เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ ของบรรดารัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยในรัฐบาล “ประยุทธ์5” ที่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 18 ราย โดยเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่จำนวน 10 ราย และมีผู้พ้นจากตำแหน่งโดยไม่มีการปรับโยกย้ายหน่วยงานจำนวน 9 ราย
ทั้งนี้ ผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีทรัพย์สินรวมมูลค่า 239,336,966 บาท รองลงมาคือนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคู่สมรส มีทรัพยสินรวมมูลค่า 179,116,947 บาท ตามด้วย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีทรัพย์สินรวมมูลค่า 113,291,318 บาท ซึ่งกว่าครึ่งเป็นมูลค่าของทรัพย์สินอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่อง และพระเบญจภาคี มูลค่ารวม 60,630,000 บาท ตามด้วยนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคู่สมรส มีทรัพย์สินรวมมูลค่า 101,136,749 บาท ซึ่งเป็นผู้สะสมวัตถุโบราณกว่า 100 ชิ้น มูลค่า 22,975,000 บาท และพล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคู่สมรส มีทรัพย์สินรวมมูลค่า 87,545,680 บาท
โดยรายการทรัพย์สินของรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยที่น่าสนใจมีดังนี้
- พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีและคู่สมรส มีรายได้ 6,096,753 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 35,278,559 บาท โดยรายการทรัพย์สินที่น่าสนใจ ได้แก่ ที่ดิน 9 แปลง กว่า 40 ไร่ มูลค่ารวม 2,172,121 บาท (ที่ดินใน 2 แปลง จำนวน 8 แปลงอยู่ในพื้นที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี) และมีทรัพย์สินอื่นๆ เช่น เครื่องประดับ นาฬิกา พระเครื่อง อาวุธปืน 18 รายการ มูลค่ารวม 4,379,400 บาท
- นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคู่สมรส มีรายได้รวม 2,235,158 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 26,129,821 บาท โดยได้แจกแจงรายการทรัพย์สินอื่นๆ เช่น พระพุทธรูป เครื่องประดับ นาฬิกา ไว้รวม 50 รายการ (แม้ไม่มีรายการใดมูลค่าเกิน 2 แสนบาท) มูลค่ารวม 1,101,437 บาท
- นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีรายได้รวม 1,400,000 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 23,005,078 บาท และมีทรัพย์สินอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น เครื่องเล่นเปียโน มูลค่า 535,500 บาท และชุดแต่งรถยนต์ยี่ห้อวอลโว มูลค่า 197,500 บาท
- พล.อ. ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และคู่สมรส มีรายได้รวม 3,278,080 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 30,234,354 บาท มีรายการทรัพย์สินอื่นๆ เช่น อาวุธปืน พระบูชา พระเครื่อง ทองคำแท่ง และทองรูปพรรณ รวม 8 รายการ มูลค่า รวม 3,254,650 บาท
- นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และคู่สมรส มีรายได้รวม 5,403,986 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 60,014,448.10 บาท โดยมีรายการทรัพย์สินในส่วนของเงินลงทุน 19 รายการ มูลค่ารวม 30,089,830.8 บาท คิดเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด มีที่ดินอีกจำนวน 5 แปลง รวมมูลค่า 7,591,000 บาท (เป็นที่ดินใน ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน 1 แปลง) และได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ เช่น อาวุธปืน นาฬิกา เครื่องเพชร รวม 14 รายการ (ไม่มีรายการใดมูลค่าเกิน 2 แสนบาท) มูลค่ารวม 603,000 บาท
- พล.อ. อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคู่สมรส มีรายได้รวม 3,795,040 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 48,804,646 บาท มีรายการทรัพย์สินที่น่าสนใจ เช่น ที่ดินจำนวน 7 แปลง มูลค่ารวม 3,094,000 บาท (เป็นที่ดินใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน 4 แปลง ที่ดินใน อ.เมือง จ.นครราชสีมา 2 แปลง และที่ดินใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี 1 แปลง) และได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ เช่น นาฬิกา 3 เรือน มูลค่ารวม 1,470,000 บาท (ทุกเรือนมูลค่าเกิน 2 แสนบาท) และเครื่องประดับอื่นๆ อีก 4 รายการ มูลค่ารวม 2,05,000 บาท (แต่ละรายการมูลค่าเกิน 2 แสนบาท)
- นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคู่สมรส มีรายได้รวม 5,578,464 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 15,268,069.18 บาท โดยได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ เช่น แหวน พระเครื่อง 15 องค์ อาวุธปืน 3 กระบอก นาฬิกา ROLEX ชายและหญิง อย่างละ 1 เรือน ทองรูปพรรณและเรื่องประดับ 12 ชิ้น มูลค่ารวม 1,050,296 บาท
- นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคู่สมรส มีรายได้รวม 8,516,877 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 84,566,662 บาท โดยมีเงินฝากรวม 51,317,687.58 บาท ใน 42 บัญชี เงินลงทุน 22 รายการ มูลค่ารวม 24,457,225.31 บาท และได้แจงแจงทรัพย์สินอื่นๆ เช่นทองคำแทง 55 บาท อาวุธปืน นาฬิกา 3 เรือน พระพุทธรูป 17 องค์ มูลค่า 1,222,750 บาท
- นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคู่สมรส มีรายได้รวม 2,162,094 บาท และมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 28,489,813 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ราว 30 ไร่ มูลค่ารวม 18,048,200 บาท และได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ คือ นาฬิกา Omega Seamaster Aqua Terra 1 เรือน มูลค่า 130,000 บาท
- นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคู่สมรส มีรายได้รวม 2,000,000 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 179,166,947 บาท โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่อยู่ในรูปเงินลงทุน มูลค่า 95,736,620 บาท ที่ดิน 11 แปลง มูลค่ารวม 32,437,750 บาท และได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองรูปพรรณ และเครื่องประดับ มูลค่ารวม 4,284,140 บาท (เป็นของคู่สมรสฝ่ายเดียว)
- นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีรายได้รวม 8,297,717 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 16,028,670 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินจำนวน 2 แปลง เนื้อที่ราว 4 ไร่ มูลค่ารวม 8,218,000 บาท ไม่มีการแจกแจงทรัพย์สินอื่น จำพวกเครื่องประดับ นาฬิกา หรืออาวุธปืน ที่มีมูลค่าเกิน 2 แสนบาท
- นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีรายได้รวม 3,438,632 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 113,291,318 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่ อยู่ในส่วนของทรัพย์สินอื่นๆ โดยได้แจกแจงไว้ 68 รายการ เช่น พระเครื่อง พระเบญจภาคี (พระบูชารายการหนึ่งระบุว่าประเมินค่าไม่ได้) เครื่องเพชร เครื่องประดับ มูลค่ารวม 60,630,000 บาท และมีเงินลงทุนอีกจำนวน 49,174,416 บาท
- นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีรายได้รวม 4,750,000 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 238,861,209 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่อยู่ในรูปเงินลงทุนจำนวน 134,990,201 บาท ที่ดินอีก 7 แปลง เนื้อที่ราว 97 ไร่ มูลค่ารวม 72,793,750 บาท (ที่ดินจำนวน 94 ไร่เศษ อยู่ในพื้นที่ อ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา) และได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับ นาฬิกาข้อมือ 10 เรือน มีมูลค่ารวม 1,790,000 บาท
- พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคู่สมรส มีรายได้รวม 4,200,465 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 30,849,028 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่อยู่ในรูปเงินฝาก มูลค่ารวม 12,352,862 บาท มีที่ดินจำนวน 6 แปลง มูลค่ารวม 5,715,540 บาท และได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ เช่นพระเครื่องกรอบทองคำแท้ 35 องค์ นาฬิกา 5 เรือน พระสมเด็จ 4 องค์ พระพุทธรูป 27 องค์ และเครื่องประดับอื่นๆ มูลค่ารวม 4,420,000 บาท
- พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคู่สมรส มีรายได้รวม 4,705,972 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 87,545,680 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินจำนวน 15 แปลง ราว 62 ไร่ มูลค่ารวม 30,999,000 บาท (ในจำนวนนี้เป็นที่ดินใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ราว 52 ไร่) และได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ เช่นอาวุธปืน และเครื่องประดับ มูลค่ารวม 725,000 บาท
- นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคู่สมรส มีรายได้รวม 11,311,298 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 90,836,749 บาท โดยได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น วัตถุโบราณ 139 ชิ้น มูลค่า 22,975,000 บาท นาฬิการวม 10 เรือน มูลค่า 850,000 บาท พระเครื่อง 11 องค์ มูลค่า 100,000 บาท
- นายอุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคู่สมรส มีรายได้รวม 12,471,110 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 66,934,730 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝาก มูลค่า 22,035,829 บาท ใน 20 บัญชี ที่ดิน 5 แปลง เนื้อที่ราว 175 ไร่เศษ มูลค่ารวม 18,083,500 บาท (ที่ดินเกือบทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ ต.โพนทอง อ.บ้านเช่า จ.ลพบุรี) และได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ เป็นเครื่องประดับ 3 รายการ รวมมูลค่า 1,252,000 บาท
- นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรม และคู่สมรส มีรายได้รวม 1,956,720 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 72,480,554.96 บาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่อยู่ในรูปเงินลงทุน มูลค่า 39,033,093.79 บาท และได้แจกแจงทรัพย์สินอื่นๆ เป็นสร้อยคอทองคำ 11 เส้น พระสมเด็จนางพญา กรุพิษณุโลก 1 องค์ พระสมเด็จนางพญา พิมพ์สังฆาฎิ 1 องค์ ชุดเหรียญพระแก้วมรกตทองคำ 1 ชุด รวมมูลค่า 1,640,000 บาท
ในส่วนรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง ได้แก่
- พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งในปี 2557 จำนวน 1,165,483 บาท
- พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งในปี 2558 จำนวน 3,388,685 บาท
- นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งในปี 2557 จำนวน 1,554,693 บาท
- พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งในปี 2557 จำนวน 2,254,002 บาท
- นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งในปี 2557 จำนวนเท่ากับว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 13,895,616 บาท
- นางอภิรดี ตันตราภรณ์ พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งในปี 2557 จำนวน 8,405,481 บาท
- ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งในปี 2557 จำนวน 7,417,096 บาท
- นายพิชิต อัคราทิตย์ พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งในปี 2559 จำนวน 4,862,101 บาท
- นางอรรชกา สีบุญเรือง พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีทรัพย์ลดลงจากเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งในปี 2559 จำนวน 9,904,622 บาท (ทรัพย์สินในส่วนของเงินให้กู้ยืม ทรัพย์สินในส่วนของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างลดลง ขณะที่มีทรัพย์สินในส่วนที่ดินเพิ่มขึ้น)
ฟัน “ธาริต” จำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 ฐานยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ-ปกปิด
ในวันเดียวกัน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.177/2560 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ร้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นผู้คัดค้าน กรณีแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่นายธาริตและนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส ไม่แสดงรายการทรัพย์สินเป็นเงินฝากธนาคาร 4 บัญชี เงินลงทุนในหุ้นบริษัท 2 แห่ง สิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน 2 แปลง และเงินฝากธนาคาร 2 บัญชี ในชื่อของนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ หลานของนางวรรษมล ที่มอบหมายให้อยู่ในความครอบครองดังกล่าว เป็นการปกปิดไม่แสดงรายการทรัพย์สินของตนเองและคู่สมรส กรณีทุก 3 ปีที่อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายธาริตมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน
องค์คณะมีมติเอกฉันท์ พิพากษาว่านายธาริตจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งต่อ ป.ป.ช. ทุก 3 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง จึงห้ามมิให้นายธาริต ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ 3 เม.ย. 2560 อันเป็นวันที่นายธาริตพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ และให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 41 วรรคหนึ่ง และมาตรา 119 ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท นายธาริตให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ให้รอลงอาญา 2 ปี