ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “มติเอกฉันท์ ศาล รธน. รับคำร้องยุบ ทษช. – วิญญัติ-เสรีพิศุทธ์ ล็อกเป้ายื่นยุบ พปชร.” และ “ทรัมป์ เตรียมประกาศภาวะฉุกเฉิน โยกงบสร้างกำแพงกันผู้อพยพ”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “มติเอกฉันท์ ศาล รธน. รับคำร้องยุบ ทษช. – วิญญัติ-เสรีพิศุทธ์ ล็อกเป้ายื่นยุบ พปชร.” และ “ทรัมป์ เตรียมประกาศภาวะฉุกเฉิน โยกงบสร้างกำแพงกันผู้อพยพ”

16 กุมภาพันธ์ 2019


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 9-15 ก.พ. 2562

  • มติเอกฉันท์ ศาล รธน. รับคำร้องยุบ ทษช. – วิญญัติ-เสรีพิศุทธ์ ล็อกเป้ายื่นยุบ พปชร.
  • มติ กก.วัตถุอันตรายยังไม่แบนพาราควอต จำกัดการใช้ต่อรอสารทดแทน
  • จ่อเสนอ 13 เม.ย. ห้ามขายเหล้า
  • รวบรองนายกเทศมนตรีพะเยา ลอบเข้าระบบคอมพ์ สตช. เอาข้อมูลบุคคลไปขาย
  • ทรัมป์ เตรียมประกาศภาวะฉุกเฉิน โยกงบสร้างกำแพงกันผู้อพยพ
  • มติเอกฉันท์ ศาล รธน. รับคำร้องยุบ ทษช. – วิญญัติ-เสรีพิศุทธ์ ล็อกเป้ายื่นยุบ พปชร.

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (http://bit.ly/2EbDNdO)

    เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2562 คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 เนื่องมาจากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

    ต่อมา เวลา 14.45 น. ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าวผลการประชุม ระบุเป็นความว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ มีคำสั่งรับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยจะส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง ซึ่งหากไม่มีการชี้แจงก็จะถือว่าไม่ประสงค์ที่จะยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหา ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 13.30 น.

    ทางด้านของพรรคไทยรักษาชาติ เมื่อได้รับสำเนาคำร้องดังกล่าวแล้ว ก็ได้มีการออกแถลงการณ์เป็นความว่า คณะกรรมการบริหารของพรรคจะงดการหาเสียงและการทำกิจกรรมทางการเมือง โดยจะใช้เวลาในช่วงดังกล่าวทำการปรึกษาหารือเพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาดังกล่าวแก่ศาลรัฐธรรรมนูญตามแนวทางกฎหมาย อันจะเป็นการป้องกันเหตุแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต และเป็นการยืนยันเจตนาอันบริสุทธิ์และความปรารถนาดีของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่มีต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนชาวไทย

    จากการรายงานของเว็บไซต์เดลินิวส์นั้น ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะพิจารณาสำนวนคำร้องเป็นเวลา 3 วัน แล้วมาปรึกษาหารือกับกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งในวันที่ 18 ก.พ. 2562 ส่วนทางด้านสมาชิกพรรคนั้น หากคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรับรองคุณสมบัติเรียบร้อยแล้วสามารถหาเสียงได้ตามปรกติ

    เว็บไซต์ WORKPOINT NEWS รายงานว่า วันที่ 15 ก.พ. 2562 นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เดินทางเข้ายื่นหนังสือกล่าวโทษ ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาและวินิจฉัยส่งศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เนื่องจากเห็นว่า เข้าข่ายการกระทำความผิดต่อกฎหมายและขัดรัฐธรรมนูญ พร้อมคัดค้านการประกาศรายชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

    นายวิญญัติกล่าวโดยสรุปว่า การกระทำของพรรค พปชร. มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่มีวัตถุประสงค์จัดตั้งพรรคการเมืองโดยผิดกฎหมาย มีกลุ่มบุคคลครอบงำการจัดตั้งพรรค โดยเรียกรับผลประโยชน์เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง และใช้ตำแหน่งเจ้าพนักงานของรัฐโดยมิชอบเพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อผู้สมัครหรือพรรคการเมือง รวมทั้งยังกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระกษัตริย์เป็นประมุข นอกจากนี้ ยังได้ยื่นคำร้องคัดค้านการประกาศรายชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พปชร. ด้วย

    นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน เว็บไซต์ PPTVHD36 รายงานว่า ในการเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทย ณ จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค ได้เปิดเผยว่า ตนได้เตรียมยื่นร้องให้ กกต. ยุบพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากเห็นว่าการเสนอชื่อคนที่ยึดอำนาจให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น น่าจะถือเป็นการเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย

    มติ กก.วัตถุอันตรายยังไม่แบนพาราควอต จำกัดการใช้ต่อรอสารทดแทน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เนชั่นทีวี (http://bit.ly/2EaBJT6)

