ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ “ทูต-ทหาร ‘ลอดการ์ด’ หวั่นระบาดระลองสอง” และ “แฮ็กทวิตฯ คนดังสหรัฐฯ หลอกโอนบิตคอยน์”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ “ทูต-ทหาร ‘ลอดการ์ด’ หวั่นระบาดระลองสอง” และ “แฮ็กทวิตฯ คนดังสหรัฐฯ หลอกโอนบิตคอยน์”

18 กรกฎาคม 2020


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 11-17 ก.ค. 2563

  • ทูต-ทหาร ‘ลอดการ์ด’ ระยอง-สุขุมวิท ผวา หวั่นระบาดระลองสอง
  • ม็อบมาแล้ว “เยาวชนปลดแอก” นัดชุมนุมเรียกร้อง “ยุบสภา-หยุดคุกคามประชาชน-ร่าง รธน. ใหม่”
  • แฮ็กทวิตฯ คนดังสหรัฐฯ หลอกโอนบิตคอยน์

  • ทูต-ทหาร ‘ลอดการ์ด’ ระยอง-สุขุมวิทผวา หวั่นระบาดระลองสอง

    หลังจากไม่มีผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ภายในประเทศ รวมทั้งหากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็มาจากต่างประเทศและกักกันตัวได้ทัน หรือเรียกได้ว่าการ์ดไม่ตกตามที่รัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เน้นย้ำกับประชาชน แต่แล้ว โควิด-19 ก็กลับลอดการ์ดที่ทุกภาคส่วนร่วมใจกันตั้ง (โดยแลกมากับความพังพินาศทางเศรษฐกิจ) เข้ามาจนได้

    เกิดอะไรขึ้น

    วันที่ 13 ก.ค. 2563 มีรายงานข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ว่า ศบค. ได้เปิดเผยถึงการพบผู้ติดโควิด-19 สองรายภายในประเทศ คือ

    1. ทหารอียิปต์ที่มากับเครื่องบินทหารซึ่งลงจอดที่สนามบินอู่ตะเภาเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2563 รายนี้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง และเดินทางไปท่องเที่ยวห้างสรรพสินค้าและสถานที่ต่างๆ ระหว่างนั้นเดินไปทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศจีนแบบไปเช้าเย็นกลับในวันที่ 9 ก.ค. 2563 ก่อนจะบินกลับประเทศต้นทางในวันที่ 11 ก.ค. 2563

    2. เด็กหญิงในครอบครัวคณะทูตที่เดินทางมาจากภูมิภาคแอฟริกา ซึ่งก่อนออกเดินทางได้ตรวจเชื้อเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2563 แต่ไม่พบ แต่พบเชื้อเมื่อมาถึงไทยแล้วในวันที่ 10 ก.ค. 2563 โดยสมาชิกที่เดินทางมาด้วยกันนั้นเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร

    แจง ทั้งสองเคสเข้าประเทศมาได้อย่างไร

    กรณีทหารอียิปต์ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ชี้แจงว่า ทหารคณะนี้เป็นลูกเรือเครื่องบินทหารซึ่งได้รับการยกเว้นให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้ตามประกาศฉบับที่ 6 ซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งอนุญาตให้กลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ยานพาหนะที่จำเป็นต้องเดินทางเข้าประเทศตามภารกิจ หรือมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่ชัดเจนเดินทางเข้ามาได้

    ส่วนกรณีลูกทูตและครอบครัว บุคคลกลุ่มนี้ได้รับการยกเว้นเช่นเดียวกันกับกลุ่มทหารดังกล่าว เนื่องจากเป็นบุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ ผู้แทนรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศที่มาปฏิบัติงานในประเทศไทย ซึ่งมีมาตรการควบคุมในลักษณะกักกันตัวเองหรือกักตัวภายใต้การดูแลของสถานทูตนั้น ๆ เป็นเวลา 14 วัน

    “ในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยของครอบครัวทูตดังกล่าว เป็นไปตามมาตรการของคำสั่ง ศบค. เรื่องแนวปฏิบัติตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 6 ในข้อ (3) บุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศซึ่งมาปฏิบัติงานในประเทศไทย หรือบุคคลในหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นตามที่กระทรวงการต่างประเทศอนุญาตตามความจำเป็น ตลอดจนคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว”

    น.พ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย
    อธิบดีกรมควบคุมโรค
    ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์

