ThaiPublica > เกาะกระแส > เส้นทางใหม่กรุงเทพ-เซนได (ตอนที่1) : “สุเมธ ดำรงชัยธรรม” เล่าการกลับมา”ที่นี่” อีกครั้งของการบินไทย ดีเดย์ 29 ต.ค.นี้

เส้นทางใหม่กรุงเทพ-เซนได (ตอนที่1) : “สุเมธ ดำรงชัยธรรม” เล่าการกลับมา”ที่นี่” อีกครั้งของการบินไทย ดีเดย์ 29 ต.ค.นี้

22 กรกฎาคม 2019


นางโคริ คาสึโกะ (ที่ 3 จากขวา) นายกเทศมนตรีเมืองเซนได และนายทาคุยะ อิวาอิ (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานบริษัทสนามบินเซนได ร่วมต้อนรับนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน) ณ สนามบินเซนได

“วันที่ 29 ตุลาคม 2562” เป็นวันที่เที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ-เซนได ของการบินไทยจะกลับมาบินอีกครั้ง หลังจากที่ต้องยกเลิกไปจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเมื่อหลายปีก่อน และเป็นการเปิดเที่ยวบินใหม่ของนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) หลังจากเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการภายในเวลา 10 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2561

นายสุเมธกล่าวถึงการกลับมาบินเส้นทางกรุงเทพฯ-เซนไดคราวนี้ว่า “การบินไทยมีความมั่นใจมากกว่าเดิม เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนจากเมืองเซนได สนามบินเซนได เจ้าเมืองเซนได และผู้ว่าเมืองเซนไดให้กลับมาบินเซนได”

เซนไดเป็นเมืองสำคัญของจังหวัดมิยากิ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 จังหวัดของภูมิภาคโทโฮคุ หรือตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ประกอบด้วย จังหวัดอาโอโมริ จังหวัดอาคิตะ จังหวัดอิวาเตะ จังหวัดยามากาตะ จังหวัดมิยากิ และจังหวัดฟูกูชิมะ

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าซึ่งได้รับเชิญให้ร่วมคณะการบินไทยที่นำโดยนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม เดินทางไปเซนไดอีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้าของการเปิดเที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ-เซนได ได้สัมผัสกับการต้อนรับอย่างดียิ่งเมื่อเข้าสู่สนามบินเซนไดด้วยเที่ยวบินในประเทศจากสนามบินนาริตะ โดยนายกเทศมนตรีเมืองเซนไดและประธานบริษัทสนามบินเซนไดมารอให้การต้อนรับ พร้อมตัวแทนเมืองเซนไดถือป้ายยินดีต้อนรับ แสดงให้เห็นถึงความยินดีที่การบินไทยจะทำการบินตรงกรุงเทพฯ-เซนได

สื่อมวลชนในเซนไดสัมภาษณ์นายมสุเมธ ดำรงชัยธรรม

ขณะเดียวกัน ยังมีสื่อมวลชนท้องถิ่นได้มารอสัมภาษณ์นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม เกี่ยวกับการเปิดเที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ-เซนได โดยนายสุเมธกล่าวกับสื่อมวลชนญี่ปุ่นว่า การบินไทยเคยบินตรงกรุงเทพฯ-เซนไดมาก่อนหน้านี้แล้วแต่มีอุปสรรค แต่เชื่อว่าเซนไดมีศักยภาพอยู่ การบินไทยมาคราวนี้มีความมั่นใจมากกว่าเดิม เพราะคราวนี้เมืองเซนได สนามบินเซนได ท่านเจ้าเมือง และผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ให้การสนับสนุนในการกลับมาบินตรงสู่เซนได

“เราเชื่อว่าผู้โดยสารจะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 70-80% ขึ้นไป เพราะคนไทยชอบญี่ปุ่นรักญี่ปุ่นมาก ดังนั้น ทุกๆ ปีคนไทยจะมาญี่ปุ่น 3 เมืองตลอดเวลา คราวนี้จะเป็นโอกาสได้ลองเปิดโลกเซนได”นายสุเมธกล่าว

