ThaiPublica > คนในข่าว > “มูห์ยิดดิน ยัสซิน” จากตัวรอง ก้าวสู่ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนที่ 8

“มูห์ยิดดิน ยัสซิน” จากตัวรอง ก้าวสู่ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนที่ 8

1 มีนาคม 2020


นายกรัฐมนตรีคนใหม่มาเลเซียลงนามในเอกสารหลังทำพิธีสาบานตน ที่มาภาพ:https://www.pmo.gov.my/2020/03/muhyiddin-takes-oath-as-8th-pm-before-king/

เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ประกาศแต่งตั้งนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

แถลงการณ์จากพระราชวังอิสตานาเนการา(istana negara)มีใจความว่า หรือสมเด็จพระราชาธิบดี (ยังดีเปอร์ตวนอากง)อัล-สุลต่าน อับดุลเลาะห์ รีอายาตุดดิน อัล-มุสตาฟา บิลลาฮ์ ชาห์ ได้ทรงแต่งตั้งให้ตัน สรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ของมาเลเซีย

“สมเด็จพระราชาธิบดีทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งตัน สรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 40 วงเล็บ 2 และมาตรา 43 วงเล็บ 2 ตามรัฐธรรมนูญสหพันธรัฐ” แถลงการณ์ระบุ

แถลงการณ์ออกโดยเลขาธิการสำนักพระราชวัง ดาโต๊ะ อาห์หมัด ฟาดิล ชามซุดดิน

“หลังจากได้พบกับตัวแทนของผู้นำทางการเมืองทุกคนที่เป็นหัวหน้าพรรค รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอิสระ สมเด็จพระราชาธิบดีทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า สมาชิกสภาผูแทนราษฎร ผู้ที่จะสามารถคุมเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร(Dewan Rakyat) ได้ คือ ยัง เบอร์โฮร์มัต ตัน สรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน สมาชิกผู้แทนจากเขตเลือกตั้งยะโฮร์”

อาห์หมัด ฟาดิล ระบุว่า พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ ตัน สรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน จะมีขึ้นในเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นในมาเลเซีย

“สมเด็จพระราชาธิบดี ทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า ขั้นตอนการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีไม่สามารถล่าช้าต่อไปได้เพราะประเทศต้องการรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศอันเป็นที่รักของเรา”แถลงการณ์ระบุ

สมเด็จพระราชาธิบดี เชื่อว่า นี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกพรรคการเมือง และทรงหวังว่าจะเป็นการยุติวิกฤติการเมืองในประเทศ อาห์หมัด ฟาดิล กล่าว

สำนักพระราชวังได้รับรายนามผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐนตรีจากหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคที่มีส.ส.ในสภาและจากส.ส.อิสระ

อาห์หมัด ฟาดิล เปิดเผยว่า ขั้นตอนนี้มีขึ้นหลังจาก สมเด็จพระราชาธิบดี ทรงขอให้หัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคและส.ส.อิสระเสนอชื่อที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี

อาห์หมัด ฟาดิล กล่าวอีกว่า สมเด็จพระราชาธิบดี ทรงแสดงความชื่นชมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจากหน่วยงานรัฐ หน่วยงานรักษาความปลอดภัยและสื่อ

ต่อมาวันที่ 1 มีนาคม 2563 สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เผยแพร่ภาพข่าวพร้อมรายละเอียดการเข้าสาบานตน ของประธานพรรคเบอร์ซาตู ตัน สรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ของมาเลเซีย ต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระราชาธิบดีอัล-สุลต่าน อับดุลเลาะห์ รีอายาตุดดิน อัล-มุสตาฟา บิลลาฮ์ ชาห์ ณ พระราชวังอิสตานา เนการา

พิธีสาบานตนมีขึ้นในเวลา 10.33 น. โดยมีสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซียร่วมอยู่ด้วย

ตุน ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด รักษาการนายกรัฐมาเลเซียหลังจากลาออกจากนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์