    แต่อย่างไรก็ดี นพ.ทวีศิลป์ระบุว่า ทั้งสองกรณีทำให้ ศบค. ต้องทบทวนมาตรการผ่อนคลายการกักกันโรคสำหรับกลุ่มยกเว้นพิเศษ อย่างเช่นบุคคลในคณะทูต โดยเฉพาะคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว โดยกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประชุมเพื่อพิจารณามาตรการเกี่ยวกับกรณีการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยของกลุ่มต่างๆ เช่น ชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาแสดงสินค้า, ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์, นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มี Elite Card, กลุ่มนักเรียนต่างชาติ, และการนำแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ พม่า ลาว กัมพูชาเข้าสู่ราชอาณาจักร

    ประยุทธ์-ศบค. ขอโทษประชาชน

    นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)

    “ขออภัยพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะที่จังหวัดระยองและกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนคนนับพัน และเด็กๆ ต้องปิดโรงเรียนไปมากกว่า 10 โรงเรียนที่จังหวัดระยอง เป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่สบายใจและจะทำให้ดียิ่งกว่านี้ ให้ละเอียดยิ่งกว่านี้ จะดูในทุกๆ ข้อที่ออกไป เพราะมาตรการผ่อนปรนเพิ่งออกไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม และเหตุได้เกิดขึ้นในวันที่ 9 กรกฎาคม เราเสียใจเป็นอย่างยิ่งและเราจะทำให้ดีที่สุด”

    นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
    โฆษก ศบค.
    ที่มา: เว็บไซต์ไทยพับลิก้า

    พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
    ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

    “รัฐบาลโดยศูนย์โควิด-19 ไม่ได้หยุดยั้งในเรื่องเหล่านี้เลย ขอให้มีความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของเรา ซึ่งสามารถรองรับได้ แต่มันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่ผมเสียใจ ก็ขอโทษพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยแล้วกัน จะต้องมาดูแลกันให้มากที่สุดในหลายๆ ประเด็น เพราะหลายปัญหาเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หรืออาจจะเกิดข้อบกพร่องในบางประการ ผมเน้นย้ำในที่ประชุม ครม. ไปแล้ว และให้ ศบค. ไปแก้ไขเรื่องเหล่านี้ ทบทวนทุกอย่าง โดยเฉพาะมาตรการในการผ่อนคลายต่างๆ เหล่านี้ เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ความปลอดภัยของประชาชนโดยรวม ซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้น”

    พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
    นายกรัฐมนตรีและรัฐมมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
    ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์

