ThaiPublica > สู่อาเซียน > สิงคโปร์ขึ้นแท่น Hub บริษัทเทคโนโลยีจีน

สิงคโปร์ขึ้นแท่น Hub บริษัทเทคโนโลยีจีน

17 กันยายน 2020


ที่มาภาพ: https://www.businesstimes.com.sg/government-economy/singapore-ranks-2nd-in-asia-18th-worldwide-for-ease-of-doing-business-report

สิงคโปร์กลายเป็น Hub ของบริษัทเทคโนโลยีจากจีน จากการที่บริษัทเทคโนโลยีจากจีนหลายรายได้ขยายการปฏิบัติงานมายังสิงคโปร์หลังจากที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี

เทนเซนต์และอาลีบาบาได้ขยายงานในสิงคโปร์มากขึ้น ขณะที่ ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของ TikTok กำลังจะลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์
สิงคโปร์นับว่าเป็นประเทศเป็นกลางจากการที่มีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับสหรัฐฯและกับจีน

เทนเซนต์ประกาศในสัปดาห์นี้ว่า บริษัทกำลังขยายธุรกิจในสิงคโปร์เพื่อสนับสนุนกิจการที่กำลังเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และที่อื่นๆ ทั้งนี้สำนักงานภูมิภาคของบริษัทจัดว่าเป็น “ยุทธศาสตร์เสริม” ให้กับสำนักงานอื่นๆที่ตั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในเดือนนี้แอปพลิชัน WeChat ของเทนเซนต์ ถูกคำสั่งห้ามใช้ในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับ TikTok จากการที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ เพิ่มการควบคุมแอปพลิชันและบริษัทเทคโนยีของจีนมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยยี่ส์จากจีน

“จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนด้านเทคโนโลยีและโอกาสที่จะตัดความสัมพันธ์ระหว่างกันมีสูง จึงไม่แปลกที่บริษัทเทคโนโลยีของจีนจะแยกการปฏิบัติงานออกเป็นในจีนและนอกประเทศจีน” ทอมมี่ หวู่ จากอ็อกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิคส์ให้ความเห็น

“สิงคโปร์เป็นทำเลที่เหมาะเพราะมีข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี ที่ตั้งก็ไม่ไกลจากจีน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

สิงคโปร์เป็นฐานธุรกิจในภูมิภาคสำหรับบริษัทจากฝั่งตะวันตก เป็นผลจากระบบการเงินและกฎหมายที่ก้าวหน้า และวันนี้อยู่ในความสนใจจากบริษัทเทคโนโลยีของจีน

สถานการณ์การเมืองในฮ่องกงและการใช้กฎหมายความมั่นคงของจีน ทำให้หลายบริษัทเริ่มมองหาสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่มีเสถียรภาพในเอเชียมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุผลที่สิงคโปร์มีความน่าสนใจในสายตาจีน จากความเห็นของ นิค เร็ดเฟิร์น รองซีอีโอจาก Rouse บริษัทที่ปรึกษาจากอังกฤษ และเป็นเหตุผลเดียวกับที่สิงคโปร์ดึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากกว่าประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นั่นคือการเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ดำเนินธุรกิจแทนบริษัทแม่ และเป็นนักลงทุนต่างชาติในประเทศอื่น เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนามและที่อื่น

“สิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทจีนเลี่ยงการปรากฎตัวว่าเป็นการลงทุนจากจีน”

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แซงหน้าสหภาพยุโรปและกลายเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับสามของจีนในปี 2020

รุย หม่า ผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนด้านเทคโนโลยีของจีนให้ความเห็นว่า “เราได้เห็นบริษัทจากตะวันตก ทั้ง Google, Facebook, LinkedIn และอีกหลายราย ได้ใช้เอเชียแปซิฟิกเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่มาระยะหนึ่งแล้ว จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่บริษัทจีนจะมองด้วยเหตุผลเดียวกัน และความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้เอเชียแปซิฟิกน่าสนใจมากขึ้นอีก แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวหรือเหตุผลแรก”

อีกปัจจัยหนึ่งแรงขับจากกระแสโลกาภิวัฒน์ “ในเมื่อบริษัทตะวันตกเป็นบริษัทโลกได้ แล้วทำไมเราจะเป็นไม่ได้ บริษัทจีนเต็มใจที่จะลงทุนในระยะยาวและไม่ชอบที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เมื่อมีโอกาสในอนาคต”