
สนพ.จัดสัมมนา “สมาร์ทกริด (Smart Grid) ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อเมืองอนาคต” ภาคใต้ เตรียมผลักดันสุราษฎร์ธานีเป็นเมืองอัจฉริยะ
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ปิดท้ายเวทีสัมมนาเรื่อง “สมาร์ทกริด (Smart Grid) ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อเมืองอนาคต” ที่ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดซึ่งพร้อมเต็มพิกัดด้านพลังงาน มีแผนเป็นสมาร์ทซิตี้ สร้างความสมาร์ทครอบคลุมเศรษฐกิจ พลังงาน ขนส่ง สนพ.เร่งพัฒนาองค์ความรู้เตรียมรับเทคโนโลยีไฟฟ้ายุคใหม่ พร้อมเตรียมพัฒนาสมาร์ทกริดระยะกลางไปสู่ภาคประชาชน

ดร.วีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการกองนโยบายไฟฟ้า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวในระหว่างงานสัมมนา “สมาร์ทกริด (Smart Grid) ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อเมืองอนาคต” เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2563 จ.สุราษฎร์ธานี ว่า การจัดสัมมนาสร้างความรู้ภาคประชาชน ถือเป็นกิจกรรมขับเคลื่อนตามแผนพัฒนาพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดประเทศไทย ระยะยาว 20 ปี (พ.ศ. 2558 – 2579) ในระยะสั้น (พ.ศ.2560 – 2564 ) ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมเขียนแผนพัฒนาไปสู่ระยะกลาง (พ.ศ.2565 – 2574) คือการนำงานศึกษา-วิจัยลงไปสู่ประชาชน การจัดสัมมนาครั้งนี้ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ถือเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมด้านพลังงาน โดยเตรียมตัวเป็นสมาร์ทซิตี้ในอนาคตด้วย
“ความสำคัญของแผนพัฒนาสมาร์ทกริดประเทศไทย เป็นหนึ่งในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับใหม่ (PDP2018) ซึ่งการเข้ามาของสมาร์ทกริดนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพไฟฟ้า บริการ และโครงสร้างระบบไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะจะช่วยเรื่องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผู้รวบรวมโหลดไฟฟ้า การผลิตไฟขายเอง หรือที่เรียกว่า โปรซูมเมอร์ และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จะเข้ามาในระบบมากขึ้นในอนาคต สนพ.จึงต้องเร่งสร้างความรู้ในภาคประชาชนให้ก้าวทันตามเทคโนโลยีความก้าวหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป” ดร.วีรพัฒน์ กล่าว

นายอุทัย ภูริพงศธร พลังงานจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงความพร้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี เตรียมแผนพัฒนาจังหวัดสู่เมืองอัจฉริยะ โดยกล่าวว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความตื่นตัวด้านพลังงานและพร้อมจะรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจังหวัดมีแผนผลักดันให้จังหวัดเป็นสมาร์ทซิตี้แห่งอนาคต โดยครอบคลุมการพัฒนาความเป็นอัจฉริยะทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ขนส่ง พลังงาน รวมถึงพัฒนาบุคลากรในจังหวัดให้ก้าวทันตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือได้ว่าระบบสมาร์ทกริดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีกลายเป็นเมืองอัจฉริยะดังกล่าว

นายสมคิด ธิวงศ์ หัวหน้ากองควบคุมระบบ ฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวว่า ส่วนประกอบสำคัญของเทคโนโลยีสมาร์ทกริด คือ ระบบโครงข่ายไฟฟ้า ข้อมูล ระบบสื่อสาร และระบบควบคุมอัตโนมัติ กฟผ.มีหน้าที่นำนโยบายจาก สนพ.ไปสู่ภาคปฏิบัติ มีการทำโครงการการพัฒนาสมาร์ทกริดที่ จ.แม่ฮ่องสอน และสำรวจความพร้อมศักยภาพพื้นที่ในประเทศเพื่อพัฒนาคุณภาพการผลิตไฟฟ้าไปพร้อมกับเทคโนโลยีไฟฟ้าที่ก้าวหน้า นอกจากนี้ยังเตรียมยกระดับโครงข่ายระบบไฟฟ้าไทยสู่ “Energy Hub of Asean” ตามแผนงานก่อสร้างระบบส่ง 500 kv ที่ภาคใต้ สร้างความมั่นคงทางไฟฟ้าให้เกิดขึ้นในอนาคต

นายทรงวุฒิ ขันดี ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวว่า กฟภ.ได้ดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาสมาร์ทกริดระยะสั้น ในพื้นที่พัทยา โดยนำร่องเปลี่ยนสมาร์ทมิเตอร์ในพื้นที่พัทยา จำนวน 116,308 เครื่อง คาดว่าจะภายในกลางปี 63 นี้ และเตรียมเปลี่ยนสมาร์ทมิเตอร์ในกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ทั่วประเทศด้วย สร้างความประหยัดให้เกิดขึ้นเป็นวงใหญ่ โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานีถือเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมมากด้านพลังงาน ก็เป็นหนึ่งในแผนงานที่กฟภ.เตรียมพัฒนางานด้านสมาร์ทกริดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
กิจกรรมสัมมนาสร้างความรู้ “สมาร์ทกริด (Smart Grid) ระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อเมืองอนาคต” ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากพื้นที่กรุงเทพมหานครและกระจายสู่ต่างจังหวัด และในวันนี้ที่ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นเวทีส่งท้ายกิจกรรมสร้างความรู้ตามแผนขับเคลื่อนสมาร์ทกริดของประเทศไทย โดยกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วม ทั้งส่วนข้าราชการ ผู้ประกอบการเอกชน อาสาสมัครพลังงาน ผู้นำท้องถิ่น อบต. อบจ. ตลอดจนประชาชนทั่วไป จะได้รับทราบถึง นโยบาย แผนงาน และทิศทางการดำเนินงานที่จะเกิดขึ้น โดย สนพ.หวังให้เกิดการเตรียมตัวและพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีไฟฟ้าที่จะมาช่วยยกระดับคุณภาพไฟฟ้า-ชีวิต อย่างยั่งยืนในอนาคต