ThaiPublica > เกาะกระแส > สธ. แจงนักโทษ ติดโควิดฯจริง เป็นผู้ป่วยในประเทศรายแรก รอบ 100 วัน

สธ. แจงนักโทษ ติดโควิดฯจริง เป็นผู้ป่วยในประเทศรายแรก รอบ 100 วัน

3 กันยายน 2020


สธ. แจงนักโทษชายอยู่ระหว่างการกักกัน 14 วัน ก่อนเข้าเรือนจำ ติดเชื้อโควิดฯจริง เป็นผู้ป่วยในประเทศรายแรก รอบ 100 วัน

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมนายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แพทย์หญิงวลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และนายแพทย์เมริพจน์ ชาตะเมธีกุล ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อ สำนักอนามัย กทม. ร่วมแถลงข่าวกรณีที่มีรายงานข่าวพบผู้ต้องขังชายไทยที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าเรือนจำ ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า กรมควบคุมโรคได้รับแจ้งจากกรมราชทัณฑ์ว่ามีผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 1 ราย เป็นผู้ต้องขังชายไทยอายุ 37 ปี เข้าเรือนจำทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง โทษระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม 2563 และได้รับการกักกันตัวในห้องแยกก่อนเข้าเรือนจำตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ โดยกักรวมกับผู้ต้องขังรายอื่นอีก 34 ราย ผลตรวจคัดกรองโควิด-9 เมื่อวัน 2 กันยายน 2563 โดยคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นบวก และผลตรวจช้ำที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลพบสารพันธุกรรมโควิด-19 ส่วนอีก 34 รายที่แยกกักในห้องขังเดียวกันทั้งหมดผลตรวจไม่พบเชื้อ

“กรณีนี้เป็นการตรวจพบผู้ต้องขังที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างการกักกันก่อนที่จะเข้าสู่แดนปกติของทัณฑสถาน รายนี้เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ หลังจากที่ผ่านมา 100 วัน ไม่มีรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อในประเทศ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ดำเนินการสอบสวนโรค ซึ่งพบว่ามีผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งกรมควบคุมโรคก็ได้มีการกำหนดมาตรการควบคุม และดูแลกลุ่มดังกล่าวไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หากพี่น้องประชาชนมีความกังวลสามารถโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 1422 หรือ BKK COVID-19ของกรุงเทพมหานคร” นพ.สุวรรณชัย กล่าว

นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุขได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลข่าวสารแก่พี่น้องประชาชนให้ครบถ้วน โดยที่ไม่มีการปกปิดแต่อย่างใด และเน้นสื่อสารให้พี่น้องประชาชนยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด สม่ำเสมอ โดยการสวมหน้ากากอนามัยมัน ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่างและลดความแออัด และที่สำคัญในวันพรุ่งนี้จะเป็นช่วงวันหยุดยาว พี่น้องประชาชนยังสามารถที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว หรือ พักผ่อนได้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอ

พญ. วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อรายนี้ กรมควบคุมโรคได้รับทราบข้อมูลมาตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2563 ซึ่งตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์จะมีการตรวจร่างกายนักโทษเป็นประจำทุกราย และจะมีการแยกกักกันผู้ต้องขังแรกรับก่อนที่จะเข้าสู่แดนปกติ 14 วัน ซึ่งผู้ต้องขังรายนี้ทางกรมราชทัณฑ์ได้ตรวจหาเชื้อและส่งตัวอย่างไปให้ห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง ผลการตรวจออกมาพบว่าติดเชื้อไวรัส โควิด -19 จริง วันนี้จึงมีการส่งทีมลงไปสอบสวน ทั้งทีมจากกรมควบคุมโรค , ทีมจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ร่วมกับทีมของกรมราชทัณฑ์เอง

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เรือนจำ และโรงพยาบาลราชทัณฑ์ พบผู้ป่วยรายนี้เริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2563 แค่มีเสมหะ แต่อาการยังไม่ชัดเจน พอถึงวันที่ 2 กันยายน 2563 ก็มีการเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูก ส่งให้ห้องปฏิบัติการตรวจสอบ ก็พบว่าติดเชื้อจริง จึงได้ซักถามประวัติของผู้ต้องขังย้อนหลังกลับไป 14 วัน ประวัติเบื้องต้น ผู้ต้องขังรายนี้อาศัยอยู่กับครอบครัวที่คอนโดบ้านสวนธน ถนนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานครในครอบครัวมีผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูงอยู่ประมาณ5 คน ซึ่งจะต้องมีการแยกกักกันต่อไป