    ไทม์ไลน์ทหารอียิปต์-คณะทูต และกลุ่มเสี่ยง

    กลุ่มทหารอียิปต์

  • 6 ก.ค. 2563 เที่ยวบินเข้ามา 2 เที่ยวบิน คือ EGY1215 และ EGY1216 เป็นเที่ยวบินทางทหาร มีกัปตันเรือและลูกเรือรวม 31 คน เดินทางจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ มาสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • 7 ก.ค. 2563 เดินทางต่อมายังปากีสถาน
  • 8 ก.ค. 2563 เดินทางถึงไทย โดยบริษัทสายการบินภาคพื้นประสานงานจองห้องพัก มีสถานทูตเป็นผู้เลือก กำหนดพัก 8-11 ก.ค. โดยเข้าพักโรงแรมดีวารี อ.เมือง จ.ระยอง ถึงเวลา 23.00 น. เครื่องบินล่าช้า 2 ชั่วโมงจากกำหนดการ ทุกคนพักร่วมห้อง 2 คน ยกเว้นกัปตันพักห้องเดี่ยว
  • 9 ก.ค. เวลา 05.30 น. คณะเดินทางออกจากโรงแรมไปสนามบินอู่ตะเภา เพื่อไปทำภารกิจทางทหาร และเติมน้ำมันเมืองเฉิงตู บินกลับถึงไทยสนามบินอู่ตะเภาเวลา 23.30 น. ของวันเดียวกัน
  • กลับโรงแรมที่พัก เวลา 02.00 น. ของวันที่ 10 ก.ค. ต่อมาเวลา 11.20 น. มีจำนวนหนึ่งเดินทางออกจากที่พักไปยังห้างสรรพสินค้า 2 แห่งในอำเภอเมือง จ.ระยอง คือ แหลมทองและเซ็นทรัล มีการเดินทางเป็น 2 คณะ คือ ลูกเรือ 27 คน (รวมผู้ติดเชื้อแล้ว) เดินทางเข้าไปเที่ยวซื้อสินค้าห้างแหลมทอง เวลา 11.25-14.56 น. โดยผู้ติดเชื้อสวมหน้ากากอนามัยขณะออกไปข้างนอก และกลุ่มลูกเรืออีก 4 คนเหมารถแท็กซี่ส่วนบุคคล เพื่อไปเที่ยวห้างเซ็นทรัลระยอง ช่วงเวลา 14.30-18.00 น. โดยใช้แท็กซี่คันเดิมในการรับกลับ ซึ่งติดตามคนขับแล้ว ยืนยันว่าผู้ติดเชื้อไม่ใช่ 1 ใน 4 ที่ไปรับไปส่ง
  • “จากการสอบสวนโดยทบทวนจากกล้องวงจรปิดโรงแรม พบว่า ลูกเรือประมาณ 3 คน ใส่หน้ากากอนามัยขณะออกนอกเคหะสถาน ส่วนใหญ่มีหน้ากากอนามัยติดตัว ซึ่งทีมสอบสวนโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ระยอง รับทราบ จึงพยายามขอเข้าตรวจคัดกรอง และประสานสถานทูต โดยผลตรวจคือ ไม่ติดเชื้อ 30 คน และผลกำกวม 1 คน จนต้องตรวจซ้ำ โดยผลออกวันที่ 12 กรกฎาคม ว่าติดเชื้อ แต่คณะเดินทางกลับไปวันที่ 11 กรกฎาคม เวลา 11.30 น.”

    ทั้งนี้ได้มีการแบ่งกลุ่มตามความเสี่ยงพบว่า มีกลุ่มผู้เสี่ยงสูง 9 ราย ตามสถานที่ คือ

    1. โรงแรมดีวารี 7 คน เป็นผู้จัดการโรงแรม 2 คน พนักงานชาย 1 คน แม่บ้าน 4 คน ที่ทำงานประจำชั้นที่พบผู้ติดเชื้อ คือ ชั้น 7 และ 8 แต่ไม่มีอาการระบบทางเดินหายใจ โรงแรมให้หยุดงาน 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-27 ก.ค. 2563 โดยให้แยกกักตนเองในโรงแรม ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จะระยอง
    2. สนามบินอู่ตะเภา คือ พนักงานขับรถตู้รับส่งไปยังโรงแรม 2 คน และกลุ่มสัมผัสเสี่ยงต่ำ 9 คน คือ ทีมสอบสวนโรคและทีมตรวจคนเข้าเมืองระยอง สำหรับผู้ไปห้างแหลมทองช่วงเวลาเดียวกันกับกลุ่มทหารอียิปต์ไปเวลา 11.25-14.56 น. มีคนในห้าง 394 คน ส่วนห้างเซ็นทรัลมี 1,488 คน โดยมีอีก 7 คน ตรวจสอบโทรศัพท์ยังไม่ได้ทั้งสองที่ ซึ่งกรมควบคุมจะติดตามเลขหมายให้เข้ามาตรวจต่อไป
    ข้อความแจ้งเตือนจากไทยชนะ
    กลุ่มคณะทูต

