ThaiPublica > เกาะกระแส > กสศ. สะท้อนเสียง รร.ชายขอบ ไร้ไฟฟ้า สัญญาณเน็ต แนะทำสื่อเรียนรู้ออฟไลน์สอนเด็กถึงหมู่บ้าน

กสศ. สะท้อนเสียง รร.ชายขอบ ไร้ไฟฟ้า สัญญาณเน็ต แนะทำสื่อเรียนรู้ออฟไลน์สอนเด็กถึงหมู่บ้าน

25 เมษายน 2020


โครงการพัฒนาดอยตุง

กสศ. จัดเวทีสะท้อนเสียงโรงเรียนชายขอบ รร.ห่างไกล บนเกาะ-ภูเขาสูง กังวล ไร้ไฟฟ้า สัญญาณเน็ต อาจไม่พร้อมต่อการเรียนผ่านระบบออนไลน์ แนะทำสื่อเรียนรู้แบบออฟไลน์ให้ครูสอนเด็กๆ ถึงหมู่บ้าน

กองทุนเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดเสวนาผ่านเพจเฟซบุ๊ก กสศ. ในหัวข้อ “ผลกระทบของ COVID-19 ต่อการศึกษาไทย ภาพรวมและเสียงสะท้อนจากโรงเรียนชายขอบ” โดย ดร.ภูมิศรัณย์ ทองเลี่ยมนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การศึกษา สถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กสศ. ระบุว่า จากงานวิจัยของ OECD ที่ศึกษาผลกระทบของนักเรียนในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 พบว่า เด็กนักเรียนยากจนที่สุดมีเพียง 57% ที่เข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ต อาจเพราะไม่มีเงินสำหรับสมัครสมาชิกหรืออยู่ในบริเวณห่างไกลกว่าที่จะมีสัญญาณเข้าถึง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงอาจเกิดการเสียเปรียบในการเข้าถึงการเรียนรู้ของนักเรียนยากจนที่สุดได้

โดยหลายประเทศใช้การจัดสรรอุปกรณ์ Wi-Fi แบบพกพาให้กับนักเรียนที่บ้านไม่สามารถเข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ หรือจัดสรรงบประมาณเพื่อให้ครัวเรือนยากจนมีเงินในการสมัครบริการอินเทอร์เน็ต หากต้องการเผยแพร่ข้อมูลทางการศึกษาแบบทางไกลในประเทศไทย สื่อ เช่น โทรทัศน์ หรือโทรศัพท์สมาร์ทโฟน อาจจะเป็นอีกช่องทางที่สามารถเข้าถึงเด็กจำนวนมากได้ เพราะมีต้นทุนที่ต่ำและยุ่งยากน้อย ประเทศส่วนใหญ่เด็กนักเรียนจะสามารถเข้าถึงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมากที่สุด รวมถึงโทรทัศน์ที่มักจะต้องมีในทุกบ้าน แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีการแบบใดก็ตามในการเรียนการสอนช่วงวิกฤติ COVID-19 สิ่งที่สำคัญคือ การเลือกให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของผู้เรียนและผู้สอน ซึ่งจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด

นายศุภโชค ปิยะสันติ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยไร่สามัคคี อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ที่ปรึกษาเครือข่ายชมรมนักจัดการศึกษาบนพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดาร โรงเรียนพื้นที่เกาะ กล่าวว่า นักเรียนของโรงเรียนส่วนหนึ่งเป็นชนเผ่าผู้ปกครองไม่สามารถอบรมบุตรหลานหรือสอนการบ้านได้ อีกทั้งการเรียนออนไลน์ยังมีปัญหาเพราะเด็กมีความพร้อมเพียงแค่ 20% ซึ่งเวลานี้สิ่งสำคัญคือการเตรียมการรับมือช่วงเปิดเทอมตั้งแต่ตอนนี้ จะรอเดือน ก.ค. คงไม่ทันการณ์ ต้องออกแบบการสอนใหม่เกือบทั้งหมด ทั้งจำแนกเด็กที่จะเรียนออนไลน์ ทีวีทางไกล โดยวิธีการควรยืดหยุ่น ซึ่งแต่ละโรงเรียนต้องวางแผนให้เหมาะกับบริบทของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม โรงเรียนบ้านห้วยไร่สามัคคี อาจจะเป็นโรงเรียนกึ่งกลางคือบางส่วนใช้ออนไลน์ได้ เรียนโทรทัศน์ทางไกลได้ แต่มีกลุ่มยากจนที่ต้องการสื่อการเรียนออฟไลน์ ซึ่งอาจจัดแบบคละชั้นเรียน เป็นกลุ่มหมู่บ้าน หรือในส่วนที่อยู่ใกล้โรงเรียนสามารถมาเรียนได้ 2-3 วัน โดยควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด เช่น การจำกัดจำนวนนักเรียน หรือจำกัดเวลา

