ThaiPublica > คนในข่าว > รฟท.กับผู้ว่าการคนนอก “นิรุฒ มณีพันธ์” เป้าหมายผู้นำระบบรางที่ดีสุดในอาเซียนปี 2570

รฟท.กับผู้ว่าการคนนอก “นิรุฒ มณีพันธ์” เป้าหมายผู้นำระบบรางที่ดีสุดในอาเซียนปี 2570

2 กรกฎาคม 2020


“นิรุฒ มณีพันธ์” ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

วันที่ 2 กรกฎาคม 2563 “นิรุฒ มณีพันธ์” ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แถลงนโยบายและยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการรถไฟแห่งประเทศไทยในด้านต่าง ๆ ขององค์กรให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมอย่างมีประสิทธิภาพ

“นิรุฒ” ในวัย 52 ปี เคยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกำกับกฎเกณฑ์และกฎหมาย และเลขานุการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายทรัพยากรบุคคลและกำกับกิจกรรมองค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

“นิรุฒิ”นับเป็นคนนอกคนที่ 3 ต่อจาก “ประภัสร์ จงสงวน” และ “วุฒิชาติ กัลยาณมิตร” ที่ข้ามห้วยมาบริหารรัฐวิสาหกิจเก่าแก่ 123 ปี ที่ทั้ง “เก่า” ขาดจากการปรุบปรุงพัฒนามานานกว่าศตวรรษ และ “แก่” จนไม่ดึงดูดให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานด้วย แล้วจะพลิกฟื้นได้อย่างไร

“รับใช้ประชาชน” มาก่อน “ทำกำไร”

“นิรุฒ” กล่าวว่ากว่า 2 เดือน ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น ได้ลงพื้นที่ดูงาน ตรวจเยี่ยมพนักงานทั่วประเทศ ในการลงพื้นที่ทำให้เห็นถึงการดำเนินงานต่างๆของการรถไฟฯทั้งในเรื่องของข้อจำกัดต่างๆทั้งในด้านการดำเนินงาน การบริหารทรัพย์สินต่างๆของการรถไฟฯ รวมถึงปัญหาที่เกิดจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจของประชาชนที่มีการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของการรถไฟฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดความสูญเสียทั้งกับการรถไฟฯเอง หรือแม้แต่ประชาชน ซึ่งหลังจากได้ลงพื้นที่และได้เข้าไปดูแลในหลายๆที่ก็ได้รับการตอบรับและความร่วมมือเป็นอย่างดี

“ในช่วง 2 เดือนที่สิ่งที่เห็นและนำไปสู่อนาคตอย่างไรบ้าง วิธีคิดคือมองว่าองค์กรนี้เป็นองค์กรที่ยาวนานและภารกิจสำคัญคือการรับใช้ประชาชน ภารกิจหลักทำอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนได้ใช้บริการอย่างมีคุณภาพปลอดภัยมากที่สุดภารกิจต่อมาคือในฐานะรัฐวิสาหกิจต้องมีกำไรบ้างหรือขาดทุนให้น้อยที่สุด ไม่ได้มองข้าม แต่ขณะเดียวกันการทำกำไรจะต้องไม่ทิ้งภารกิจดั้งเดิมในการดูแลประชาชน ดังนั้นองค์กรนี้จะเป็นองค์กรที่ดีขึน ไม่ว่าใครจะมองอย่างไร

“นิรุฒ” กล่าวต่อไปว่าองค์กรจะดีขึ้นได้ก็ต้องเตรียมคนให้พร้อม พร้อมทั้งกายทั้งใจในการทำงานและพร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน หลายคนบอกก่อนจะเข้ามารับตำแหน่งว่า “เป็นผู้ว่าการคนนอก” แต่วันนี้สามารถบอกได้แล้วว่าพวกเขาพร้อมจะเดินไปด้วยกันแล้ว

“ผมเริ่มจากเข้าไปดูการเป็นอยู่สิ่งแวดล้อมของการรถไฟ  ตั้งแต่บ้านพักของคนรถไฟในนิคมรถไฟมักกะสัน กม. 11 เข้าไปคิดว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น แม้ว่าจะกระทบกับประชาชนที่อยู่ก่อนในพื้นที่ จะด้วยบริบทอะไรก่อนหน้าก็ตาม เราก็อลุ่มอลวยมาตลอด ก็ต้องหาทางออกว่าจะทำอย่างไร แต่ผมชัดเจนว่าจะไม่ประนีประนอมกับอันแรกคือความปลอดภัย ถ้าไม่ปลอดภัยเราจะจัดการแน่นอน อันที่สองคือเรื่องอบายมุขหรือแหล่งอาชญากรรมต่างๆอันที่สาม พื้นที่ของรฟท. ต้องไม่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างปัญหาสังคม โดยเฉพาะในหน้าฝน ต้องไม่เป็นสาเหตุให้เกิดน้ำท่วมในเมืองต่างๆ เราเองต้องเข้าไปรณรงค์ในสามเรื่องนี้”

“นิรุฒ มณีพันธ์” ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แถลงนโยบายและยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการรถไฟแห่งประเทศไทย

3 ยุทธ์ศาสตร์สู่เบอร์หนึ่งอาเซียน

สำหรับยุทธศาตร์หลัก “นิรุฒ” กล่าวว่าจะแบ่งเป็น 3 ด้าน ที่จะขับเคลื่อนการรถไฟฯต่อจากนี้ เพื่อให้กลับมาแข็งแกร่งและเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบด้วย คือ

    1. การเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการขนส่งทางราง
    2. การเพิ่มรายได้และการลดค่าใช้จ่าย
    3. การขับเคลื่อนและการยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน

    เพื่อให้สอดคล้องตามวิสัยทัศน์ของการรถไฟฯในการ “เป็นผู้ให้บริการระบบรางของรัฐที่ดีที่สุดในอาเซียนในปี 2570”

    1.การเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการขนส่งทางราง ขณะนี้ การรถไฟฯ มีโครงการที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการอยู่หลายโครงการ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง และส่วนต่อขยาย โครงการรถไฟความเร็วสูง(กรุงเทพ – นครราชสีมา) และโครงการรถไฟเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา) การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีใหญ่ อาทิ สถานีกลางบางซื่อ สถานีแม่น้ำ สถานีมักกะสัน เป็นต้น

    2.การเพิ่มรายได้และการลดค่าใช้จ่าย การรถไฟฯจะมุ่งเน้นในเรื่องของการสร้างรายได้ทั้งในธุรกิจหลัก (Core Business) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร และธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non Core Business) อาทิ ที่ดินของการรถไฟฯ เพื่อสร้างให้เกิดรายได้และประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร โดยมีการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นในเรื่องของการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

    ในส่วนบริหารที่ดินของการรถไฟฯ ได้มีการจัดทำระบบฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ ระบบแผนที่ (GIS) เพื่อให้มีฐานข้อมูลที่ดินทั้งหมด จะได้นำมาสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับองค์กรได้ต่อไป นอกจากนี้ในเรื่องการใช้ประโยชน์พื้นที่นั้น ได้มีนโยบายที่จะวางแนวทางการจัดระเบียบผู้เช่าให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงการควบคุมแก้ไขปัญหาผู้บุกรุกที่ดินของการรถไฟฯ

    นอกจากนี้ การสร้างรายได้เสริมให้การรถไฟฯ จากสินทรัพย์ที่ไม่อยู่ในสภาพใช้งาน เช่น ซากสิ่งของเหลือใช้ ตู้รถไฟเก่า หมอนไม้ เศษเหล็ก เป็นต้น นอกจากการหารายได้เพิ่มขึ้นแล้วนั้น สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการลดค่าใช้จ่าย และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดำเนินงาน และบูรณาการข้อมูลจะเป็นการช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ของการรถไฟฯ อีกทาง

    “ในอนาคตอันใกล้รฟท.จะสร้างพันธมิตรอาศัยคนที่มีความชำนาญและมีความเข้มแข็งเหมือนกัน ที่แรกที่นึกถึงคือไปรษณีย์ไทย ด้วยการช่วยขนส่งสินค้าให้กับไปรษณีย์ไทยทำให้รถขนส่งของเขาใช้น้อยลงมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุลดลง และกำไรต่อหน่วยของการขนส่งพัสดุเป็นกล่องมีมากที่สุด มากกว่าการขนส่งในรูปแบบอื่นๆ”

    ชูหลักสูตร “วิศวกรรมรถไฟ” ด้วยห้องทดลองจริง

    3. การขับเคลื่อนและการยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการพัฒนาองค์กรและการจัดการให้เชื่อมโยงอย่างบูรณาการ โดยจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้กับพนักงานในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำในการยกระดับโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ การพัฒนาความรู้ ความสามารถของบุคลากร เพื่อให้มีศักยภาพตรงตาม Competency ที่การรถไฟฯ ต้องการ และการ Reskill & Upskill พนักงาน โดยมีส่วนสำคัญคือ การรักษาองค์ความรู้ โดยการสร้างระบบถ่ายทอดและเก็บรักษาองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น (Knowledge Management) นอกจากนี้ การรถไฟฯ มีแนวทางในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานการบริการให้ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    “โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟจากเดิมที่เคยเป็นโรงเรียนสำคัญของประเทศ แต่ปัจจุบันได้ลดความสำคัญลงไปค่อนข้างมาก จึงถือโอกาสนี้ปรับหลักสูตรใหม่ให้ทันสมัยและสามารถรองรับระบบรางสมัยใหม่ของประเทศได้ด้วย แม้ว่าในหลายมหาวิทยาลัยจะเปิดสอนหลักสูตรวิศวกรรมรถไฟเหมือนกัน แต่รฟท.มีข้อได้เปรียบสำคัญคือห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีผู้เชี่ยวชาญที่จะสอนได้ทั้งประเทศ มีบุคลากรที่มีความชำนาญในพื้นที่จริงอยู่

    “นิรุฒ” กล่าวต่อไปว่าสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังได้อาสาเข้ามาออกแบบหลักสูตรใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าจะต้องได้มาตรฐานโลก เราอาศัยความเป็นมาตรฐานโลกของสถาบันฯลาดกระบังมาช่วยให้โรงเรียนรถไฟมีมาตรฐานโลกเช่นเดียวกัน ถึงวันนั้นคาดหวังว่าจะให้เป็นมหาวิทยาลัยที่สอนเฉพาะทางรถไฟ แล้วเรามีพื้นที่ที่จะขยายวิทยาเขตออกไปในพื้นที่ต่างๆได้ด้วย

    “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การรถไฟแห่งประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคหลายประการ แต่ก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ จึงเห็นได้ว่า การรถไฟฯ เป็นองค์กรแห่งโอกาส ทั้งโอกาสในการพัฒนาระบบการขนส่งทางรางสู่ความเป็นเลิศ และความเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน โอกาสที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับระบบราง เพื่อรับใช้สังคมไทยในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในฐานะผู้ว่าการรถไฟ แห่งประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจของการรถไฟฯ อย่างเต็มศักยภาพ”