มูห์ยิดดิน ยัสซิน วัย 72 ปี แต่งกายในชุดประจำชาติ(baju Melayu) ทับด้วยโสร่งสั้นสีทองปักดำ พร้อมด้วยภริยา ปวน สรี นูไรนี อับดุล ราห์มาน

หลังจากเสร็จพิธีสาบานตน มูห์ยิดดิน ยัสซิน ลงนามรับทราบในคำสั่งแต่งตั้ง โดยมีประธานศาลฎีกา ตัน สรี เต็งกู ไมมุน ตวน มัต และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ดาโต๊ะ สรี โมห์ด ซูกิ อาลี ร่วมเป็นพยาน นอกจากนี้ยังมีผู้นำพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วมได้แก่ ประธานพรรคอัมโน (United Malays National Organisation:UMNO) ดาโต๊ะ สรี ดร.อาห์หมัด ซาฮิด ฮามิดิ ประธานพรรคพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย (Parti Islam SeMalaysia: PAS) ดาโต๊ะ สรี ดร. วี กา เซียง และ ดาโต๊ะ สรี โมฮาหมัด อัซมิน อาลี ส.ส.จากกมบะก์

ผู้นำทางศาสนาประจำเขต ดาโต๊ะ สรี ดร.ซัลกิฟลี โมฮาหมัด อัล-บากรี นำพิธีสวดขอพรดุอาอ์

ที่มาภาพ: https://www.pmo.gov.my/2020/03/muhyiddin-takes-oath-as-8th-pm-before-king/

มาเลย์ที่ไม่ถูกมองข้ามอีกต่อไป

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานการเข้ารับตำแหน่งของ มูห์ยิดดิน ยัสซิน ในข่าว Newsmaker: Bypassed no more: Malaysia’s ‘Malay first’ PM takes over ว่า มูห์ยิดดิน ยัสซินไม่ถูกมองข้ามอีกต่อไป คนมาเลเซียที่มาเลย์ต้องมาก่อนก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว

หลังจากที่ถูกบดบังจากยุคสมัยที่เต็มไปด้วยสีสัน ผู้ที่ก้าวออกมาจากความวุ่นวายสัปดาห์หนึ่งในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซียในวันอาทิตย์ เป็นคนที่มีภาพนักอนุรักษ์นิยมและไม่ค่อยปรากฎออกสื่อนัก

เมื่อมูห์ยัดดิน ยัสซัน วัย 72 ปีได้รับข่าวว่าในวันเสาร์ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีได้โปรดเกล้าแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนดร.มหาธีร์ ผู้นำที่มีการพูดตรงไปตรงมาและมีบทบาททางกาารเมืองในมาเลเซียมาหลายทศวรรษ ถึงกับทรุดตัวลงบนพรมปูพื้นพร้อมหลั่งน้ำตาแห่งความดีใจที่พระอัลลอฮ์ทรงเมตตา

“มูห์ยิดดิน เป็นคนจริงจังและน่าเบื่อ” คำจำกัดความจากผู้ที่เคยทำงานร่วมกับเขาเป็นเวลาหลายปีซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์สื่อ “อาจจะเป็นเพราะนี่คือสิ่งที่มาเลเซียต้องการมากกว่า คนประเภทที่ชอบประชาสัมพันธ์ตัวเอง ชอบเป็นข่าว ถูกถ่ายรูป

มูห์ยิดดินเป็นมุสลิมอนุรักษ์นิยมที่มาจากชนส่วนใหญ่ของมาเลเซีย ได้ใช้สิทธิการเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อ ดร.มหาธีร์ไม่ประสบความสำเร็จในการระดมเสียงสนับสนุนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลหลังจากที่ยื่นหนังสือลาออกกระทันหันเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์

มูห์ยิดดินเป็นชาวมาเลย์โดยเชื้อชาติ(มาเลย์เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมาเลเซีย) และได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคอัมโนซึ่งเคยบริหารประเทศและพรรค PAS ที่พ่ายแพ่ในการเลือกตั้งปี 2018 ให้กับกลุ่มแนวร่วมที่ประกอบด้วยหลายคนเชื้อชาติ ที่นำโดยดร.มหาธีร์

