ThaiPublica > เกาะกระแส > อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ตอนที่ 1: สี่เทรนด์สำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์

อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ตอนที่ 1: สี่เทรนด์สำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์

25 พฤศจิกายน 2018


วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ออกรายงาน “อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต” “ไทยพับลิก้า” ขอนำเสนอเป็น 3 ตอนได้แก่ ตอนที่ 1: สี่เทรนด์สำคัญของอุตสาหกรรมรถยนต์ ตอนที่ 2: การเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมรถยนต์ ตอนที่ 3: ประเทศไทยกับการเป็นฐานการผลิตรถยนต์แห่งอนาคตและการปรับตัวของผู้ประกอบการ

รถยนต์ไร้คนขับของ Google ที่มาภาพ: https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/14/Google_self_driving_car_at_the_Googleplex.jpg

ในช่วงต้นของทศวรรษที่ 1900 มีเทคโนโลยีใหม่ที่แข่งขันกันเพื่อครองตลาดรถยนต์อยู่สามประเภทคือ เครื่องยนต์สันดาป เครื่องยนต์ไฟฟ้า และเครื่องจักรไอน้ำ แต่หลังจากการค้นพบแหล่งน้ำมันมหาศาลในเท็กซัส เครื่องยนต์สันดาปจึงแซงเครื่องยนต์ไฟฟ้าและเครื่องจักรไอน้ำ แล้วเข้าครองอุตสาหกรรมรถยนต์มาจนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลากว่าร้อยปี อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอันใกล้เครื่องยนต์สันดาปอาจไม่ใช่เทคโนโลยีที่ครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จอีกต่อไป เนื่องจากบริบทแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน เรากำลังเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมรถยนต์อีกครั้งหนึ่ง

การปฏิวัติอุตสาหกรรมแต่ละครั้งจำเป็นต้องมีปัจจัยสนับสนุนหลัก 3 ด้าน คือ ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ ปัจจัยทั้ง 3 ด้านจะผลักดันให้เกิด เทรนด์ที่กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ในอนาคต โดย 4 เทรนด์ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อรถยนต์ในอนาคต คือ CAOS หรือ พลังงานสะอาด (Cleaner) การขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous) อุปกรณ์เสริม (Options) และการแบ่งปัน (Sharing)

พลังงานสะอาด

รถยนต์ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปและสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าดีขึ้น

แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแต่ยังมีจุดด้อยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย สมรรถนะ และความสะดวกสบาย (ภาพที่ 1) ขณะที่ผู้ซื้อรถส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะและความเสถียร ทำให้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่ารถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน (ภาพที่ 1.1) อย่างไรก็ตาม ในอนาคตคาดว่าสมรรถนะของรถยนตไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย ความเสถียร และความสะดวกสบาย จากเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ซื้อรถยนต์จะให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยมากขึ้น เมื่อพิจารณาทั้งสมรรถนะของรถที่ดีขึ้นและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รถยนต์อนาคตจึงมีแนวโน้มเข้าไปสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) (ภาพที่ 1.4) ความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังอาจจะเพิ่มมากขึ้นจากกระแสความต้องการรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการสนับสนุนจากภาครัฐ นอกจากนี้ ในระยะเวลาอันใกล้ ต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปภายใน จากราคาแบตเตอรี่และต้นทุนไฟฟ้าที่ถูกลง รวมทั้งประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

การขับเคลื่อนอัตโนมัติ

ระบบช่วยเหลือการขับขี่มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ระบบเตือนการออกนอกช่องทางเดินรถ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบเบรกอัตโนมัติ จนถึงรถยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ หากแบ่งระดับการขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็น 6 ระดับ (ภาพที่ 2) โดยตั้งแต่ระดับที่ 3 ขึ้นไปจะถือว่าเป็นการขับเคลื่อนอัตโนมัติ ในปัจจุบัน รถยนต์ส่วนมากในท้องถนนจะอยู่ระดับที่ 1 และ 2 อย่างไรก็ตาม คาดว่าระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ (semi-autonomous driving system) จะพร้อมใช้ในรถยนต์ที่ออกขาย ในช่วงปี 2563-2568 และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (full system) จะเริ่มออกสู่ตลาดรถเชิงพาณิชย์ในปี 2573

รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมีประโยชน์หลายประการ

ประการแรกคือ ช่วยให้ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายมีอิสระในการเดินทางมากขึ้น

ประการที่สองคือ ประหยัดเวลา จากการสำรวจของสำนักสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกาพบว่า คนขับรถยนต์อัตโนมัติสามารถลดเวลาที่ใช้ในการขับขี่เองได้ถึง 35 นาทีต่อวัน หรือ 9 วันต่อปี

ประการที่สามคือ ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน จากการสำรวจสาเหตุของอุบัติเหตุในท้องถนนของสหรัฐฯ ในปี 2551 พบว่า 93% ของอุบัติเหตุมาจากความผิดพลาดของมนุษย์

โดยในช่วงหกปีที่ผ่านมา การขอจดทะเบียนสิทธิบัตรของระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติมีจำนวนกว่า 3,000 ครั้งทั่วโลก คาดว่าในช่วงปี 2558-2568 ความต้องการระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเพิ่มขึ้น 4 เท่า

ทั้งนี้ เทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์หลากหลายไม่ว่าจะเป็น เซ็นเซอร์อัจฉริยะ (advance sensor) ซอฟต์แวร์ (software) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเชื่อมต่อและสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต (connectivity and communication) และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย (security) ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาชิ้นส่วนและการเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งอนาคต

อุปกรณ์เสริม

ผู้ขับขี่จะเริ่มหันมาสนใจคุณลักษณะพิเศษที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับขี่มากขึ้น เช่น การออกแบบภายในและการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต เมื่อรถมีความเป็นอัตโนมัติมากขึ้น ผู้ขับขี่จึงสามารถใช้เวลาในการทำกิจกรรมอื่นในรถ ดังนั้นอุปกรณ์เสริมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับขี่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อ เมื่อผู้ขับขี่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและระบบให้ข้อมูลและความบันเทิงจะกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ยุคหน้า นอกจากนี้ การขยายตัวของเมืองและระบบขนส่งสาธารณะจะทำให้การเดินทางระยะไกลลดลง ผู้ขับขี่จึงมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตภายในรถมากกว่าความเร็วในการขับขี่

การแบ่งปัน

ทางออกหนึ่งของปัญหาความไม่สอดคล้องระหว่างอุปสงค์และอุปทานด้านการขนส่งทั้งในแง่ของเวลาและพื้นที่ สามารถแก้ไขด้วยระบบการเช่า/แชร์รถผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เทรนด์นี้เติบโตขึ้นพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การขยายตัวของเครือข่ายระบบการขนส่ง การใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนทัศนคติของผู้บริโภค เมื่อระบบขนส่งในเมืองขยายตัวมากขึ้น ความต้องการใช้รถส่วนตัวจะน้อยลงและความต้องการใช้รถสาธารณะจะเพิ่มขึ้น นำไปสู่การเกิดขึ้นของธุรกิจเช่า/แชร์รถ (car-sharing) ที่ใช้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มเป็นตัวขยายฐานลูกค้า Lyft และ Uber ซึ่งเป็นสองผู้ให้บริการรถเช่าชั้นนำพบว่า 30% ของลูกค้าของบริษัทจะเริ่มต้นหรือสิ้นสุดการเดินทางใกล้ๆ กับศูนย์กลางการขนส่ง (transportation hub) นอกจากนี้ รายงานของสมาคมขนส่งมวลชนสาธารณะของสหรัฐอเมริกา (APTA) ระบุว่า ผู้ใช้บริการ car-sharing มีอัตราครอบครองรถโดยเฉลี่ย 1 คัน เมื่อเทียบกับจำนวน 1.5 คันของผู้ที่ไม่ใช้บริการ ทั้งนี้ การใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการให้บริการธุรกิจเช่าแชร์รถยนต์มีความสอดคล้องกับรูปแบบการทำธุรกิจ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน

จาก 4 เทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นย่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ ผู้ประกอบการ ขบวนการผลิต หรือสายการผลิต ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมรถยนต์ไปอย่างไร ติดตามอ่านตอนที่ 2 การเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมรถยนต์