ThaiPublica > เกาะกระแส > พิษสงครามการค้าฯ – ไวรัสโคโรนา คลังหั่น GDP ปี’63 จากขยายตัว 3.3% เหลือ 2.8%

พิษสงครามการค้าฯ – ไวรัสโคโรนา คลังหั่น GDP ปี’63 จากขยายตัว 3.3% เหลือ 2.8%

29 มกราคม 2020


วันที่ 29 มกราคม 2563 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 และ 2563 ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการคลัง
ที่มาภาพ : www.fpo.go.th/

พิษสงครามการค้าฯ – ไวรัสโคโรนา กระทบท่องเที่ยว คลังหั่น GDP ปี 63 เหลือ 2.8% ต่อปี

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 และ 2563 ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2562 คาดว่าจะสามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 2.5 ชะลอลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากปัจจัยอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอตัวลงเป็นสำคัญ อันเป็นผลจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและปริมาณการค้าโลกที่ชะลอตัวลงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าตามระบบศุลกากรในรูปเงินเหรียญสหรัฐในปี 2562 หดตัวลงที่ร้อยละ -2.7 ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังประเทศไทยในปี 2562 มีจำนวน 39.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.2 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายระยะเวลามาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival: VOA) สำหรับการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 โดยเฉพาะโครงการชิมช้อปใช้ ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายของประชาชน ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2562 อยู่ที่ร้อยละ 0.7 ปรับตัวลดลงจากปีก่อนตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลง

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2563 กระทรวงการคลังคาดว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นจากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.3 – 3.3) ตามการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศปี 2563 นอกจากนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ รวมถึงโครงการร่วมลงทุนของภาครัฐและเอกชน (PPP) ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในประเทศได้มากขึ้น ประกอบกับภาคส่งออกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ และแนวโน้มการเติบโตของปริมาณการค้าโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐและภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2563 จะอยู่ที่ร้อยละ 0.8 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.3 – 1.3) ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ

“สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจีน ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) การดำเนินนโยบายการเงินของประเทศพัฒนาแล้ว รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่จะได้รับการสนับสนุนจากมาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี 2563” นายลวรณ กล่าว

อ่านแถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2562 และปี 2563เพิ่มเติม