ThaiPublica > คอลัมน์ > แผนการเชื่อม Grab Boat กับ Grab Bike (ไม่ติด)

แผนการเชื่อม Grab Boat กับ Grab Bike (ไม่ติด)

3 สิงหาคม 2018


ยรรยง บุญ-หลง

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (และกลุ่ม Mayday) ร่วมกับบริษัท Grab และ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จัดเสวนาเรื่องการเชื่อมต่อเรือกับระบบราง และการทดลอง “Grab Boat”

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว Mishari Muqbil นักคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย DataSEAN ได้แนะให้ผมไปคุยกับบริษัท Grab เรื่องการแชร์ big data กับโครงการวิจัย “การขนส่งที่มีชุมชนเป็นเจ้าของ” ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สนับสนุนโดย Rockefeller Foundation)

พี่จำรัส กลิ่นอุบล ซึ่งขับเรืออยู่แล้วในชุมชนลาดพร้าว 45 นำเสนอว่าเราน่าจะทำ “Grab Boat”! (สามารถเชื่อมกับวิน Grab Bike ได้ด้วย) โดยเรียกใช้เรือชุมชนได้ผ่านแอป และมีรายได้เข้าชุมชนจากการขนส่งมวลชน นอกจากนี้ เรือเป็นการขนส่งที่ไม่ติด เช่นเดียวกับระบบ BTS

โครงข่ายคลองในกรุงเทพฯ สามารถเชื่อมต่อ Grab Boat กับ Grab Bike ได้โดยไม่ติด (ชุมชนริมคลองสามารถริเริ่มเส้นทางได้เองในลักษณะ Crowd-Sourced Transit)

ทางผู้บริษัท Grab ได้เชิญผู้บริหารส่วนกลาง – บินตรงมาจากสิงคโปร์ — มาคุยเรื่องนี้กับทางทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พวกเขาเห็นด้วยในหลักการและพร้อมทดลองทันที (กรุงเทพฯ มีคลองจำนวนมากซึ่งเชื่อมต่อกับวินมอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว สามารถไปได้ทั่วเมืองโดยไม่ติดในการจราจร)

ระดมสมองกับ Grab ประธานชุมชนคลองลาดพร้าว ธรรมศาสตร์ และกลุ่ม Mayday

ในเดือนเมษาฯ ปี 2560 เราจึงเตรียมพร้อมทำการนำร่อง “Grab Boat” ในคลองลาดพร้าวเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ทาง Grab ได้ให้งบชุมชนในการปรับปรุงเรือเพื่อการทดลองครั้งนี้

แต่ทางฝั่งของภาครัฐยังไม่พร้อมให้ทำการทดลอง ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย …

การเดินเรือ Grab Boat ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงต้องถูกยกเลิกลงไปกะทันหัน (ในประเทศไทย)

กำเนิด Grab Boat ในอินโดนีเซีย

แต่อีก 2 ปีต่อมา ผมเพิ่งได้ยินข่าวว่ามี Grab Boat ในอินโดนีเซียแล้ว

นอกจากนี้ยังได้ริเริ่ม Grab Boat ในกัมพูชา และสามารถเชื่อมต่อกับ Grab Bike ได้อีกด้วย!

นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก (แม้ว่ามันจะไม่ได้เกิดในประเทศไทยก็ตาม)

สิ่งที่น่าทำต่อไปก็คือการทำแอปให้สามารถ “จอง” (เหมาได้เป็นเที่ยว) เรือ-ต่อ-มอเตอร์ไซค์ ในราคาเดียวเลย ….จะเรียกว่า “Grab Trip” ก็ได้

ในปัจจุบันระบบขนส่งมวลชน (ที่ไม่ติด) และคนใช้มากที่สุดในกรุงเทพฯ คือระบบวินมอเตอร์ไซค์นะครับ…

มีคนใช้ถึง 6 ล้านคนต่อวัน และระบบนี้ไม่ติดเพราะใช้ “เลน” ระหว่างรถ วิ่งในรูปแบบเดียวกับ BRT และวิ่งซิกแซ็กด้วยความสุ่มเสี่ยง…แต่ไม่ติดครับ

เราจะมีโครงข่ายการขนส่งที่ไม่ติดทั่วเมืองได้ ในราคาที่ถูกกว่ารถไฟฟ้า หากสามารถเชื่อมต่อระบบเรือในคลองที่ชุมชนริเริ่มเอง (crowdsourced) กับระบบวินมอเตอร์ไซค์

ทั้งสองระบบสามารถปรับและเคลื่อนย้าย “สถานี” เรือและซุ้มวินมอเตอร์ไซค์ เข้าหากันได้ง่าย (ต่างจากสถานีรถไฟฟ้าซึ่งย้ายให้ใกล้การเชื่อมต่อมากขึ้นไม่ได้)

ตั๋วเชื่อม (Transfer Ticket)

ในเมืองต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา เขาจะใช้เป็นตั๋วกระดาษมาตลอด 20 ปี ซื้อในราคาเดียว แต่นำไปต่อระหว่างรถเมล์สายต่างๆ ได้ภายใน 2 ชั่วโมง (เพิ่งมาเปลี่ยนเป็นระบบบัตรดิจิทัลเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา)

โดยคนขับรถเมล์จะฉีกตั๋ว transfer เฉียงๆ เพื่อให้ได้เวลา 2 ชั่วโมงพอดี

เมื่อ 2 ปีที่แล้วยังมีใช้อยู่ในย่านซานฟรานซิสโกและ Silicon Valley ของเขาไม่ต้องใช้บัตรแมงมุมเพราะระบบคอมฯ มันมักจะเชื่อมต่อกันยาก แต่ใช้แบบ low tech เป็นกระดาษ… ฉีกให้แล้วเอาไปชูให้รถเมล์คันต่อไป โดยไม่ต้องเสียเงิน

ระบบตั๋วเชื่อมในลักษณะนี้ ควรจะนำมาเชื่อม Grab Boat และ Grab Bike เป็นทริปเดียวเลย โดยกำหนดเวลาในการ “เชื่อม” จากพาหนะหนึ่งไปอีกพาหนะหนึ่งไม่ให้เกิน 2 ชั่วโมง

ข้อดีของระบบ hybrid นี้คือสามารถสร้างรายได้ชุมชนและเศรษฐกิจริมคลองได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าต่างๆ หรือการขนส่งสินค้า e-commerce ทางคลองกับมอเตอร์ไซค์ในช่วงไม่เร่งด่วนตอนกลางวัน

แต่ทั้งหมดนี้ต้องเริ่มจากการให้ชุมชนเป็นคนริเริ่มในลักษณะ crowdsourced โดยให้ข้อมูลว่าคลอง (หรือแม่น้ำ) ไหนมีศักยภาพเช่นไร มีวินมอเตอร์ไซค์ตรงจุดไหน ควรปรับปรุงจุดไหนบ้างเพื่อเชื่อมการเดินเรือ