ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ทวิตเตอร์พบบัญชีไอโอ 5 ประเทศ ของไทยเกินครึ่ง” และ “อดีตผู้สมัคร ส.ส. พปชร. แจ้งจับ ‘ธนาธร’ ผิด ม.111-ม.112”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “ทวิตเตอร์พบบัญชีไอโอ 5 ประเทศ ของไทยเกินครึ่ง” และ “อดีตผู้สมัคร ส.ส. พปชร. แจ้งจับ ‘ธนาธร’ ผิด ม.111-ม.112”

10 ตุลาคม 2020


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 3-9 ต.ค. 2563

  • ทวิตเตอร์เผย พบบัญชีไอโอ 5 ประเทศ เป็นของไทยเกินครึ่ง
  • อดีตผู้สมัคร ส.ส. พปชร. แจ้งจับ “ธนาธร” ผิด ม.111-ม.112
  • บัญชีกลางเพิ่มวงเงิน “บัตรคนจน” 500 บาท
  • อนุทินเผยเปิดให้ทัวร์จีน 150 คนลงภูเก็ต 8 ต.ค. พร้อมกักตัว ทำทัวร์ไทยแตกตื่นยกเลิกทัวร์ภูเก็ต
  • คลังชงลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้าเพิ่มจาก 15,000 เป็น 50,000 หวังกระตุ้นการบริโภค

  • ทวิตเตอร์เผย พบบัญชีไอโอ 5 ประเทศ เป็นของไทยเกินครึ่ง

    ทวิตเตอร์ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าในการตรวจจับบัญชีผู้ใช้งานที่เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือไอโอ (IO — information operation) โดยทางทวิตเตอร์ได้ระบุชื่อมา 5 ประเทศ ประกอบด้วย อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย คิวบา รัสเซีย และไทย

    บัญชีทั้งหมดที่ตรวจพบในครั้งนี้มีทั้งสิ้น 1,594 บัญชี และเป็นของประเทศไทยไปถึง 927 บัญชี หรือคิดเป็นประมาณ 58 เปอร์เซ็นต์ของที่ตรวจพบ และบัญชีทั้งหมดนี้ถูกระงับการใช้งานอย่างถาวรไปแล้ว

    รายงานแสดงรายละเอียดว่า ทีมสืบสวนพบเครือข่ายที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการไอโอนี้ และเชื่อมโยงจนเชื่อได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับกองทัพบกของไทย โดยนอกจากบัญชีเหล่านี้จะเผยแพร่เนื้อหาสนับสนุนกองทัพและรัฐบาลไทย ก็ยังมีการเผยแพร่เนื้อหาโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองด้วย

    สำหรับทวิตเตอร์แล้ว การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดข้อตกลงการให้บริการของตัวแพลตฟอร์ม และการที่มีรัฐไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงการพูดคุยของสาธารณะนั้นเป็นสิ่งที่สังคมควรได้รับรู้ เพราะการปกป้องการพูดคุยของสาธารณะเอาไว้ถือเป็นหน้าที่หนึ่งของทวิตเตอร์

    อนึ่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557-2562 รัฐบาลไทยได้ส่งคำขอข้อมูลจากทวิตเตอร์ 4 ครั้ง และขอข้อมูลอีก 6 ครั้ง แต่ทวิตเตอร์ไม่เคยให้ความร่วมมือแม้แต่ครั้งเดียว

    เมื่อมีรายงานดังกล่าวออกมา ทั้งรัฐบาลและกองทัพไทยก็ต่างออกมาตอบโต้ผลการตรวจสอบดังกล่าว โดย พล.ท. สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบก ได้ออกมาปฏิเสธว่ากองทัพไทยไม่ได้ใช้งานทวิตเตอร์ในลักษณะดังกล่าว และได้ทำการชี้แจงไปทางทวิตเตอร์แล้ว

    พร้อมกันนี้ได้ชี้แจงเพิ่มเติมด้วยว่า ทางกองทัพนั้นใช้โซเชียลมีเดียเพื่อประชาสัมพันธ์การทำงานของกองทัพ โดยเฉพาะงานสำคัญที่สุดอย่างการช่วยเหลือประชาชน

    ขณะเดียวกัน ทางฝั่งรัฐบาลก็ปฏิเสธเรื่องดังกล่าวเช่นกัน โดย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ระบุว่า

    “ผมรู้สึกแปลกใจที่ทวิตเตอร์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้และโดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ แทนที่จะดำเนินการตามคำสั่งศาลของกฎหมายไทยที่ได้มีคำสั่งให้ปิดกั้น หรือลบบัญชีของผู้ที่โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันหลักของไทย

    ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเราได้ส่งคำสั่งศาลไปแล้ว แต่ทวิตเตอร์ยังเพิกเฉย ไม่ทำการลบให้ จำนวน 65 รายการ และอีก 1 ชุดที่กำลังจะส่งไปเพิ่มเติม อีกจำนวน 253 รายการ

    ทั้งนี้ จึงขอเรียกร้องไปยังทวิตเตอร์ ให้ดำเนินการตามคำสั่งศาลและเคารพกฎหมายของไทยอย่างจริงจัง เพื่อแสดงความจริงใจในการทำงานที่โปร่งใสของทวิตเตอร์เอง”

    อ่านเพิ่มเติม
    เว็บไซต์บล็อกนัน — ทวิตเตอร์ตรวจพบบัญชีไอโอกองทัพบกไทย 926 บัญชี อวยทหารและรัฐบาล โจมตีฝ่ายตรงข้าม
    เฟซบุ๊กแฟนเพจ WorkpointTODAY
    ประชาชาติธุรกิจ — “กองทัพบก” ยันไม่เคยใช้ “ทวิตเตอร์ไอโอ” อวยกองทัพ-โจมตีฝ่ายตรงข้าม
    เฟซบุ๊กแฟนเพจ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

    อดีตผู้สมัคร ส.ส. พปชร. แจ้งจับ “ธนาธร” ผิด ม.111-ม.112

    นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

    วันที่ 9 ต.ค. 2563 นายสนธิญา สวัสดี อดีตผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ เข้าแจ้งความต่อ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พิจารณาการดำเนินคดีกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดยมีหลักฐานที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำต่างๆ ในต่างสถานการณ์ที่เป็นการสนับสนุนการชุมนุม 19 กันยายน ที่ผ่านมา

    นายสนธิญาเห็นว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2563 มีการปราศรัยเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ซึ่งตนเห็นว่ามีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เป็นไปตามการชุมนุมในระบอบประชาธิปไตย และเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ดังนั้น การที่นายธนาธรโพสต์เฟซบุ๊กสนับสนุนการชุมนุมหลายครั้งแถมยังมีลักษณะสนับสนุนให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งยังเข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าว จึงถือว่ามีส่วนสนับสนุนการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 111 และอาจเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย

    มาตรา 111 
    ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามมาตรา 107 ถึงมาตรา 110 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น

    มาตรา 107 
    ผู้ใดปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ ต้องระวางโทษประหารชีวิต
    ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
    ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียมเพื่อปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ หรือรู้ว่ามีผู้จะปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ กระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต

    หมายเหตุ: ประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับข่าวดังกล่าว

    มาตรา 110 
    ผู้ใดกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบหกปีถึงยี่สิบปี

    ผู้ใดพยายามกระทำการเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

    ถ้าการกระทำนั้นมีลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่พระชนม์หรือชีวิต ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    ผู้ใดกระทำการใดอันเป็นการตระเตรียมเพื่อประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือรู้ว่ามีผู้จะประทุษร้ายต่อพระองค์ หรือเสรีภาพของพระราชินีหรือรัชทายาท หรือประทุษร้ายต่อร่างกายหรือเสรีภาพของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบสองปีถึงยี่สิบปี

    มาตรา 112
    ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี

    อ่านเพิ่มเติม
    เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ — “ธนาธร” ถูกแจ้งความ ฐานโพสต์เฟซบุ๊กหนุนม็อบนักศึกษา-ผิด ม.111-112

    บัญชีกลางเพิ่มวงเงิน “บัตรคนจน” 500 บาท

    นางสาววิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลางในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้เพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) 500 บาทต่อคนต่อเดือนเป็นเวลา 3 เดือน (ต.ค.–ธ.ค. 2563) โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี จะได้รับ (300+500) รวมเป็น 800 บาท/เดือน และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท/ปี จะได้รับ (200+500) รวมเป็น 700 บาท/เดือน

    ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน

    อ่านเพิ่มเติม
    เว็บไซต์เนชั่นทีวี — บัญชีกลางเพิ่มวงเงิน ‘บัตรคนจน’ 500 บาท

    อนุทินเปิดให้ทัวร์จีน 150 คนลงภูเก็ต 8 ต.ค. พร้อมกักตัว ทำทัวร์ไทยแตกตื่นยกเลิกทัวร์ภูเก็ต

    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
    ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th

    วันที่ 7 ต.ค. 2563 อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน 150 คนเดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำมาลงที่สนามบินภูเก็ตในวันที่ 8 ต.ค. 2563 พร้อมยืนยันว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ต้องเข้ารับการกักตัว 14 วัน และปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

    ทว่า การเปิดเผยดังกล่าวกลับส่งกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางไปจังหวัดภูเก็ต โดย ก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เปิดเผยว่า โรงแรมในจังหวัดภูเก็ตได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว

    “โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์คนไทย กรุ๊ปจัดงานสัมมนา รวมถึงผู้จองห้องพักทั้งส่วนบุคคลและครอบครัว ต่างยกเลิกการจองตลอดเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนเทศกาลกินเจด้วย”

    ก้องศักดิ์ คู่พงศกร
    นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้
    ที่มา: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ

    และที่สำคัญ นายกสมาคมโรงแรมภาคใต้เปิดเผยว่ายังไม่มีการประสานงานมาจากประเทศจีน และประเทศอื่นๆ แต่ข่าวดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวแจ้งยกเลิกการจองห้องพักและการจัดงานสัมมนาเกือบทุกโรงแรม จึงขอให้รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐมีความชัดเจนในมาตรการป้องกันในทิศทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียมากขึ้นไปอีก

    อ่านเพิ่มเติม
    เว็บไซต์มติชนออนไลน์ — นักท่องเที่ยวจีนชุดแรก 150 คน เตรียมบินถึงภูเก็ต 8 ต.ค.นี้ ‘อนุทิน’ ไม่กังวล ยันต้องกักตัว
    เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ — กรุ๊ปทัวร์สับสน! แห่ยกเลิกจองโรงแรมภูเก็ต “เทศกาลเจ” โดนหางเลข

    คลังชงลดหย่อนภาษีซื้อสินค้าเพิ่มจาก 15,000 เป็น 50,000 หวังกระตุ้นการบริโภค

    กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการกระต้นการบริโภคช่วงไตรมาสสุดท้าย ด้วยการสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้เสียภาษี โดยมีเป้าหมายที่ผู้มีรายได้ระดับปานกลางและรายได้ปานกลางระดับสูงในการซื้อสินค้าและได้สิทธิลดหย่อนภาษี ในลักษณะเดียวกันกับโครงการช็อปช่วยชาติ ซึ่งจะเพิ่มวงเงินในการลดหย่อนภาษีได้จากเดิมที่เคยให้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท เพิ่มเป็นลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อจูงใจให้ประชาชนที่มีรายได้และมีกำลังซื้อไปจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

    อ่านเพิ่มเติม
    เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ — ‘คลัง’ ชง ศบศ.ลดหย่อนภาษีซื้อสินค้า สูงสุด 5 หมื่นบาท/คน