นายสุเมธกล่าวอีกว่า การบินไทยกำลังมีแนวคิดว่า ถ้ามีโอกาสจะเพิ่มความถี่ของการบินให้มากกว่านี้ ปัจจุบันการบินไทยมีบินใน 5 จุดในญี่ปุ่น ถ้ารวมเซนไดจะเป็น 6 สนามบิน ซึ่งทุกๆ ที่ของการบินไทยเริ่มต้นอย่างที่เห็น ทุกวันนี้บินญี่ปุ่นสัปดาห์ละ 83 เที่ยว ดังนั้นการที่ค่อยๆ เริ่มต้นทำให้คนรู้จักจะเป็นประโยชน์กับเซนไดมาก

นอกจากการเริ่มบินเซนได 3 เที่ยวต่อสัปดาห์แล้ว การบินไทยยังมีบริษัทลูก คือ ไทยสมายล์ ซึ่งถือหุ้น 100% ปัจจุบันบินฮ่องกง ก็คิดว่าจะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะบินฮ่องกง-เซนไดต่อ หรือแม้เที่ยวบินกรุงเทพฯ-เกาสงในไต้หวันของไทยสมายล์ ก็คิดว่าจะบินต่อจากเกาสงมาเซนไดได้หรือไม่ เป็นแผนที่การบินไทยกำลังพิจารณา

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าได้สัมภาษณ์นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม ระหว่างที่เดินทางสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในเซนไดและภูมิภาคโทโฮคุ ถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญของการบินไทยที่จะกลับมาบินเซนไดอีก

นายสุเมธเล่าย้อนกลับไปก่อนที่จะพิจารณาตัดสินใจบินเซนไดว่า เริ่มต้นจากตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวไทยรายหนึ่งที่ให้บริการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมานานและเห็นถึงศักยภาพของเซนได ได้ทำการเช่าเหมาลำเครื่องบินจากการบินไทยเพื่อนำนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวเซนไดมาอย่างต่อเนื่องระยะหนึ่ง และได้เชิญให้ร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อสัมผัสประสบการณ์กับเซนได จึงได้จองซื้อที่นั่งไว้เพราะส่วนหนึ่งตั้งใจจะพาครอบครัวไปพักผ่อนปีใหม่ด้วย และอีกส่วนหนึ่งเพื่อสำรวจโอกาสและความเป็นไปได้ แต่เมื่อเดินทางถึงเซนได ปรากฏว่าได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่งจากเจ้าเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรี และได้รับความประทับใจหลายอย่าง

“ตอนแรกก็คาดหวังเพียงว่าจะมาดูโอกาสเฉยๆ แต่พอเรามาถึงก็เจอตั้งแต่ CEO สนามบิน(สนามบินเซนไดเป็นของเอกชน) ตั้งแต่เจ้าเมือง ผู้ว่า นายกเทศมนตรี มาต้อนรับอย่างอบอุ่น ปรากฏว่า 4 วันที่อยู่ที่นี่ 5 วันรวมเดินทาง ก็กลายเป็นกึ่งทำงานสัก 80% ที่ประทับใจคือ การเดินทางครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นความตั้งใจส่วนตัวที่จะมาพักผ่อนช่วงปีใหม่ แต่ปรากฏว่า ทุกคนที่มาให้การต้อนรับจัดตารางปีใหม่ของตัวเองหมด เพราะผมบอกกะทันหันมาก มาถึงก็ต้อนรับใหญ่โตเลย” นายสุเมธกล่าว

นอกจากนี้ทุกคนที่มาให้การต้อนรับได้ให้ข้อมูลของเซนไดหลายๆด้าน ซึ่งสำหรับคนที่เที่ยวญี่ปุ่นในเมืองหลัก ทั้งโตเกียว เกียวโต โอซาก้า นาโงย่า ฟูโกโอกะ และไม่ได้สำรวจว่าญี่ปุ่นมีเมืองอะไรน่าเที่ยวอีก รวมทั้งยังมีการจัดเตรียมบรรยายอย่างเต็มที่ ทำให้เริ่มมีความรู้สึกสนใจ ประกอบกับการนำเที่ยวของบริษัททัวร์ที่ร่วมกับเมืองเซนไดจัดในลักษณะการเดินทางเพื่อธุรกิจผสมกับการท่องเที่ยว มีการจัดโชว์ถึงอาหารการกินของเซนได วัฒนธรรม ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