    • 7 ก.ค. 2563 มารดาพาบุตรสาว 4 คนตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงพยาบาล ไม่มีการสัมผัสคนไข้อื่นในรพ. ผลตรวจไม่พบเชื้อ
    • 9 ก.ค. 2563 เดินทางจากบ้านพักโดยรถส่วนตัว โดยคุณปู่มาส่ง เดินทางสายการบินอียิปต์แอร์ MZ3277 ซึ่งมีคนไทยโดยสาร 245 คน ที่นั่ง 22H จอดเครื่องเติมน้ำมันกรุงไคโร ไม่มีผู้ออกจากเครื่องบิน และนั่งที่นั่งเดิม
    • 10 ก.ค. เวลา 05.40 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ผ่านขั้นตอนตรวจทางมาตรฐานควบคุมโรค โดยตรวจเชื้อหาโพรงจมูกที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีอุปทูตซึ่งเป็นบิดา และคนขับรถ 1 คน เจ้าหน้าที่ทูต 1 คน ใส่หน้ากากอนามัยตลอดมารับไปที่พักอาศัย คือ คอนโดมิเนียม One X สุขุมวิท 26 โดยไม่ได้แวะพักจอดที่ใด
    • ผู้ป่วยถึงที่พักดังกล่าวเวลา 09.25 น. ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย ส่วนน้องสาวคนเล็กและมารดาไม่ได้ใส่หน้ากาก ขึ้นลิฟต์หมายเลข 3 จากที่มี 4 ตัว โดยไม่ได้พูดคุยหรือใช้ลิฟต์ร่วมกับผู้ใด โดยในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้โทรแจ้งผลยืนยันการติดเชื้อของ ด.ญ.อายุ 9 ปี จึงติดต่อโรงพยาบาลที่รับรักษาตัวล่วงหน้า ซึ่งเวลา 11.38 น. มีรถของสถานทูตพร้อมคนขับ ใส่หน้ากาก มารับไปที่โรงพยาบาลพญาไทนวมินทร์
    • ระหว่างรักษามีอาการปอดอักเสบ จึงขอย้ายไปรักษาสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) ในวันที่ 12 ก.ค. 2563 เวลา 04.00 น. และครอบครัวย้ายไปพักบ้านพักสถานทูตซูดานที่ซอยสวนพลู ซึ่งมีประตู 3 ชั้น พื้นที่ประมาณ 200 ตารางวา อาศัยร่วมกับภรรยาและลูก 3 คน

    “ระหว่างวันที่ 10-12 ก.ค. 2563 ครอบครัวผู้ป่วยที่อยู่ในห้องคอนโดไม่ได้ออกไปใช้บริการสระว่ายน้ำหรือฟิตเนส บิดาซื้ออาหารให้ 1 ครั้ง และลงมาเปลี่ยนรีโมตแอร์ให้ 1 ครั้ง โดยครอบคัรวพักอาศัยชั้นที่ 19 ซึ่งคอนโดมีทั้งหมด 229 ห้อง อาศัยจริง 200 ห้อง เป็นต่างชาติ 70% ซึ่งคอนโดนี้เคยมีผู้ติดเชื้อมาก่อนแล้ว 2 คน ในเดือนมีนาคม 2563 มีการประกาศมาตรการป้องกันโดยจำกัดจำนวนคนขึ้นลิฟต์ ทำความสะอาดลิฟต์ทุกตัวแอลกอฮอล์ ถูพื้นทุกวันด้วยน้ำยาฟอกขาว ทั้งนี้ พบว่าลูกบ้าน 50% ไม่ได้ใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในลิฟต์

    จากการประเมินผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง กรณีนี้มี 2 กลุ่มใหญ่ คือ

    1. ผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อเสี่ยงสูง 7 ราย คือ คนในครอบครัว 3 ราย คนขับรถยนต์ 1 ราย  เจ้าหน้าที่สถานทูต 1 ราย และคนขับรถตู้ 2 ราย
    2. ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 15 ราย คือผู้ใช้ลิฟต์ต่อจากครอบครัวนี้

    ที่มา: เว็บไซต์ไทยพับลิก้า

    ผลกระทบในจังหวัดระยอง

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า โรงแรมดี วารี ดีว่า เซ็นทรัล ระยอง ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักของกลุ่มทหารอียิปต์ดังกล่าว ได้ออกแถลงการณ์สั่งปิดทำการโรงแรมโดยไม่มีกำหนด

    และรายงานด้วยว่า นางอนุชิดา ชินศิรประภา ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าจ.ระยอง เจ้าของโรงแรมโกลเด้นซิตี้ ระยอง เปิดเผยถึงกรณีพบทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ใน จ.ระยองว่า หลังมีข่าวออกไปตั้งแต่ช่วงวานนี้ (13 ก.ค. 2563) ปรากฏว่าได้สร้างผลกระทบไปทั่วทั้งภาคเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตของชาวระยอง ล่าสุดตนถึงกับร้องไห้กับพนักงานโรงแรม หลังจากทราบว่ามีลูกค้าโทรมายกเลิกเข้าพักไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็น ที่เหลือก็ถึงกับต้องขอร้องอย่ายกเลิก เพราะทางโรงแรมเตรียมอาหารและทุกอย่างครบแล้ว จึงทำให้วันนี้ยังคงมีลูกค้า แต่ก็เป็นลูกค้าชุดสุดท้าย พรุ่งนี้ ก็ไม่มีเหลือลูกค้าเข้าพักอีกแล้ว เพราะถูกยกเลิกจองไปทั้งหมด