“สำหรับผม มาเลย์ต้องมาก่อน ผมอยากจะบอกอย่างนั้น”มูห์ยิดดินกล่าวไว้ในปี 2010 “แต่การเป็นชาวมาเลย์ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้เป็นคนมาเลเซีย”

ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คนมาเลย์ส่วนใหญ่เกิดความไม่พอใจ เนื่องจากการสูญเสียสิทธิพิเศษภายใต้รัฐบาลมหาธีร์

“มูห์ยิดดินเหมือนกองหน้าที่ยอดเยี่ยม เห็นโอกาสที่ไม่ได้คาดมาก่อน และใช้จังหวะนี้ทำประตู” ซาอิด อิบราฮิม นักกฎหมายชื่อให้ความเห็นต่อมูห์ยิดดินที่เป็นคนเก็บตัวหรือโลว์โปรไฟล์ แม้เคยเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยในรัฐบาลดร.มหาธีร์

ทางด้านดร.มหาธีร์ อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งมาจากพรรคเบอร์ซาตูเหมือนกับมูห์ยิดดิน กล่าวว่า รู้สึกเหมือนโดนหักหลังจากคนที่วางแผนร่วมกับพรรคอัมโนเพื่อนำพรรคอัมโนกลับเข้า แม้ผู้นะพรรคระดับสูงส่วนหนึ่งถูกข้อกล่าวว่าทุจริต

“มูห์ยิดดินเต็มใจที่จะยอมรับอะไรก็ได้ เขาบอกว่าการเมืองสำคัญกว่าหลักการ” ดร.มหาธีร์กล่าว พร้อมให้คำมั่นว่าจะยื่นญัตติในสภาเพื่อดูว่ามูห์ยิดดินมีเสียส่วนใหญ่หรือไม่

มูห์ยิดดินไม่ได้ให้ความเห็นต่อคำกล่าวหาของดร.มหาธีร์

มูห์ยิดดินเกิดในครอบครัวผู้นำทางศาสนาที่มีชื่อเสียงในรัฐยะโฮร์ ตั้งแต่มาเลเซียยังอยู่ภายใต้จักรภพอังกฤษ มูห์ยิดดินเป็นข้าราชการก่อนที่ก้าวมาสู่การเมืองกับพรรคอัมโน สมัยที่ดร.มหาธีร์ครองอำนาจในพรรค

มูห์ยิดดิน ทำหน้าที่มุขมนตรีประจำรัฐยะโฮร์ ซึ่งมีชายแดนติดกับสิงคโปร์ ในวัย 39 ปี และอยู่ในตำแหน่งถึง 9 ปี ทำให้ปูทางเข้าสู่เวทีงานระดับชาติ

ผู้ที่รู้จักมูห์ยิดดินคนหนึ่งเห็นว่า ถึงเวลาของมูห์ยิดดินแล้วที่จะแสดงความสามารถให้เห็น หลังจากที่เป็นตัวรองมานาน

มูห์ยิดดินอยู่ในวัยเดียวกับอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งก้าวหน้ารวดเร็วในพรรคอัมโนและกลางเป็นผู้ถูกวางตัวเป็นทายาทต่อจากดร.มหาธีร์ ในช่วงแรก ก่อนที่ทั้งสองคนจะขัดแย้งและกลายเป็นศัตรูมากกว่า 2 ทศวรรษ

มูห์ยิดดินอายุมากกว่า อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก 6 ปี และทำหน้าที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนาจิบ ก่อนถูกปลดออกเพราะวิจารณ์นาจิบ ราซักในกรณีอื้อฉาวกองทุน 1MDB ซึ่งขณะนี้นาจิบถูกดำเนินดคี

