่มรายได้ภาษีจากคาสิโนเป็น 2 จากประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว

    อย่างไรก็ตามอาจใช้เวลานานกว่ากฎหมายจะมีผลกระทบในวงกว้าง

    ฌอน แม็คคัมลี่ย์ หุ้นส่วนผู้จัดการของยูโร แปซิฟิก เอเชีย คอนซัลติ้งกล่าวว่า การปฏิรูปภาคธุรกิจคาสิโนกัมพูชาและดึงดูดผู้ประกอบการระดับสูงจะเป็น “กระบวนการที่ช้า”

    “ประเทศไม่มีทรัพยากรในการบังคับใช้ [กฎหมาย] และการคอร์รัปชั่นมีเฉพาะที่นี่ การผูกขาดอย่างต่อเนื่องของนาคาจะยังคงทำให้ศักยภาพในการเติบโตหยุดนิ่ง”

    กฎระเบียบที่บังคับใช้ส่วนใหญ่ จะอยู่กับคณะกรรมการการพนันเชิงพาณิชย์ของกัมพูชาซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลที่กำหนดโดยกฎหมายใหม่

    คณะกรรมการ 11 คนซึ่งนำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน ยังมีตัวแทนจากหลายกระทรวงและตำรวจ จะวางนโยบายการเล่นการพนัน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการออกใบอนุญาต รวมถึงผู้ให้บริการนำลูกค้าไปคาสิโนเข้าประเทศ

    ลอเรียน พิลลิง ผู้อำนวยการที่ปรึกษาด้านการเดิมพันและการเล่นเกมระดับโลกกล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวให้ “ความสะดวกสบายและความได้เปรียบ” แก่ผู้ให้บริการเดิมและกำหนดอัตราภาษีที่ “แข่งขันได้สูง” แต่ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ได้อย่างสิ้นเชิง

    “ประชาชนในประเทศจะยังคงถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในสถานที่เล่นการพนันซึ่งหมายความว่า ตลาดยังคงขับเคลื่อนโดยนักพนันจากต่างประเทศ” เขากล่าว “การพนันกีฬาจะยังคงถูกจำกัดอยู่ในคาสิโนและไม่มีการระบุถึงใบอนุญาตเกมออนไลน์”

    ประเด็นหลังอาจมีความสำคัญเป็นพิเศษ การพนันออนไลน์ที่กระตุ้นให้คาสิโนขยายตัวและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองสีหนุวิลล์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเมืองชายฝั่งแห่งนี่้เป็นศูนย์กลางสำหรับผู้ให้บริการการพนันบนเว็บที่ดำเนินการโดยชาวจีน และมีเป้าหมายผู้เล่นในประเทศจีน

    แต่การพนันออนไลน์ปิดตัวอย่างกะทันหัน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีฮุนเซนประกาศห้ามการพนันออนไลน์ในเดือนสิงหาคม 2019 ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่มีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมและเห็นได้อย่างกว้างขวางว่าเป็นผลมาจากแรงกดดันจากปักกิ่ง

    พิรุนกล่าวว่า กฎหมายใหม่ไม่ได้กล่าวถึงการพนันออนไลน์ หมายความว่ารัฐบาลสามารถทบทวนการห้ามได้ในอนาคต

    “กฎหมายเปิดช่องให้รัฐบาลพิจารณาว่าอนุญาตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาล” เขากล่าว

    กัมพูชากักกันตัว 14 วัน

    ที่มาภาพ:
    https://www.khmertimeskh.com/50789820/all-visitors-to-cambodia-must-undergo-mandatory-14-day-quarantine-as-government-ends-sponsorship-scheme/

    กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎใหม่สำหรับมาตรการด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศ กักกันตัว 14 วันโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2020 เป็นต้นไป

    กฎล่าสุดหมายถึงการสิ้นสุดของโครงการสนับสนุน ซึ่งก่อนหน้านี้อนุญาตให้นักลงทุน นักธุรกิจ พนักงาน บริษัท ผู้เชี่ยวชาญและช่างเทคนิคที่ได้รับการรับรองจาก บริษัท หรือองค์กรที่ให้การสนับสนุน สามารถกักกันตัวเองในสถานที่เลือกโดยตรงได้ แทนที่จะกักกันตัว 2 สัปดาห์ในโรงแรมที่รัฐบาลกำหนดและต้องจ่ายเงินมัดจำ 2,000 ดอลลาร์

