การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-สาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งที่ 18 จะยกระดับความร่วมมือในอีก 3 เรื่องสำคัญ การเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม ปรับปรุงกฎระเบียบเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้าให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้นเพื่อรองรับกลับการค้ายุคใหม่ และการเตรียมการเปิดเสรีการลงทุนเพิ่มเติม ไทยเองได้เสนอใช้เงินจากกองทุนของจีน ในโครงการเส้นทาง R3A ซึ่งเชื่อมระยะระหว่างคุณหมิงกับเชียงราย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยภายหลังการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-สาธารณรัฐประชาชนจีนครั้งที่ 18 และการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ฮ่องกงครั้งที่ 3 ที่มีขึ้นในเช้าวันที่ 9 กันยายนนี้ว่า ในปีที่แล้วมูลค่าการค้าระหว่างอาเซียนกับจีนสูงถึง 4.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าจีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของอาเซียน มีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 17% ที่อาเซียนค้ากับโลก
สำหรับรายละเอียดในการหารือระหว่างอาเซียนกับจีนนั้น เนื่องจากอาเซียน-จีน มี FTA หรือเขตการค้าเสรีมาร่วมกันตั้งแต่ปี 2548 รวม 15 ปีแล้ว ต่อจากนี้จะยกระดับความร่วมมือในอีก 3 เรื่องสำคัญ คือ 1)การเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม 2)จะมีการปรับปรุงกฎระเบียบเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้าให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้นเพื่อรองรับกลับการค้ายุคใหม่ 3)การเตรียมการเปิดเสรีการลงทุนเพิ่มเติม
นอกจากนั้นทางการจีนมีกองทุนในการช่วยสนับสนุนการดำเนินการของอาเซียนด้วย โดยที่ผ่านมาประเทศจีนได้ให้การสนับสนุนจากเงินกองทุนของจีนกับอาเซียน 300 ล้านหยวน โดยจะเพิ่มอีก 50 ล้านหยวน มีโครงการต่างๆ เช่น โครงการจะทำแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการท่องเที่ยวในอาเซียน โครงการการฝึกอบรมผู้ประกอบการรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกฎระเบียบเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้า เป็นต้น
สำหรับการประชุมวันนี้ ทางการไทยเองก็ได้เสนอใช้เงินจากกองทุนของจีน คือ 1)เกี่ยวกับโครงการเส้นทาง R3A ซึ่งเชื่อมระยะระหว่างคุณหมิงกับเชียงราย ได้เสนอเรื่องนี้เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างกันซึ่งเป็นการค้าข้ามพรมแดนเป็นประโยชน์กับไทยต่อไปในอนาคต 2)โครงการพัฒนานักธุรกิจรุ่นใหม่ 3)โครงการแพลตฟอร์มสำหรับการค้าธุรกิจรุ่นใหม่
RCEP ได้ข้อยุติทั้งหมดที่ดานังเดือนนี้
สำหรับการประชุมรัฐมนตรี RCEP ครั้งที่ 7 (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) หรือ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่มีสมาชิก 16 ประเทศ ประกอบด้วย อาเซียน 10 ประเทศ ร่วมกับอีก 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดียที่มีขึ้นในวันที่ 8 กันยายน 2562 นายจุรินทร์กล่าวว่า ถือว่าเป็นการประชุมที่สำคัญ เพราะได้มีการตกลงกันไว้เบื้องต้นก่อนการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ จะเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะนำไปสู่การประชุมสุดยอดผู้นำครั้งที่ 35 หรือ 35th ASEAN Summit and Related Summits ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่กรุงเทพฯ
สำหรับผลการประชุมที่ประชุมมีความเห็นพ้องร่วมกันว่า ในการเจรจารายละเอียดทางด้านเทคนิค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสินค้า บริการ และการลงทุน ก็จะไปเจรจาให้ได้ข้อยุติทั้งหมดที่ดานัง ซึ่งเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ ให้เสร็จสิ้นทั้งหมด หลังจากนั้นก็จะได้มีการดำเนินการที่จะนำไปสู่การประชุมสุดยอดผู้นำในเดือนพฤศจิกายน และจะให้มีการลงนามโดยเร็วที่สุดในช่วงปีหน้า โดยเรื่องนี้ที่ประชุมได้มีความเห็นร่วมกัน ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมที่ปักกิ่งก่อนหน้านี้ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้
สำหรับการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ ที่ดานัง ประเทศเวียดนาม จะเป็นรอบสุดท้ายสำหรับการเจรจาระดับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-27 กันยายนนี้ โดยที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่า ขอให้ระดับเจ้าหน้าที่เดินหน้าเจรจาให้เกิดข้อตกลงร่วมกันให้ได้ครบถ้วนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เช่น ในเรื่องของข้อบท เรื่องการเปิดตลาดการลงทุนต่างๆ เป็นต้น โดยทุกประเทศก็จะต้องเพิ่มความยืดหยุ่นในเรื่องของการเจรจา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสินค้า บริการ หรือการลงทุน ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเห็นและเป็นมติร่วมกันของการประชุมในวันนี้ โดยรวมของการเจรจาก็ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก
สาเหตุสำคัญที่อาร์เซ็ปต้องการที่จะเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ก่อนลงนามปีหน้า ก็เพราะเห็นว่าสถานการณ์ทางการค้าของโลกในปัจจุบันนั้นมีความผันผวน และมีความไม่แน่นอน ถ้าทั้ง 16 ประเทศ สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ ก็จะสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน และส่งผลในการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกทั้ง 16 ประเทศ ซึ่งสุดท้ายก็จะส่งผลให้ประชาชนในแต่ละประเทศ จะอยู่ดีกินดีขึ้นด้วย อันนี้ก็คือเป้าหมาย และก็เป็นที่มาที่ทุกประเทศก็พยายามที่จะเร่งให้บรรลุข้อตกลงและขอให้ยุติให้ได้มากที่สุด เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันให้ได้ดีที่สุด
“สำหรับแนวทางการเจรจาระดับเจ้าหน้าที่ที่ดานัง จะมอบให้เจ้าหน้าที่เจรจาได้ทราบว่าฝ่ายการเมืองมีเจตจำนงชัดเจนที่ต้องการเห็นการเจรจาเป็นที่ยุติได้ เพราะฉะนั้นก็ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกประเทศให้ใช้ความยืดหยุ่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ฝ่ายการเมืองมีเจตจำนงแล้วก็มอบหมายไป” นายจุรินทร์ กล่าว
การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 51 และการประชุมที่เกี่ยวข้องจัดขึ้นที่ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 3-10 กันยายน 2562