    ม็อบมาแล้ว “เยาวชนปลดแอก” นัดชุมนุมเรียกร้อง “ยุบสภา-หยุดคุกคามประชาชน-ร่าง รธน. ใหม่”

    เว็บไซต์ไทยยรัฐออนไลน์รายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ได้โพสต์ข้อเรียกร้องในการชุมนุมใหญ่ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) โดยมีรายละเอียดดังนี้

    ประกาศข้อเรียกร้อง 3 ประการ!

    1. “ต้องประกาศยุบสภา” รัฐบาลสืบทอดอำนาจภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและออกมาตรการ Lockdown ส่งผลให้มีคนตกงานและขาดรายได้เป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็มิได้เยียวยาอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึง

    มิหนำซ้ำยังปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจโดยที่ไม่แยแสแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ปล่อยปละละเลยให้แขก VIP ที่มีเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศโดยที่ไม่ได้กักตัวซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อโอกาสที่จะมีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่รอบ 2

    ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้บริหารบ้านเมืองต่อไปได้ จึงขอยื่นคำขาดว่า นายกรัฐมนตรีต้องประกาศ “ยุบสภา” เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนและเปิดทางให้คนที่มีความรู้ความสามารถมาแก้ไขปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ

    2. “หยุดคุกคามประชาชน” ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เราต่างก็หวังกันว่าประเทศไทยจะมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาชนจะมีเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพในการชุมนุมโดยที่ไม่ถูกคุกคามและยัดข้อกล่าวหาหรือคดีความ แต่ความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่การคุกคามทั้งทางกายภาพและทางจิตวิทยายังคงดำเนินต่อไปแทบไม่ต่างจากเมื่อสมัยที่ คสช.ยังมีอำนาจอยู่ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลูกๆ หลานๆ ของเราถูกยัดคดีไปทีละคน ทีละคน

    มีการอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน ทั้งทางกายภาพ ทางจิตวิทยาตลอดจนการยัดข้อหาเพื่อดำเนินคดีรวมไปถึงให้รัฐสภายกเลิกกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย

    3. “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” เรามีรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการ โดยแรกเริ่มเดิมทีก็มีที่มาที่ไม่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว เพราะ คณะผู้ร่างไม่ได้มีความยึดโยงกับประชาชน ผู้ที่รณรงค์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติก็ถูกคุกคามและยัดข้อหากันไปหลายคน เนื้อหาของรัฐธรรมนูญก็เป็นไปเพื่อรักษาระบอบเผด็จการในคราบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น

    – ส.ว.250 ยกมือโหวตให้หัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อสืบทอดอำนาจ
    – องค์กรอิสระ และศาลถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดประชาชนและนักการเมืองที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจทั้งที่พูดถึงได้และพูดถึงไม่ได้
    – ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมและบัตรใบเดียวที่บิดเบือนเจตจำนงของประชาชน และทำให้เกิดรัฐบาลที่ไม่เข้มแข็ง ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้ รวมไปถึงการผุดของงูเห่าหรือผู้แทนราษฎรที่ทรยศต่อประชาชน
    – นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมอื่นๆ อีกที่เป็นต้นตอปัญหาที่เรื้อรังมาเป็นเวลายาวนาน
    สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจนี้เป็นต้นตอของปัญหาทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม

    ดังนั้นการจะปลดล็อกกุญแจดอกแรกที่จะนำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงได้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยคำนึงถึงหลักการสิทธิมนุษยชนเป็นหลักและปราศจากการแทรกแซงของคนที่ประชาชนไม่ได้เลือก

    หากภายใน 2 สัปดาห์นับตั้งแต่เราอ่านประกาศวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ หากไม่มีการตอบรับใด ๆ จากทางรัฐบาลเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการนี้ เราจะทำการยกระดับการชุมนุมต่อไป

    เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ

    แฮ็กทวิตฯ คนดังสหรัฐฯ หลอกโอนบิตคอยน์

    เว็บไซต์วอยซ์ออนไลน์รายงานว่า บัญชีทวิตเตอร์คนดังหลายคนในสหรัฐฯ ถูกแฮ็ก แล้วทวีตให้คนโอนบิตคอยน์ไปให้ โดยหลอกว่าจะโอนกลับไปให้เป็น 2 เท่า ทำให้ก่อนหน้านี้ ทวิตเตอร์จำเป็นต้องห้ามไม่ให้บัญชีที่ได้รับการรับรองหลายบัญชีทวีตเลย คำขอเปลี่ยนรหัสผ่านถูกปฏิเสธ และระงับฟังก์ชั่นของบัญชีชั่วคราว ก่อนจะอนุญาตให้ทวีตได้อีกครั้งเมื่อเวลา 7.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

    ทวิตเตอร์ของคนที่ถูกแฮ็กในรอบนี้ ได้แก่ อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งเทสลา, เจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน, บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์, บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ, โจ ไบเดน ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต, คานเย เวสต์ แรปเปอร์, คิม คาเดเชียน เซเลบรายการเรียลลิตี, ไมค์ บลูมเบิร์ก เจ้าของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก, บัญชีของอูเบอร์ และแอปเปิล

    ทวิตเตอร์ชี้แจงว่า มีการร่วมกันโจมตีพนักงานของทวิตเตอร์ โดยเข้าไปในระบบและเครื่องมือภายในทวิตเตอร์ “เรารู้ว่าพวกเขา (แฮ็กเกอร์) ใช้วิธีนี้ในการไปควบคุมบัญชีคนดังและทวีตด้วยบัญชีของคนดัง” ทวิตเตอร์ได้ใช้มาตรการจำกัดการเข้าถึงระบบและเครื่องมือภายใน ในช่วงที่ทวิตเตอร์ยังกำลังสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    ด้าน แจ็ก ดอร์ซีย์ ซีอีโอของทวิตเตอร์ทวีตว่า “เป็นวันที่ยากลำบากสำหรับเราในทวิตเตอร์ พวกเราทั้งหมดรู้สึกแย่มากที่เกิดเรื่องเช่นนี้”

    ดมิทรี อัลเปโรวิตช์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ Crowd Strike ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า นี่เป็นการแฮ็กโซเชียลมีเดียครั้งเลวร้ายที่สุด ด้านโฆษกของบิล เกตส์เปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาใหญ่ที่ทวิตเตอร์กำลังเผชิญ

    สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า ที่อยู่เว็บไซต์ cryptoforhealth.com ที่แฮ็กเกอร์ทวีตระบุที่อยู่อีเมลชื่อ [email protected] และมีใช้ชื่อว่า Anthony Elia ในการลงทะเบียนเว็บไซต์ ซึ่งอาจเป็นชื่อปลอม

    นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้ชื่อ Cryptoforhealth บนอินสตาแกรม โดยมีคำบรรยายโปรไฟล์ว่า “นี่คือเรา” และมีอีโมติคอนยิ้ม และยังมีการโพสต์ข้อความว่า “มันเป็นการโจมตีเพื่อการกุศล เงินของคุณจะหาทางไปถึงที่ที่ถูกต้อง”

    บันทึกบล็อกเชนที่เปิดเผยต่อสาธารณะระบุว่า ในเวลาเพียงไม่นาน มีคนโอนเงินไปที่บัญชีที่แฮ็กเกอร์ทวีตหลายร้อยครั้ง คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 100,000 ดอลลาร์ หรือราว 3.15 ล้านบาท

    โจ ไทดี ผู้สื่อข้าวด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของบีบีซีระบุว่า การหลอกลวงประเภท “จะโอนกลับไปให้ 2 เท่า” ป่วนทวิตเตอร์มาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยมีการแฮ็กบัญชีของคนสาธารณะหลายคนมาใช้หลอกลวงเงินเช่นนี้ การที่หลายบัญชีถูกแฮ็กพร้อมกันชี้ให้เห็นถึงปัญหาของทวิตเตอร์เอง เพราะการให้บางคนที่มีสิทธิพิเศษเข้าถึงรหัสผ่านได้หมดตามใจชอบ ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถสร้างความเสียหายต่อองค์กรหรือบุคคลได้มากกว่านี้มาก แต่การแฮ็กครั้งนี้มีเหตุจูงใจค่อนข้างชัดเจน คือการหาเงินให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะพวกเขารู้ว่าทวีตเหล่านี้จะปรากฏอยู่ไม่นาน