“ผมยังมีความประทับใจกับการต้อนรับอีกแบบหนึ่ง ที่เซนไดจัดขึ้นในลักษณะจำลองขึ้นมา นั่นคือสโนว์โมบิล ซึ่งเป็นสิ่งที่เซนไดภาคภูมิใจมาก คือ เหมือนกับการขับเจ็ตสกีในน้ำ แต่เป็นการขับเจ็ตสกีบนหิมะ แต่ในช่วงที่เดินทางมานั้น สถานที่จริงใช้สำหรับสโนว์โมบิลปิดให้บริการเพราะเป็นช่วงปีใหม่ เมืองเซนไดได้ระดมพลมาเกลี่ยลานหน้าสถานีรถไฟให้เป็นลานสโนว์โมบิลเพื่อให้พวกเราซึ่งเป็นกลุ่มประมาณสัก 7-8 คนได้ลองเล่นกัน นี่คือการจำลองที่เป็นความตั้งใจทำให้เพื่อเชิญชวนอย่างยิ่งยวด” นายสุเมธกล่าว

นายสุเมธกล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นความประทับใจแล้วเป็นเกียรติอย่างยิ่งอีกด้านหนึ่ง คือ ตระกูลโตกุกาวะ ซึ่งเป็นเชื้อสายเจ้าเมือง สายของท่านซาไก เจ้าเมืองที่ดูแลแคว้นโทโฮคุทราบข่าว ได้เชิญให้ไปพบที่วังในวันปีใหม่ ซึ่งปกติเป็นวันครอบครัว โดยมีครอบครัวซาไกมาร่วมราว 100-200 คน

“ในพิธีปีใหม่ มีการอวยพรกัน แล้วก็ให้เกียรติผมในฐานะที่เป็นกรรมการผู้อำนวยการของการบินไทย ขึ้นไปกล่าวให้กับทางญาติของตระกูลได้ฟังกัน” นายสุเมธกล่าว

นายสุเมธกล่าวว่า ในช่วง 4-5 วัน เซนไดจัดเต็มในเชิงของการโชว์ศักยภาพ และส่งสัญญาณเรื่องเดียว ไม่ว่าเป็นผู้นำของแคว้น ไม่ว่าเป็นผู้บริหารของท้องที่ ทั้งนายกเทศมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด รวมไปถึงผู้บริหารหรือ นายกสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด commit ทั้ง 6 จังหวัดของโทโฮคุ ว่า ต้องการให้การบินไทยกลับมาบินที่เซนได ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น

นายสุเมธกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ คณะตัวแทนจากเซนไดได้เดินทางมากรุงเทพฯ เป็นคณะใหญ่ราว 50 คน เพื่อเจรจาในเชิงธุรกิจว่า ต้องการให้คนไทยไปเยือนเซนได รวมทั้งการประเมินในเชิงของธุรกิจว่า มีอะไรที่เชื่อมกันระหว่างสองจังหวัดตรงนี้ได้บ้าง รวมทั้งมีการเจรจาด้านการค้าอีกด้วย

“จุดหนึ่งที่ผมตั้งเงื่อนไขไว้ คือ เนื่องจากผมก็เพิ่งมารับตำแหน่ง อีกทั้งก็ไม่ได้เป็นภาคบังคับที่ว่าผู้บริหารใหม่ต้องเปิดเส้นทางใหม่ และหากเร่งเปิดแล้วประสบกับการขาดทุนก็จะไม่ดี แต่เซนไดอยากให้เปิดและให้เปิดเร็วที่สุดเพราะมีความพร้อมมาก ดังนั้นจึงมีการตกลงในเชิงธุรกิจหลายประการ รายละเอียดคงเปิดเผยไม่ได้ แต่สรุปได้ว่าการบินไทยใน 12 เดือนข้างหน้าหลังจากที่เปิดเส้นทางเซนได เรามั่นใจว่ายังไงก็ไม่ขาดทุน”