    เว็บไซต์เนชั่นทีวีรายงานว่า วันที่ 14 ก.พ. 2562 รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อภิจิณ โชติกเสถียร ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการวัตถุอันตรายยืนยันตามมติเดิม 16 เสียงจำกัดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชไปอีก 2 ปี คณะกรรมการจำนวน 5 เสียงเห็นด้วยกับข้อเสนอของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ให้ยกเลิกการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในสิ้นปี 2562 และคณะกรรมการงดออกเสียง 5 เสียง ทั้งนี้ที่ประชุมขอสงวนการเปิดเผยชื่อผู้ลงมติเนื่องจากเกรงว่าจะกระทบชีวิตส่วนตัวของคณะกรรมการวัตถุอันตรายบางท่าน

    ซึ่งนั่นหมายความว่า จะมีการใช้พาราควอตไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2563 โดยระหว่างนี้ให้กรมวิชาการเกษตรดำเนินดำเนินมาตรการจำกัดการใช้อย่างเข้มงวดให้มีผลปฏิบัติจริง พร้อมทั้งเร่งหามาตรการทดแทนมาเป็นทางออกให้เกษตรกร

    จ่อเสนอ 13 เม.ย. ห้ามขายเหล้า

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด (http://bit.ly/2EbX9PX)

    เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2562 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่า ได้มีการพิจารณามาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2562 ซึ่งจากข้อมูลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2555-2559 พบว่ามีอัตราการบาดเจ็บ เสียชีวิตจากการจราจรทางถนนที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเป็นผู้ดื่ม 44,590 คน คิดเป็นร้อยละ 32.5 จากจำนวนผู้ประสบอุบัติเหตุทั้งสิ้น 137,385 คน

    โดยพบการบาดเจ็บ และเสียชีวิตสูงสุดในวันที่ 13 เม.ย. ซึ่งเป็นกลุ่มอายุ 15-19 ปีมากที่สุด ทั้งนี้พบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่เกินค่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่กำหนด สูงถึงร้อยละ 80 สำหรับวันอื่นๆ ในเทศกาลสงกรานต์พบว่าอัตราการเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ และเสียชีวิตไม่ได้แตกต่างจากวันปกติ

    “ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้วันที่ 13 เป็นวันงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่นเดียวกับการห้ามจำหน่ายในวันพระใหญ่ โดยจากนี้จะมีการเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มี พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อพิจารณาออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ 13 เม.ย. นำร่องก่อน หากพบว่าได้ผลดีจะมีการเสนอให้มีการประกาศงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ 13 เม.ย. ของทุกปีต่อไป” นพ.สุขุมกล่าว

    ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณามาตรการลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลอื่นๆ อีก เช่น การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด การกำหนดช่วงเวลาจำหน่าย การจัดโซนนิ่งเล่นน้ำสงกรานต์ เป็นพื้นที่ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัดจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจร่วมดำเนินการกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนทุกจังหวัด เน้นการแยกผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ให้มีการขับขี่ยานพาหนะ

    “รวมทั้งขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารรณสุข และหน่วยราชการในสังกัดอื่นๆ ขอให้งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ราชการ อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถทำได้ตามที่กฎหมายกำหนด ดื่มเพื่อสังสรรค์ ดื่มแล้วไม่ขับขี่ยานพาหนะเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนอื่น และต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน ถึงเราไม่เมา แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นอย่างไร” นพ.สุขุมกล่าว

    รวบรองนายกเทศมนตรีพะเยา ลอบเข้าระบบคอมพ์ สตช. เอาข้อมูลบุคคลไปขาย

    พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.)
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์คสยามรัฐ (http://bit.ly/2EbMHI2)

    เว็บไซต์คมชัดลึกรายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. แถลงจับกุม นายสมชาย เข็มเพชร อายุ 37 ปี รองนายกเทศมนตรีตำบลเวียงลอ อ.จุน จ.พะเยา และเป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองท้องถิ่น ผู้ต้องหาลักลอบเข้าระบบคอมพิวเตอร์ (POLIS) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังมีผู้เสียหายแจ้งเบาะแสกับตำรวจว่ามีกลุ่มคนร้ายทำการลักลอบเข้าใช้คอมพิวเตอร์ฯ โดยใช้ในการตรวจสอบประวัติอาชญากรของผู้อื่นนำไปขาย จึงได้เร่งรัดตรวจสอบ กระทั่งจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวขณะกำลังเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์ฯได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านบางเขน พร้อมของกลาง จำนวน 9 รายการ

    พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหารายนี้มีรหัสเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจำนวน 5 บัญชี เป็นรหัสของตำรวจที่เคยปฏิบัติหน้าที่สืบสวนและป้องกันปราบปรามระดับผู้กำกับการ จนถึงระดับรองสารวัตร (ผกก.-รองสว.) ในพื้นที่ สภ.ธัญบุรีและสภ.เมืองนครปฐม ก่อเหตุมานานแล้วกว่า 3 เดือน ลักลอบนำข้อมูลประวัติจำนวน 500 รายชื่อไปขายชื่อละ 1,000 บาท มูลค่ากว่า 500,000 บาท จากการตรวจสอบยังไม่พบว่าผู้ต้องหามีความสัมพันธ์หรือเชื่อมโยงกับตำรวจดังกล่าว แต่ได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วว่านำรหัสหรือพาสเวิร์ดมาได้อย่างไร ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบการนำรายชื่อไปใช้ทำอะไร, ใครซื้อข้อมูลบ้าง เนื่องจากเป็นช่วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้งในเดือนมีนาคมนี้อาจนำไปใช้ในทางที่ผิด เนื่องจากเป็นข้อมูลชั้นความลับที่นำไปใช้ได้หลายเรื่อง ทั้งข้อมูลทะเบียนราษฎร์, เช็คประวัติอาชญากรคดีอาญา, โดยได้สั่งการให้เข้าไปขยายผลและตรวจค้นสถานที่สำคัญต่างๆ แล้ว

    ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 (มาตรา7) เข้าถึงโดยมิชอบ ซึ่งระบบ และข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

    ทรัมป์ เตรียมประกาศภาวะฉุกเฉิน โยกงบสร้างกำแพงกันผู้อพยพ

    โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มาภาพ : https://static.independent.co.uk/s3fs-public/thumbnails/image/2017/09/21/18/trump-un-north-korea.jpg

    เว็บไซต์เนชั่นทีวีรายงานว่า ทำเนียบขาวยืนยัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยที่ไม่มีเหตุฉุกเฉิน เพื่อหางบประมาณมาสร้างกำแพงที่พรมแดนทางใต้ เพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาผู้อพยพข้ามพรมแดนเข้ามา

    งานนี้ ผู้นำสหรัฐจะลงนามในกฏหมายงบประมาณ ที่จะทำให้ไม่ต้องประกาศชัตดาวน์ หรือการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนอีกครั้ง และพร้อมๆ กันนั้น เขาก็จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย เพื่อนำงบประมาณจากส่วนอื่นมาใช้สร้างกำแพงพรมแดนโดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส เนื่องจากงบประมาณที่สภาคองเกรสอนุมัติให้สำหรับเรื่องนี้ไม่เพียงพอตามที่ทรัมป์ได้ร้องขอไป

    วุฒิสมาชิกมิตช์ แม็คคอนเนล จากพรรครีพับลิกัน ได้แจ้งต่อที่ประชุมวุฒิสภาว่าเขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี และทรัมป์ก็ยืนยันว่าจะลงนามในกฏหมายงบประมาณ และจะประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่นาที ทางทำเนียบขาว ก็ออกมายืนยันในเรื่องเดียวกัน โดยให้เหตุผลถึงความประสงค์ของทรัมป์ว่าเพื่อรับประกันว่าจะสามารถหยุดยั้งวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมและด้านความปลอดภัยตามแนวพรมแดนได้

    ทรัมป์เคยพูดมาก่อนแล้วว่าเขาจะลงนามในกฏหมายงบประมาณ ก่อนที่จะถึงเส้นตายช่วงเที่ยงคืนของคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ ทำให้เกิดความผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากที่เขาเคยออกมาแสดงความวิตกเกี่ยวกับร่างกฏหมายงบประมาณที่พรรครีพับลิกันและเดโมแคร็ตเพิ่งบรรลุกันไปในช่วงสัปดาห์นี้ เพราะร่างกฏหมายฉบับนี้ให้งบสำหรับการสร้างกำแพงแค่ 1 พัน 375 ล้านดอลลาร์ จากที่ทรัมป์ขอไป 5 พัน700 ล้านดอลลาร์

    ความลังเลที่ทรัมป์มีต่อร่างกฏหมายฉบับนี้ สร้างความลังเลต่อวุฒิสภาที่จะให้ความเห็นชอบต่อร่างกฏหมาย แต่หลังทำเนียบขาวยืนยันเรื่องความตั้งใจของทรัมป์ที่จะรับร่างกฏหมายนี้ วุฒิสภาจึงให้ความเห็นชอบร่างกฏหมายอย่างท่วมท้น โดยหลังจากวุฒิสภาโหวตรับรองแล้ว สภาผู้แทนราษฎรก็โหวตรับรองด้วย

    แต่ขณะเดียวกัน นางแนนซี่ เปโรซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแคร็ต บอกว่าสถานการณ์ที่พรมแดน ไม่ได้มีความฉุกเฉินแต่อย่างใด ที่ทรัมป์จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก็เพื่อที่วิ่งอ้อมไปรอบๆสภาคองเกรสเท่านั้น และก็คาดกันว่าอาจจะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาตัดสินของศาล