ThaiPublica > เกาะกระแส > สรรพสามิตเร่งจัดสรร “สุราสามทับ” 133 ล้านลิตร ผลิตเจลล้างมือ แก้ปัญหาขาดตลาด—ขายเกินราคา

สรรพสามิตเร่งจัดสรร “สุราสามทับ” 133 ล้านลิตร ผลิตเจลล้างมือ แก้ปัญหาขาดตลาด—ขายเกินราคา

17 มีนาคม 2020


เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เป็นประธานที่ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข,กรมควบคุมโรค,องค์การเภสัชกรรม,กรมแพทย์ทหารบก,กรมแพทย์ทหารเรือ,กรมแพทย์ทหารอากาศ ,โรงพยาบาลรัฐและเอกชน,สมาคมร้านขายยา ฯลฯ เพื่อจัดสรรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ทางการแพทย์และสาธารณสุข ณ ห้องประชุมราชวัตร ชั้น 5 กรมสรรพสามิต

สรรพสามิต เตรียมแผนจัดสรรสต็อกสุราสามทับ 133 ล้านลิตร – เพิ่มกำลังการผลิต “แอลกอฮอล์ – เจลล้างมือ” แก้ปัญหาขาดตลาด-ขายเกินราคา

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้แอลกอฮอล์ทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกตินั้น ขณะนี้กรมสรรพสามิตได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตแอลกอฮอล์ในประเทศไทยทั้ง 3 กลุ่ม อันได้แก่ องค์การสุรา กรมสรรพสามิต,กลุ่มผู้ผลิตสุราสามทับเพื่อส่งออก และกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง ได้เร่งผลิตและจำหน่ายแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ และแอลกอฮอล์แปลงสภาพป้อนเข้าสู่ตลาดให้เพียงพอกับความต้องการแล้ว

จากข้อมูลของกรมสรรพสามิต ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้ผลิตสุราสามทับทั้ง 3 กลุ่ม (แอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นเกิน 80 ดีกรีขึ้นไป) มีกำลังการผลิตสุราสามทับวันละ 7.395 ล้านลิตรต่อวัน และมีแอลกอฮอล์คงเหลืออยู่ในสต็อก 132.68 ล้านลิตร ประกอบด้วย องค์การสุรา ผลิตได้วันละ 60,000 ลิตรต่อวัน มีแอลกอฮอล์ในสต็อก 2 ล้านลิตร , ผู้ส่งออกสุราสามทับทั้ง 7 โรงงานมีกำลังการผลิตวันละ 380,000 ลิตร แอลกอฮอล์ในสต็อก 13.486 ล้านลิตร และโรงงานผลิตเอทานอล 26 โรง มีกำลังการผลิตวันละ 6.955 ล้านลิตร แอลกอฮอล์ในสต็อก 117.21 ล้านลิตร

“ขณะนี้ตนได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตแอลกอฮอล์แล้วจะเร่งผลิตและจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน จึงขอเตือนผู้ที่ฉวยโอกาส กักตุนแอลกอฮอล์ เพื่อขายเกินราคาว่าแอลกอฮอล์ไม่เหมือนหน้ากากอนามัย เป็นวัตถุไวไฟ หากจัดเก็บไว้ในปริมาณมาก อาจมีอันตรายเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ ตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมากักตุนแล้ว เนื่องจากผู้ผลิตแอลกอฮอล์ทั้ง 3 กลุ่ม มีสต็อกแอลกอฮอล์เหลือเป็นถึง 133 ล้านลิตร ขณะเดียวกันก็มีการเร่งกำลังการผลิต เพื่อนำออกมาขายในช่วงนี้อีก” นายพชร กล่าว

นายพชร กล่าวต่อว่า ส่วนการหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข,กรมควบคุมโรค,องค์การเภสัชกรรม,กรมแพทย์ทหารบก,กรมแพทย์ทหารเรือ,กรมแพทย์ทหารอากาศ ,โรงพยาบาลรัฐและเอกชน,สมาคมร้านขายยา เป็นต้น ทางกรมสรรพสามิตได้มอบหมายให้องค์การสุราจัดสรรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ให้กับบุคลากรการทางการแพทย์เป็นลำดับแรก โดยทุกหน่วยงานที่มาประชุมในวันนี้ได้รับการจัดสรรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์จากองค์การสุรา รวมทั้งสิ้น 7-8 แสนลิตรต่อเดือน อาทิ องค์การเภสัชกรรม เดิมมีความต้องการใช้แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 2 แสนลิตรต่อเดือน ขณะนี้ได้รับการจัดสรรเพิ่มเป็น 5 แสนลิตรต่อเดือน ทั้งนี้ เพื่อนำไปผลิตและจัดสรรต่อให้โรงพยาบาลและประชาชน โรงงานเภสัชกรรมทหารได้รับการจัดสรรเพิ่ม 70,000 ลิตรต่อเดือน กรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต เดิมได้รับการจัดสรรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 5,000 ลิตรต่อเดือน ได้รับจัดสรรเพิ่มเป็น 25,000 ลิตรต่อเดือน โรงพยาบาลศิริราชได้รับจัดสรรเพิ่มเป็น 18,000 ลิตรต่อเดือน เป็นต้น

“นอกจากนี้ตนยังได้รับรายงานจากสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ว่าโรงงานเอทานอลได้ยื่นขอใช้สิทธิเสียภาษีลิตรละ 0 บาท โดยนำแอลกอฮอล์แปลงสภาพแล้ว 1 ล้านลิตรไปขายให้กับผู้ผลิตเจลล้างมือ ซึ่งตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุขก็แสดงความเป็นห่วง เกรงว่าอาจจะบางส่วนไม่ได้นำแอลกอฮอล์ไปผลิตเจลล้างมือ แต่เอาไปผลิตเหล้าแทน ประเด็นนี้กรมสรรพสามิตได้ชี้แจงตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุขว่าแอลกอฮอล์ที่ออกจากโรงงานเอทานอล ต้องเติมสารแปลงสภาพก่อน จากนั้นกรมสรรพสามิตก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบโรงงานผลิตเจลล้างมือประมาณ 2,000 แห่งว่ามีการนำเอทานอลแอลกอฮอล์ไปผลิตเจลล้างมือครบตามจำนวนที่แจ้งหรือไม่ ถ้าไม่ครบก็ต้องจ่ายภาษีเพิ่ม พร้อมค่าปรับ” นายพชรกล่าว

  • “เจลล้างมือ” โควิด-19 ความจริงที่ “อธิบดีสรรพสามิต” พูดไม่ครบ