นายสยาม เรืองสุกใสย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนล่องแพวิทยา อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เครือข่ายชมรมนักจัดการศึกษาบนพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดาร โรงเรียนพื้นที่เกาะ กล่าวว่า โรงเรียนล่องแพวิทยามีบริบทพื้นที่แตกต่างจากโรงเรียนอื่นในประเทศไทยนักเรียนส่วนใหญ่เป็นกะเหรี่ยง จากนักเรียน 734 คน เป็นนักเรียนยากจนพิเศษ 500 คน เด็กเหล่านี้แตกต่างจากเด็กในพื้นที่ตัวเมืองเพราะไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าใช้ ผู้ปกครองไม่มีเงินซื้อสมาร์ทโฟน ทำให้ไม่สามารถเรียนออนไลน์ได้ และเป็นเด็กชาติพันธุ์ที่ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาที่สองที่สาม ทั้งหมดย่อมทำให้ได้รับผลกระทบจากการปิดภาคเรียนที่ยาวขึ้นมากกว่าเด็กในพื้นที่อื่น

ดังนั้น นโยบายการจัดการศึกษาในลักษณะพื้นที่พิเศษจะมองแบบเรียนออนไลน์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองแบบออฟไลน์ด้วย

นายสยามกล่าวว่า การเรียนการสอนอาจต้องเตรียมเอกสาร สื่อ อุปกรณ์ ส่งครูไปในพื้นที่หมู่บ้านและนัดกันจัดเป็นคลาสเล็กๆ คละชั้นเรียนพบกันเป็นครั้ง สัปดาห์นี้ไปหมู่บ้าน ก., ข., ค., ง. สลับกันไป ต้องเริ่มวางแผนเลย ไม่สามารถรอจนถึง 1 ก.ค. แล้วค่อยวางแผนได้ เพราะจะเตรียมตัวไม่ทัน ต้องเริ่มเตรียมจัดวางตัวบุคลากร จัดตารางสอนว่าใครจะไปบ้านไหน ต้องออกแบบการจัดการเรียนรู้ใหม่

ทั้งนี้ ทั่วประเทศมีโรงเรียนลักษณะคล้ายกันนี้ คือเป็นโรงเรียนบนพื้นที่สูง 1,190 แห่ง และเป็นโรงเรียนที่อยู่บนเกาะ 123 แห่ง ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะต้องเริ่มมองมองไปที่การจัดทำสื่อออฟไลน์ด้วย เพราะมีหลายพื้นที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง ไม่มีอินเทอร์เน็ต ผู้บริหารระดับนโยบายจะต้องมีการสร้างความชัดเจน และผ่อนคลายวางแผนวิธีการบริหารจัดการอย่างไรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

ผู้อำนวยการโรงเรียนล่องแพวิทยากล่าวว่า การเปิดเทอมในช่วง 1 ก.ค. เริ่มเข้าหน้าฝน การเดินทางก็จะลำบากขึ้น เพราะพื้นที่เป็นเทือกเขาสูง เด็กบางคนต้องเดินเท้าเป็นวันและมาพักนอนอยู่ที่โรงเรียน ดังนั้น หากให้ครูต้องออกไปสอนตามหมู่บ้านก็อาจต้องมีค่าพาหนะตอบแทนเพิ่มเติม ในอดีตเคยมีครูหลังม้าที่ขนอุปกรณ์ สื่อการสอน เทปคาสเซต ไปเปิดการเรียนการสอนตามหมู่บ้านคละชั้นเรียน สั่งงาน สี่ห้าวันแล้วจัดการสอนหมุนวนไปเป็นกลุ่มย่อย