
AOT เดินหน้าสร้าง”เทอร์มินอล 2″ รองรับผู้โดยสารเพิ่ม 40 ล้านคน ชงเสนอบอร์ด ทอท.เคาะ 20 พ.ย.นี้
ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท.” ดำเนินการรวบรวมข้อคิดเห็น และตอบข้อซักถามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน รอบด้าน ประกอบการตัดสินใจในโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)นั้น นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ทอท.ได้ดำเนินการรวบรวมข้อคิดเห็น และชี้แจงข้อซักถามกับผู้เกี่ยวข้องในประเด็นดังกล่าวแล้วมีประเด็นสำคัญๆ ดังนี้
ทำไม ทอท. จึงไม่ปฏิบัติตามแผนแม่บทเดิม
ประเด็นนี้ ทอท. ขอชี้แจงว่า ทอท.ปฏิบัติตามหลักการของแผนแม่บทเดิม ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับปรุงทุก 5 ปี ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล ทอท.ได้เริ่มจัดทำแผนแม่บท (Master Plan) ทสภ.ตั้งแต่ปี 2536 ซึ่งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(International Civil Aviation Organization : ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ(International Air Transport Association : IATA) ได้ศึกษา และแนะนำให้มีการปรับปรุงแผนแม่บทท่าอากาศยานทุกๆ 5 ปี หรือ เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของธุรกิจการบินที่เปลี่ยนแปลงไป โดย ทอท.ได้เร่งรัดดำเนินการตามหลักการของแผนแม่บทเดิม ซึ่งยังคงดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานจากด้านทิศเหนือไปยังทิศใต้ โดยมิได้มีการชะลอโครงการแต่อย่างใด
แต่เมื่อ ICAO ได้ปรับปรุงแผนแม่บทตามเกณฑ์กรอบระยะเวลาดังกล่าวข้างต้นในปี 2554 ซึ่งเป็นภาวะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) รองรับผู้โดยสารเกินขีดความสามารถนั้น ICAO ได้แนะนำให้ปรับปรุงแผนแม่บทเดิม โดยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในแผนแม่บทฉบับดังกล่าวว่า “จากข้อเสนอเดิมที่ให้ขยายอาคารที่ปลายทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกนั้น จะยากมากสำหรับการดำเนินการเมื่ออาคารยังถูกใช้งานที่เต็มขีดความสามารถอยู่ ดังนั้น วิธีการแก้ปัญหาคือการย้ายกระบวนการผู้โดยสารในประเทศไปยังบริเวณอื่น และปรับบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศทดแทน ซี่งจะส่งผลกระทบต่อการบริการน้อยกว่า” โดย ICAO ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า“วิธีการที่ดีที่สุดในระยะสั้น คือ การพัฒนาอาคารที่แยกเป็นอิสระต่อเนื่องกับอาคารเทียบเครื่องบิน A เพื่อรองรับผู้โดยสารในประเทศทั้งขาเข้าและขาออก” ซึ่งแผนแม่บทปัจจุบันที่เขียนขึ้นในภาวะที่ท่าอาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) รองรับผู้โดยสารเกินขีดความสามารถเช่นกัน แนวทางการก่อสร้างจึงยังยึดหลักการเดิมของ ICAO ที่แนะนำให้ต่อขยายอาคารเทียบเครื่องบิน A ออกไปในตำแหน่งเดิมที่ ICAO เคยแนะนำทางด้านทิศเหนือจะมีปรับก็เพียงวิธีการบริหารจัดการอาคารดังกล่าวให้เหมาะสมกับจำนวนและแนวโน้มผู้โดยสารตามคำแนะนำของผู้ใช้งานโดยตรงรวมถึง IATA ซึ่งเป็นผู้แนะนำให้มีการปรับปรุงแผนแม่บททุก 5 ปีด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ทอท. จึงขอยืนยันว่า ในอุตสาหกรรมทางการบิน จำเป็นต้องไม่ยึดติดกับแผนแม่บทที่อาจไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง โดยองค์กรระหว่างประเทศแนะนำให้ต้องปรับปรุงแผนแม่บทให้ทันสมัยทุก 5 ปี เพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ในอุตสาหกรรมการบินอย่างแท้จริง
นายนิตินัย ยอมรับว่าปัญหาความแออัดภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนหนึ่งเกิดจากความล่าช้าในการก่อสร้างต่างๆไม่เป็นไปตามแผนแม่บทเดิมเมื่อ 16 ปีที่แล้ว และอีกส่วนเกิดจากปริบทของโลกเปลี่ยนแปลงไป ยกตัวย่าง แผนแม่บทเดิมเน้นการลงทุนไปที่ด้าน Air Side โดยขยายอาคารเทียบเครื่องบินรอง (Satellite) เพื่อรองรับผู้โดยสารที่รอพัก (Transit) หรือ เปลี่ยนเครื่องบินระหว่างทาง (Tranfer) ส่วนการลงทุนด้าน Land Side ภายในอาคารผู้โดยสารแทบไม่ขยายเลย ปรากฏว่าผู้โดยสารทั้ง Transit – Tranfer แทบไม่ขยายตัว ปัจจุบันมีสัดส่วนผู้โดยสารที่มาใช้บริการส่วนนี้แค่ 1.7% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 65 ล้านคนต่อปี เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาความแออัด ต่อมาได้มีการปรับปรุงแผนแม่บทใหม่ โดยองค์การการบินระหว่างประเทศ หรือ “ICAO” แนะนำให้ขยายอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ เพื่อรองรับผู้โดยสารภายในประเทศ ผลปรากฎว่าจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้โดยสารภายในประเทศติดลบทุกปี ดังนั้น ในแผนแม่บทฉบับที่ 5 จึงจำเป็นต้องปรับปรุงแผนการก่อสร้างอาคารผู็โดยสารหลังใหม่อีกครั้งให้สามารถรองรับผู้โดยสาร ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศได้ด้วย โดยอาคารผู้โดยสารหลังใหม่จะมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้อีก 40 ล้านคนต่อปี
ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) แก้ปัญหาตรงจุดหรือไม่
ในการขยายอาคารไปทางทิศเหนือตามคำแนะนำของ ICAO นี้ ทอท.ได้มุ่งแก้ปัญหาความแออัดที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยเอาปัญหา (pain point) ของผู้ใช้งานเป็นที่ตั้ง เพื่อรวบรวมความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในประเด็นปัญหาต่างๆอย่างครบถ้วน จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด โดยยังได้มุ่งเน้นการบรรเทาที่เกิดขึ้นจากแผนแม่บทฉบับก่อนหน้าควบคู่กันไปด้วย
ทอท.ได้พูดคุยกับผู้ใช้บริการสายการบิน และผู้ประกอบการใน ทสภ.ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นต่อการใช้บริการ ทสภ. เช่น การจราจรติดขัดบริเวณชานชาลาอาคารผู้โดยสาร การใช้เวลารอนานทั้งในขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทาง ซึ่งมีจำนวนเคาน์เตอร์จำกัด จุดรับกระเป๋าและเคาน์เตอร์เช็คอินไม่เพียงพอ โดย ทอท.ได้เร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยมีการหารือร่วมกับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินแห่งชาติที่มีสัดส่วนเที่ยวบินมากที่สุด สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association : IATA) ซึ่งเป็นผู้ส่งเสริมให้เกิดความสะดวกและความปลอดภัยในการบิน และส่งเสริมมาตรฐานการบริการด้านการขนส่งทางอากาศ คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Airline Operators Committee : AOC) Board of Airline Representatives Business Association (BAR) คณะกรรมการที่ปรึกษาท่าอากาศยาน (Airport Consultative Committee : ACC) และประชุมหารือร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (กยผ.) สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบ เรื่องการพัฒนาที่ดินแปลงด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A (Concourse A) เป็นอาคารผู้โดยสาร (Optional Terminal) ตามที่ระบุในแผนแม่บทการพัฒนา ทสภ.ของ ICAO ฉบับ 2552 และ 2554 และมีความเห็นสอดคล้องกับ ทอท.ในการดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ(North Expansion) ทสภ.ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดำเนินการได้รวดเร็วและส่งผลกระทบน้อยที่สุด
นอกจากการแก้ปัญหาจากคำแนะนำของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงข้างต้นแล้ว ส่วนต่อขยายทางทิศเหนือ (North Expansion) ยังบรรเทาปัญหาที่มีอยู่เดิม อาทิ การมีหลุมจอดด้านตะวันออก (จุดที่จะมีการต่อขยาย) แต่อากาศยานต้องไปขึ้นทางทิศตะวันตก ซึ่งเดิมจะทำให้เกิดการตัดของการจราจรทั้งรถบัสที่ไปส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่องฯ และเกิดการตัดของการจราจรอีกครั้งเมื่อเครื่องฯจะมาขึ้นในทางวิ่ง (Runway) ด้านตะวันออก เมื่อมีส่วนต่อขยายทางทิศเหนือแล้ว ก็จะสามารถลดปัญหาเดิมที่จะต้องนำรถบัสไปส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้ เป็นต้น
ทอท.ไม่ได้เมินหน่วยงานรัฐ
ทอท. ยืนยันดำเนินการตามกระบวนการ โดยหลังจากนี้จะต้องขอความเห็นชอบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป มิได้ข้ามขั้นตอน หรือสามารถจะมีอภิสิทธิ์เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ สำหรับประเด็นที่ว่า ทอท.ไม่สนใจคำทักท้วงและข้อเสนอแนะนั้น ทอท. ขอยืนยันว่า นอกจาก ทอท.ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของบ้านเมืองตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว ทอท.ได้ดำเนินการโครงการนี้ตามสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ให้มุ่งเน้นหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ อันนำมาซึ่งกระบวนการรับฟังความคิดเห็น และรวบรวมข้อเสนอแนะจากส่วนงานที่เกี่ยวข้องข้างต้น และยืนยันว่าได้ดำเนินการตามกระบวนการลงทุนของประเทศทุกขั้นตอน โดยหลังจากนี้ฝ่ายบริหาร ทอท. จะนำข้อมูลประกอบการตัดสินใจนี้ เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท.ในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 หากคณะกรรมการฯ เห็นชอบก็จะนำเสนอกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นกระทรวงต้นสังกัด และ สศช. เพื่อกลั่นกรองความเหมาะสม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป