
ที่มาภาพ : http://www.bangkok.go.th/
กทม.สั่งปิดห้างสรรพสินค้า-ตลาดนัด ยกเว้นพื้นที่ขายอาหาร สินค้าจำเป็น 22 วัน เริ่ม 22 มี.ค.-12 เม.ย.นี้ ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563 พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามในประกาศ กรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 2 ) โดยพล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า อย่างที่ทราบกันดีประเทศไทยกำลังประสบปัญการแพร่ระบาดเชื้อโควิด – 19 กรุงเทพมหานครได้ฟังข้อมูลแนวโน้มตัวเลขผู้ที่จะติดเชื้อและเสียชีวิตจากการวิเคราะห์ของคณะอาจารย์แพทย์ คณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศหลาย ๆแห่ง ชี้ให้เห็นว่าหากยังไม่มีมาตรการเข้มข้นมาสกัดการแพร่ระบาดของโรคในเร็ววันนี้ จะมีตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมากมายจนไม่สามารถรับมือได้ ขณะนี้หากท่านนั่งใกล้ชิดกับผู้อื่นก็อาจได้รับเชื้อและแพร่ไปยังคนที่ท่านรัก เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อดังกล่าว
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 63 กรุงเทพมหานครจึงได้ออกคำสั่งปิด 8 สถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังมีอีกหลายสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้ออย่างมาก คือ ร้านอาหาร สถานที่ทำงาน ซึ่งมีผู้คนรวมตัวกันจำนวนมาก และมีการพูดคุยกันในระยะที่ใกล้ชิด และเป็นระยะเวลานาน จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมมือกันป้องกันการแพร่กระจายของโควิด – 19 และการควบคุมโรคดำเนินไปด้วยความมีประสิทธิภาพ ขอให้ทุกสถานที่เว้นระยะห่าง 1 – 2 เมตร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค รวมถึงร้านจำหน่ายอาหารต่าง ๆ เปิดจำหน่ายอาหารแบบซื้อกลับไปบ้านเท่านั้น สำหรับห้างสรรพสินค้าและตลาดให้เปิดได้เฉพาะในส่วนของการจำหน่ายอาหารและสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวันเท่านั้น
ทั้งนี้ ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนก และกักตุนสินค้ากัน ยังสามารถซื้อของใช้ที่จำเป็นได้อย่างพอเพียง นอกจากนี้ยังมีการออกประกาศปิดสถานที่อื่น ๆ ที่เป็นแหล่งรวมตัวของคนจำนวนมากที่มาอยู่รวมตัวกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งผู้อำนวยการเขตคอยควบคุม กำกับ ดูแล ทุกสถานที่ให้ดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มข้นและจริงจัง หากสถานที่ใดไม่ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้รายงานมาโดยตรง เพื่อที่จะได้นำเสนอต่อคณะกรรมการโรคติดต่อประจำกรุงเทพมหานครพิจารณาปิดสถานที่นั้น ๆ ตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติทันที
ส่วนรถไฟฟ้า BTS BRT และระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ รวมถึงล้อ ราง เรือ ขอความร่วมมือให้ลดจำนวนผู้โดยสาร เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างผู้ใช้บริการเพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อโควิด – 19 ซึ่งประชาชนอาจต้องใช้เวลารอรถนานขึ้นแต่เพื่อความปลอดภัย และหวังว่าผู้ประกอบการขนส่งมวลชนอื่น ๆ จะตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันการแพร่เชื้อและดำเนินการในแนวทางเดียวกันนี้เช่นเดียวกัน โดยคำสั่งและมาตรการทั้งหมดเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (22 มี.ค. 63)
พลตำรวจเอก อัศวินกล่าวต่อว่า ส่วนสถานที่ทำงานที่สามารถให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ หรือหยุดงานเป็นการชั่วคราว รวมถึงขอให้งดจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีผู้คนมารวมตัวกันจำนวนมาก งดร่วมกิจกรรมที่ไม่จำเป็น ตลอดจนงานเลี้ยงสังสรรค์ต่าง ๆ ดังนั้น ขอให้ทุกคนเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ล้างมือ และไม่ไปยังสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครทุกฝ่ายได้ทำงานอย่างเต็มที่และเต็มกำลังในการคัดกรอง รักษาผู้ป่วย และทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะทุกวัน การใช้อำนาจหน้าที่ในการปิดสถานที่ต่าง ๆ จะก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่อยากให้ทุกคนคำนึงถึงคุณภาพของการมีชีวิตเหนือสิ่งอื่นใด การอยู่บ้านเป็นการช่วยชาติป้องกันการคุกคามของโควิด – 19 เราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
อาศัยอำนาจตามความมาตรา 35( 1)แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ตามมติ ที่ประชุมครั้งที่ 5/2563 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563 จึงให้ยกเลิกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 17 มีนาคม 2563 และให้ปิดสถานที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 12 เมษายน 2563 ดังต่อไปนี้
-
1. ร้านอาหาร (ให้เปิดเฉพาะการจำหน่ายอาหาร เพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่นและร้านอาหารในโรงแรมที่ให้บริการเฉพาะผู้ที่พักอาศัยในโรงแรม)
2. ห้างสรรพสินค้า เว้นแต่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยาหรือสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ร้านอาหาร (ให้เปิดเฉพาะการจำหน่ายอาหารเพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่น)
3. พื้นที่นั่ง หรือ ยืนรับประทานอาหารในร้านสะดวกซื้อ
4. ตลาดและตลาดนัด (เปิดเฉพาะการจำหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ เพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่น อาหารสัตว์ ร้านขายยา และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต)
5. ร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผม
6. สถานที่บริการสักผิวหนัง หรือ เจาะส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย
7. สถานที่เล่นสเกต หรือโรลเลอร์เบลด หรือการเล่นอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน
8. สวนสนุก สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง หรือตู้เกม
9. ร้านเกม และร้านอินเทอร์เน็ต
10. สนามกอล์ฟ หรือสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ
11. สระว่ายน้ำ หรือกิจการอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน
12. สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่
13. ศูนย์พระเครื่อง พระบูชา และสนามพระเครื่อง พระบูชา
14. ศูนย์แสดงสินด ศูนย์ประชุม และสถานที่จัดนิทรรศการ
15. สถานศึกษาทุกระดับ และสถาบันกวดวิชา
16. สถานที่ให้บริการควบคุมน้ำหนัก คลินิกความงาม และสถานเสริมความงาม
17. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (ร้านสปา ร้านนวดเพื่อสุขภาพ ร้านนวดเพื่อเสริมความงาม)
18. สถานที่ให้บริการสปา อาบน้ำ ตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝากสัตว์
19. สถานประกอบกิจการอาบ อบ นวด
20. สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร
21. โรงมหรสพ (โรงภาพยนต์ โรงละคร โรงมหรสพ)
22. สถานที่ออกกำลังกาย
23. สถานบริการและสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ
24. สนามมวย และโรงเรียนสอนมวย
25. สนามกีฬา
26. สนามม้า
อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป
บรรยากาศซุปเปอร์มาร์เก็ตภายในห้างสรรพสินค้า ภายหลังผู้ว่าฯ กทม.ออกประกาศเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563 สั่งปิดห้างสรรพสินค้า ยกเว้นซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยาหรือสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ร้านอาหาร (ให้เปิดเฉพาะการจำหน่ายอาหารเพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่น) แต่ประชาชนก็ยังไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคมากักตุนไว้





