ThaiPublica > เกาะกระแส > “ศรีสุวรรณ” ยื่นยุบทษช.ปมบัญชีนายกฯ เร่งกกต.ไต่สวนให้ศาลรธน.วินิจฉัยก่อนเลือกตั้ง จี้กก.บห.แสดงสปิริตลาออก – “รุ่งเรือง” ลาออกทั้ง”กก.บห.-สมาชิกทษช.”

“ศรีสุวรรณ” ยื่นยุบทษช.ปมบัญชีนายกฯ เร่งกกต.ไต่สวนให้ศาลรธน.วินิจฉัยก่อนเลือกตั้ง จี้กก.บห.แสดงสปิริตลาออก – “รุ่งเรือง” ลาออกทั้ง”กก.บห.-สมาชิกทษช.”

11 กุมภาพันธ์ 2019


นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งและนายทะเบียนพรรคเมือง ไต่สวนและวินิจฉัยกรณีพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.)เสนอบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคที่ไม่เหมาะสม ขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นสาเหตุนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การยื่นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติถือเป็นการนำสถาบันมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและเข้าข่ายความผิดตามกฏหมายหลายฉบับ ดังนั้นกกต.ควรที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 92 วงเล็บ2 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ระบุว่าเมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้นหรือไม่ ทั้งนี้เห็นว่ากกต.ควรเร่งดำเนินการพิจารณาและยื่นให้ศาลก็จะธรรมนูญวินิจฉัยก่อนการเลือกตั้ง เพราะหากวินิจฉัยหลังการเลือกตั้งจะทำให้เกิดปัญหาตามมาผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้งจะต้องไปหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดภายใน 30 วัน

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การพิจารณาของ กกต.และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้จะเป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต เพราะในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีพรรคการเมืองใดนำสถาบันมายุ่งเกี่ยวแต่พรรคการเมืองนี้กลับกล้านำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่ากรรมการบริหารพรรคไม่สามารถที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ จึงควรที่จะแสดงสปิริตลาออกเพื่อกู้ศักดิ์ศรีให้คืนกลับมา ไม่เช่นนั้นพรรคไทยรักษาชาติก็จะถูกตำหนิติเตียนจากสาธารณะชนต่อไป

ส่วนข่าวที่ระบุว่ามีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาเกี่ยวข้องในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาตินั้น นายศรีสุวรรณ ระบุว่า มือที่มองไม่เห็นสามารถเอาผิดได้ยากในทางกฎหมายแต่ปุถุชนทั่วไปก็รับรู้รับทราบกันว่าใครเป็นอย่างไรและเป็นสิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะแสดงออกในวันที่ 24 มีนาคม

นายรุ่งเรือง พิทยศิริ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ

“รุ่งเรือง” ลาออกทั้ง”กก.บห.-สมาชิกทษช.”

ด้านนายรุ่งเรือง พิทยศิริ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อเช็คสถานภาพและความเป็นสมาชิกของพรรคไทยรักษาชาติ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ได้ยื่นใบลาออกต่อหัวหน้าพรรคและนายทะเบียนพรรคแล้ว

นายรุ่งเรือง กล่าวว่า ได้ตัดสินใจร่วมกับครอบครัวมานานแล้วว่าจะเลิกเล่นการเมืองตั้งแต่เดือนมกราคมเนื่องจากอยากดูแลบุตรที่ยังอายุน้อยให้เต็มที่ แต่ยังไม่มีจังหวะเวลาจนกระทั่งหลังจากการเดินทางกลับจากการหาเสียงที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งคิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วจึงได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกของพรรคไทยรักษาชาติในช่วงเช้าของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ โดยขณะนั้นไม่ทราบว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณากันในวาระใด เพราะหลังจากยื่นใบลาออกก็ได้เดินทางออกจากพรรคในทันทีไม่ได้ร่วมประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันดังกล่าว อีกทั้งที่ผ่านมาช่วยงานพรรคไหนด้านวิชาการเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการคัดสรรผู้สมัครส.ส. หรือบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคเป็นเรื่องที่ตัวเองไม่มีอำนาจในการพิจารณา

นายรุ่งเรือง ย้ำว่า ในเรื่องนี้อย่าเรียกว่าเป็นการชิงลาออกเพราะตัวเองและครอบครัวตัดสินใจยุติงานทางการเมืองมาตั้งแต่เดือนมกราคมแล้วเพียงแต่รอจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น ส่วนหัวหน้าพรรคและนายทะเบียนพรรคได้พูดคุยกับตัวเองอย่างไรหลังจากยื่นใบลาออกนั้นขอให้เป็นเรื่องภายใน

พร้อมกันนี้ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าสบายใจหรือไม่ที่ได้ลาออกก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ

“เรืองไกร” ยื่น กกต.สอบ “ประยุทธ์”

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐซึ่งก็คือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ เนื่องจากข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐ กำหนดให้การเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีให้เป็นอำนาจของกรรมการบริหารพรรค โดยในการเสนอชื่อจะต้องมีหนังสือยินยอมจากบุคคลผู้นั้นก่อนที่กรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเลือกพลเอกประยุทธ์ ก่อนที่จะมีหนังสือยินยอมจากพลเอกประยุทธ์ ซึ่งตามกฏหมายถือว่าพรรคการเมืองนั้นไม่มีการเสนอรายชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรี จึงขอให้กกต.พิจารณาด้วย นอกจากนี้ยังมีประเด็นทางกฎหมายที่พลเอกประยุทธ์มีตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งอาจขาดคุณสมบัติเนื่องจากเป็นข้าราชการและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่

อย่างไรก็ตามไม่ว่ากกต.จะมีคำวินิจฉัยในเรื่องนี้อย่างไรก็เคารพและยอมรับ และไม่ขอชี้นำใดๆ

นายเรืองไกร กล่าวถึงปัญหาการเสนอบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติว่า ในฐานะที่เป็นสมาชิกของพรรคขอให้คณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดสู้ต่อไป และตัวเองพร้อมที่จะช่วยเหลือทางข้อกฎหมาย พร้อมยอมรับว่าได้เปลี่ยนท่าทีหลังจากที่เมื่อวานนี้ออกมาเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคลาออก เพราะได้พิจารณาแล้วว่าหากลาออกแล้ว จะหาคนมาเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคแทนได้ยาก