“คนไม่รู้จักมูห์ยิดดินดีนัก แม้จะอยู่ในวงการมานาน” ผู้ใกล้ชิดรายหนึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความเห็น“คนลืมไปแล้วว่าเขาเป็นคนรุ่นเดียวกับอันวาร์”

หลังจากถูกปลดออกจากรัฐบาลนาจิบ มูห์ยิดดินได้เข้าร่วมกับดร.มหาธีร์ ตั้งพรรคสหประชาชนมาเลย์ (Parti Pribumi Bersatu Malaysia: PPBM) ในปี 2016 และก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรกับอันวาร์ ซึ่งนำไปสู่การล้มรัฐบาลนาจิบ

สำหรับคนที่รู้จักมูห์ยิดดินอย่างดี กล่าวว่า มูห์ยิดดิน ซึ่งเพิ่งหายจากการรักษาโรคมะเร็งระยะแรก เป็นคนที่รักครอบครัว เขามีลูก 4 คน คนหนึ่งเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง

“เขาอาจจะไม่ใช่คนที่เป็นมิตรนัก แต่เป็นคนที่ต้องใช้เวลาในการทำความรู้จัก” ผู้ใกล้ชิดคนหนึ่งกล่าว

นายกรัฐมนตรีคนใหม่มาเลเซียโบกมือให้กับผู้สื่อข่าวที่มารอหน้าบ้านพัก ที่มาภาพ:https://www.reuters.com/article/us-malaysia-politics-muhyiddin-factbox/factbox-malay-first-malaysias-muhyiddin-allies-with-nationalists-to-become-pm-idUSKBN20N0GQ

สำนักข่าวรอยเตอร์สให้ข้อมูลประวัติ มูห์ยิดดิน ยัสซัน ไว้ในรายงาน Factbox: ‘Malay first’ – Malaysia’s Muhyiddin allies with nationalists to become PM ว่า มูห์ยิดดินเป็นชาวมาเลย์โดยเชื้อชาติ และเคยทำให้เกิดความขัดแย้งจากคำพูดที่ว่า คนมาเลย์ต้องมาก่อน หรือ Malay first

มูห์ยิดดินเกิดที่รัฐยะโฮร์ทางตอนใต้ของมาเลเซียที่ติดกับสิงคโปร์ พ่อของมูห์ยิดดินเป็นครูสอนศาสนาที่มีอิทธิพลอย่างมากในบ้านเกิด มูห์ยิดดินสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมลายา ในปี 1970 ด้านเศรษฐศาสตร์และมาเลย์ศึกษา และทำหน้าที่มุขมนตรีรัฐนาน 9 ปี

มูห์ยิดดินเป็นประธานพรรค PPBM เมื่อเริ่มก่อตั้งปี 2016 แต่ภายหลังตำแหน่งนี้เป็นของดร.มหาธีร์ ก่อนหน้านี้มูห์ยิดดินร่วมพรรคอัมโนในปี 1971 และเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคอัมโน

ในช่วงเดือนเมษายน 2009 ถึงกรกฎาคม 2015 รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีกับรัฐบาลนาจิบ ราซัก ก่อนถูกปลดออกและขับออกจากพรรคอัมโน หลังจากตั้งคำถามกับนาย นาจิบ ราซักในการจัดการกับกองทุน 1MDB ที่เกิดกรณีอื้อฉาว

ปี 2010 มูห์ยิดดินเอ่ยคำว่า “ผมเป็นมาเลย์ มาเลย์ต้องมาก่อน ผมอยากจะบอกอย่างนั้น แต่การเป็นชาวมาเลย์ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้เป็นคนมาเลเซีย”

ปี 2018 ได้รับการตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะแรก และเข้ารับการรักษาตัวซึ่งในช่วงรักษานั้นดร.มหาธีร์ รักษาการรัฐมนตรีมหาดไทยแทน

มูห์ยิดดินเป็นคนเก็บตัว แต่คนใกล้ชิดให้ข้อมูลว่าเขาเป็นคนใกล้ชิดกับครอบครัวมาก