    ผู้เดินทางเข้ากัมพูชาทุกคนจะต้องกักกันตัวภายใต้การดูแลของรัฐบาลและจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อรับประกันว่าจะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และครอบคลุมค่าที่พักและการทดสอบในช่วง 14 วัน

    การดำเนินการล่าสุดนี้เป็นการตอบสนองต่อการพบการติดเชื้อในประเทศเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศแบบกลุ่มครั้งแรกของกัมพูชาโดยมีผู้ป่วยทั้งหมด 29 รายที่เชื่อมโยงกัน

    แหล่งท่องเที่ยววิตกว่า มาตรการนี้ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกัมพูชาน้อยอยู่แล้วลดลงอีก แต่ยอมรับว่าขั้นตอนดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อปกป้องกัมพูชา

    กฎหมายภาษีใหม่เวียดนามมุ่งเป้าธุรกรรมข้ามพรมแดน

    ที่มาภาพ:
    https://en.vietnamplus.vn/new-tax-decree-eyes-cross-border-transactions/191479.vnp

    ธุรกรรมข้ามพรมแดนเป็นเป้าหมายของกฎหมายฉบับใหม่ซึ่งเป็นข้อบังคับล่าสุดเกี่ยวกับการบริหารภาษีจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธันวาคม

    ธนาคารพาณิชย์จะต้องนำส่งข้อมูลบัญชีของผู้เสียภาษีให้กับหน่วยงานด้านภาษี ในขณะนี้ หน่วยงานต้องการเพียงชื่อของเจ้าของหมายเลขบัญชีและวันที่เปิดหรือปิดบัญชีเท่านั้น จากการเปิดเผยของ ลู ดุ๊ก ฮุย ผู้อำนวยการกองนโยบายภาษีภายใต้ ของกรมสรรพากร

    ฮุยเน้นถึงความจำเป็นที่หน่วยงานด้านภาษีจะสามารถตรวจสอบกระแสเงินสดที่เกิดจากธุรกิจข้ามชาติโดยเฉพาะธุรกิจที่ดำเนินการทางออนไลน์

    “เครื่องมือเดียวที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา คือ การติดตามกระแสเงินสดอย่างใกล้ชิด และสิ่งนี้สามารถทำได้ด้วยความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์” เขากล่าว

    ตัวอย่างเช่นธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่นๆ มีภาระผูกพันที่จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดภาษีอากรของลูกค้าต่างชาติที่ขายสินค้าและบริการรวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการอีคอมเมิร์ซเข้าสู่ตลาดของเวียดนาม แต่ยังไม่สามารถลงทะเบียน หรือไม่แจ้งรายได้ หรือปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินของหน่วยงานด้านภาษีของประเทศ

    ในกรณีที่ธนาคารไม่สามารถดำเนินการได้ จะต้องรวบรวมรายการธุรกรรมและจำนวนเงินที่โอน เพื่อส่งไปยังกรมสรรพากรภายหลัง

    “ธนาคารพาณิชย์เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ เราสามารถใช้เพื่อตรวจสอบและจัดการรายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งในและนอกประเทศ”

    ยักษ์ใหญ่ทางอินเทอร์เน็ตเช่น Google, Facebook และ Youtube มีแนวโน้มที่จะถูกแยกออกไปและอยู่ภายใต้การตรวจสอบภายใต้กฎหมายฉบับใหม่

    ดัง หง็อก มินห์ รองอธิบดีกรมสรรพากรกล่าวว่า ไม่เฉพาะธุรกรรมระหว่างธุรกิจกับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมีการตรวจสอบธุรกรรมบัญชีส่วนบุคคลอีกด้วย

    “เราอยากให้ธุรกิจที่อยู่ในต่างประเทศ จดทะเบียนกับหน่วยงานด้านภาษี อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาไม่ปฏิบัติตามเราจะรวบรวมหลักฐานและขอให้ธนาคารพาณิชย์ติดตามบัญชีส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง” มินห์กล่าว

    การชำระเงินเข้าบัญชีธนาคารส่วนบุคคลจาก Google, Facebook และ Youtube จะได้รับการตรวจสอบความผิดปกติ ในขณะเดียวกันหน่วยงานด้านภาษียังคงสนับสนุนให้บุคคลออกมาลงทะเบียนและแจ้งรายได้กับผู้มีอำนาจ

    กรมสรรพากรกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กับ บริษัท เทคโนโลยีขนาดใหญ่เช่น Amazon, Netflix, Google, Facebook และ Youtube เพื่อให้ปฏิบัติข้อกำหนดทางการเงินสำหรับธุรกิจในเวียดนาม

    เวียดนามเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น

    รายงานของกองภาษีทั่วไป ของกรมสรรพากร เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีจากกิจกรรมอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น

    โดยเฉพาะจำนวนภาษีทั้งหมดที่จ่ายโดยธุรกิจเวียดนามที่ได้ลงนามในสัญญาโฆษณาออนไลน์กับธุรกิจต่างประเทศ และจ่ายในนามของ บริษัท เหล่านั้นสูงถึง 46.86 พันล้านด่อง (2 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2016

    จำนวนการชำระภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 90.48 พันล้านด่องในปี 2017 จำนวน 151.77 พันล้านด่องในปี 2018 และมากกว่า 1 ล้านล้านด่องในปีที่แล้ว ส่วนช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ภาษีที่จ่ายไปมีมูลค่าถึง 745.6 พันล้านด่อง

    วู มินห์ เกือง ผู้อำนวยการแผนกตรวจสอบ ของกรมสรรพากรกล่าวว่า ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการบริหารภาษีสำหรับกิจกรรมอีคอมเมิร์ซได้รับความสนใจมากขึ้น

    กรมสรรพากรได้สั่งให้หน่วยงานภาษีโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น ฮานอยและเมืองโฮ จิมินห์ ซิตี้ ให้ตรวจสอบและขอให้ผู้เสียภาษีลงทะเบียนแจ้งรายงานและปฏิบัติตามภาระภาษีที่มีต่อรัฐ

    ดัง หง็อก มินห์ รองอธิบดีกรมสรรพากรกล่าวว่า ภารกิจสำคัญประการหนึ่งของหน่วยงานด้านภาษี คือ การเสริมสร้างการตรวจสอบภาคภาคอีคอมเมิร์ซ

    เกืองกล่าวว่า เนื่องจากลักษณะเฉพาะ กิจกรรมทางธุรกิจอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ เช่น ฮานอยและ เมืองโฮ จิมินห์ ซิตี้
    ดังนั้นกองภาษีทั่วไป จึงสั่งให้เมืองต่างๆประสานงานกับธนาคารพาณิชย์อย่างแข็งขันเพื่อควบคุมกระแสเงินสดจากองค์กรและบุคคลในต่างประเทศและเสริมสร้างการตรวจสอบเพื่อต่อสู้กับการสูญเสียรายได้งบประมาณของรัฐจากกิจกรรมทางธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

    ในฮานอยตั้งแต่ปี 2017 กองภาษีได้ตรวจสอบและส่งการแจ้งเตือนทาง SMS ไปยังบัญชีเฟซบุ๊กจำนวน 13,422 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการขายออนไลน์ จนถึงขณะนี้มีบุคคลกว่า 2,000 คนได้ลงทะเบียน และได้รับหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีที่ใช้ในการรายงาน ยื่นภาษีและชำระภาษี

    ทั้งนี้ภาษีและค่าปรับทั้งหมดที่เรียกเก็บจากธุรกิจประเภทนี้มีมูลค่ารวมกันมากกว่า 22.7 พันล้านด่อง

    สำหรับองค์กรและบุคคลที่มีรายได้จากเครือข่ายโซเชียลต่างประเทศ (Google, Facebook, YouTube) ผ่านข้อมูลจากธนาคารพาณิชย์ของรัฐที่มีบัญชีมากกว่า 18,300 บัญชีซึ่งมีมูลค่ารวม 1.46 ล้านล้านดอง

    ขณะนี้กรมสรรพากร กำลังร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศเวียดนาม เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับบัญชีที่มีธุรกรรมข้ามพรมแดน

    ในขณะเดียวกันหน่วยงานภาษีได้ฝึกอบรมผู้ตรวจการ ด้านการตรวจสอบราคาโอน และในระยะต่อไปจะมุ่งเน้นไปที่การให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพแก่เจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการกำกับดูแลทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับหน่วยงานภาษี 63 แห่ง
    .