นายสุเมธกล่าวว่า ขั้นตอนตรงนี้ใช้เวลาเจรจานาน ซึ่งเซนไดได้ทำทุกวิถีทาง แม้กระทั่งประกันการขาดทุนของการบินไทย สนับสนุนเรื่องค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งปรกติการบินไทยต้องจ่าย เขาสนับสนุนหมด รวมถึงสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งการบินไทยขอไปคือ นอกจากไม่ขาดทุนแล้ว ค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์โฆษณาเส้นทางใหม่ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เรียกคืนไม่ได้หากเส้นทางใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ ทางเซนไดก็ยินดีที่จะสนับสนุนด้วย

“เป็นความตั้งใจของคนจำนวนมาก ถ้าไปดูคนของฝั่งญี่ปุ่น ไม่ใช่เพียงคนสองคนที่ร่วมผลักดัน แต่หมายถึงทุกภาคส่วนที่ช่วยกันผลักดัน ให้เกิดการบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ-เซนไดให้ได้ ตอนนี้เรากำหนดตารางไว้ว่าเราจะบินใน Winter TPI ซึ่งจะเริ่มสักประมาณสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม การบินไทยก็จะเริ่ม 3 ไฟลต์ต่อสัปดาห์” นายสุเมธกล่าว

“ตรงนี้เป็นความตื่นเต้นส่วนตัวผมในฐานะเป็นผู้บริหารได้ไม่นาน ก็มีโอกาสเปิดเส้นทางการบิน และเป็นความตื่นเต้นของคนไทยหลายๆ คนที่มีประสบการณ์ในการเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้ว ที่นี่ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ผิดหวัง” นายสุเมธกล่าว

ก่อนหน้านี้การบินไทยเคยบินเซนไดประมาณ 6 เดือน แต่มีเหตุการณ์บ้านเมืองบางประการทำให้บินไปก็ขาดทุน จึงเลิกทำการบิน การกลับมาบินเซนไดอีกครั้งทำให้เซนไดเป็นเมืองที่ 6 ของญี่ปุ่นที่การบินไทยทำการบิน และเมื่อรวมเซนไดแล้วการบินไทยจะบินทั้งหมด 83 เที่ยวบินต่อสัปดาห์มาที่ญี่ปุ่นใน 6 เมือง

นายสุเมธเชื่อว่า การบินตรงเส้นทางเซนไดจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นเงินที่ทางเซนไดเตรียมไว้สนับสนุนการบินไทยเพื่อชดเชยการขาดทุนอาจจะไม่ได้ใช้ หากมีการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง มีการต้อนรับดี ปากต่อปากทำให้คนอยากมา ซึ่งหากเงินก้อนเนี้ยไม่ได้ใช้ ก็จะขอเงินก้อนนี้มาใช้ปีหน้า ปีถัดไป ปีที่สอง ปีที่สาม สนับสนุนการเดินทางแบบต่อเนื่องแบบจุดต่อจุด เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสเที่ยว เช่น การเดินทางไปฮ่องกงแล้วบินต่อเซนได ซึ่งการบินไทยมีเที่ยวบินที่ไปฮ่องกงอยู่แล้ว หรือในอนาคตอาจจะขอบิน daily ถ้ามีผู้โดยสาร หรือมีคนของทั่งสองฝั่งมากเพียงพอ

“ผมว่า daily ได้นะเพราะญี่ปุ่นไม่มีหรอกประเทศไหนที่จะบิน ถ้าไม่ใช่ประเทศไทยแล้วบิน 83 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเซนไดน่าจะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ผมคาดหวังให้ดีกว่าฟุโกโอกะ วันที่การบินไทยบินไปครั้งแรกมีบาดเจ็บนิดหน่อย แต่ตอนหลังดีขึ้นและดีตลอด ผมว่าเซนไดวันแรกก็ไม่บาดเจ็บเลย อันนี้คือสิ่งที่ดีกว่า คือ ด้วยความที่เรามีดีลในการดำเนินงาน กันล้มจะได้ไม่เจ็บ และมีทั้งพันธมิตร

และหากเราได้ดุลครบ เซนไดบิน daily เกิดขึ้นแน่ๆ แล้วก็หาก daily ได้ ยังมีโอกาสทำให้เรา divert flight จากอันอื่นที่ใกล้ๆเพื่อนำเข้าเซนไดได้ ซึ่งเกิดเราทำอย่างงี้ได้ ผมเชื่อว่าที่นี่คงรักเรามากกว่านี้อีก คนไทย หรือแม้กระทั่งคนชาติอื่นที่มานั่งการบินไทยของเราหรือกลุ่มไทย น่าจะได้อานิสงส์ ได้ประโยชน์จากการที่เกิดความร่วมมือจากจุดเหล่านี้เป็นต้นไป วันนี้ใครที่อยู่ในทริปทัวร์ทัวร์แรกที่การบินไทยไป ถือเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ของการเกิดเซนไดกับคนไทย”นายสุเมธกล่าว

การบินไทยเปิดเส้นทางบินใหม่สู่เซนได ประเทศญี่ปุ่น

การบินไทยเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพฯ–เซนได โดยจะเริ่มให้บริการในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 นี้ และเพื่อฉลองในโอกาสที่การบินไทยเปิดเที่ยวบินใหม่สู่เซนไดการบินไทยได้จำหน่ายบัตรโดยสารราคาพิเศษ เส้นทางกรุงเทพฯ-เซนได ชั้นประหยัดราคาเริ่มต้นเพียง 13,355 บาทต่อท่าน ชั้นธุรกิจราคาเริ่มต้นที่ 45,385 บาท หรือเดินทางเป็นกลุ่มตั้งแต่ 4 ท่านขึ้นไป ชั้นประหยัดราคาเริ่มต้นที่ 12,755 บาทต่อท่าน (ราคารวมภาษีและค่าธรรมเนียมแล้ว) สำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารได้ตั้งแต่บัดนี้-31 สิงหาคม 2562 เดินทางระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม-20 ธันวาคม 2562

เซนไดเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญยาวนานในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคโทโฮคุ อยู่ห่างจากโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 300 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู เป็นอีกเมืองในญี่ปุ่นที่มีธรรมชาติอันสวยงาม เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์สวยงามมากมาย มีอากาศอบอุ่น ไม่หนาวจัด เป็นสวรรค์ของคนที่ชื่นชอบออนเซน มีต้นไม้เรียงรายเต็มไปด้วยสีเขียว ทำให้เซนไดได้สมญาว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้ โดยเฉพาะฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะมีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งเป็นศูนย์กลางทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นอกจากนี้ ยังมีวัดและศาลเจ้าที่มีประวัติอันยาวนาน เช่น ซุยโฮเด็น และวัดโอซากิ ฮะจิมัง และศาลเจ้ามากมาย รวมทั้งเป็นต้นกำเนิดของลิ้นวัวย่างรสเลิศซึ่งปัจจุบันเมนูนี้กลายเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองเซนได จึงถือว่าเซนไดจะเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวไม่ต่างจากเมืองอื่นๆ ซึ่งเมื่อรวมเส้นทางบินสู่เซนไดแล้ว การบินไทยจะมีเส้นทางบินที่ครอบคลุมประเทศญี่ปุ่นในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นกับการบินไทยได้อย่างสะดวกสบาย

การบินไทยให้บริการเที่ยวบิน ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เซนได ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200 มีที่นั่งชั้นธุรกิจ 30 ที่นั่ง ชั้นประหยัด 279 ที่นั่ง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน โดยทำการบิน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป ด้วยตารางการบินที่สะดวกสบาย ดังนี้

• เที่ยวบินที่ ทีจี 626 ทำการบินทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 23.59 น. เดินทางถึงเซนได เวลา 07.40 น. ของวันรุ่งขึ้น (เวลาท้องถิ่น)

• เที่ยวบินที่ ทีจี 627 ทำการบินทุกวันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ออกเดินทางจากเซนได เวลา 11.15 น. (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 16.05 น.