พญ. วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค

พญ.วลัยรัตน์ กล่าวต่อว่า สำหรับประวัติการทำงาน ผู้ต้องขังรายนี้ทำงานอยู่ที่ร้าน 3 วัน 2 คืน อาชีพเป็น “ดีเจ” มีอยู่ 2 สาขา คือ สาขาถนนพระราม 3 กับ สาขาถนนพระราม 5 ซึ่งอาชีพดีเจ อาจจะไม่ได้ไปสัมผัสกับผู้อื่น ฉะนั้นหากคนที่อยู่ในร้านมีการสวมหน้ากากอนามัย ไม่ได้ไปสัมผัสใกล้ชิด ก็จะถือว่าไม่ได้เป็นผู้สัมผัสเสียงสูงแต่อย่างใด และเราก็ได้ตรวจสอบช่วงที่ผู้ต้องขังรายนี้เดินทางไปศาล พบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในวันที่เขาไปขึ้นศาลอีกประมาณ 20 คน ประกอบด้วย ทนายความ เจ้าหน้าที่เรือนจำ ผู้ตัดสินคดี นักโทษที่ร่วมรถโดยสารไปด้วย ในส่วนนี้ก็จะมีการแยกกักกันต่อไป นอกจากนี้ยังผู้ต้องขังแรกรับ ซึ่งมาในวันหรือช่วงเวลาเดียวกันกับผู้ต้องขังรายนี้อีก 34 คน ซึ่งได้มีการตรวจหาเชื้อทั้งหมดแล้ว พบว่าทั้ง 34 คน ไม่ติดเชื้อ และยังมีผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงต่ำอีกคือ อาสาสมัครดูแลนักโทษ 2 คน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อีก 2 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม หากได้ข้อมูลเมื่อไหร่ก็จะมีการนำมาเรียนให้ทราบต่อไป

ด้านนายแพทย์เมธิพจน์ กล่าวว่า หลังจากทราบผลการตรวจได้ย้ายผู้ป่วยไปรักษาในห้องแยกที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และผู้ที่อยู่ร่วมห้องเดียวกัน 34 ราย และอาสาสมัครนักโทษอีก 2 ราย ซึ่งถือที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ระหว่างนำไปกักกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทีมสอบสวนโรคได้ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว 7 ราย อยู่ระหว่างติดตามตัว 2 ราย ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจและให้แยกตัวกักที่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุขและสำนักงานเขตในกรุงเทพมหานครติดตามอาการใกล้ชิดทุกวันจนครบ 14 วัน แนะนำการปฏิบัติตัวหากมีอาการผิดปกติ ให้แจ้งที่ 094-3860-051 ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำประมาณ 37 ราย อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ ร่วมกับกรมควบคุมโรค แนะนำให้แยกกักตัวเอง 14 วันเช่นกัน

นายแพทย์วีระกิตติ์ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ เป็นรายที่ 2 ที่ตรวจพบจากมาตรการที่กรมราชทัณฑ์กำหนด ซึ่งให้ผู้ต้องขังรายใหม่ หรือ ผู้ต้องขังที่ออกไปข้างนอกต้องแยกกัก 14 วัน โดยมีพื้นที่แยกกักชัดเจน ยืนยันว่าการพบผู้ติดเชื้อครั้งนี้ไม่ได้กระทบไปถึงผู้ต้องขังรายอื่นอีก 8,000 กว่าคนในเรือนจำ ซึ่งเป็นมาตรการที่ดำเนินการในเรือนจำทั่วประเทศ ขอให้ญาติผู้ต้องขัง ผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำได้มั่นใจ ขณะนี้ผู้ติดเชื้อได้ย้ายกักกันในห้องเดี่ยว ที่ตึกแยกเฉพาะไม่ปะปนกับผู้ป่วยอื่น ส่วนอีก 34 ราย ได้แยกไปเฝ้าดูแลเป็นพิเศษจนครบ 14 วัน

อ่านแถลงข่าวกระทรวงสาธารณสุขที่นี่

แถลงข่าว วันที่ 3 กันยายน 2563กรณีผู้ต้องขังติดโควิดณ กรมควมคุมโรค

Posted by กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข on Thursday, September 3, 2020