ThaiPublica > เกาะกระแส > คลังแจงถือหุ้นเดวิส กรุ๊ป 4 แห่ง – รับโอนจาก ปปง. ตามคำสั่งศาลฯ ล่าสุดจ้าง “เคที ซีมิโก้” ตีราคา คาดขายหุ้นได้ในปีนี้

คลังแจงถือหุ้นเดวิส กรุ๊ป 4 แห่ง – รับโอนจาก ปปง. ตามคำสั่งศาลฯ ล่าสุดจ้าง “เคที ซีมิโก้” ตีราคา คาดขายหุ้นได้ในปีนี้

25 มกราคม 2018


นางสาวปิยวรรณ ล่ามกิจจา รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)

หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวกระทรวงการคลังถือหุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจอาบ อบ นวด 4 แห่ง ซึ่งพัวพันกับขบวนการค้าประเวณี เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 นางสาวปิยวรรณ ล่ามกิจจา รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ชี้แจงถึงที่มาของการเข้าไปถือหุ้นของบริษัท 4 แห่งในเครือบริษัทเดวิสกรุ๊ปว่า กระทรวงการได้รับโอนหุ้นดังกล่าวมาจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัท เดวิส ไดมอนด์สตาร์ จำกัด จำนวน 10,000 หุ้น, บริษัท เดวิส โคปา คาบานา จำกัด จำนวน 6,000 หุ้น, บริษัท เดวิส โกลเด้นท์สตาร์ จำกัด จำนวน 7,446 หุ้น และบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด จำนวน 10,000 หุ้น โดยการถือครองหุ้นบริษัทในเครือเดวิสกรุ๊ป คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.5-2% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งถือว่าน้อยมาก จึงไม่มีอำนาจในการบริหาร และไม่เคยได้รับเงินปันผลจากบริษัทเลย คาดว่ากระทรวงการคลังจะเริ่มดำเนินการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวภายในปี 2561

นางสาวปิยวรรณกล่าวต่อว่า สืบเนื่องจากกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการถือครองและบริหารหลักทรัพย์ของรัฐ รวมถึงการถือครองหุ้นในรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชน โดยหุ้นของบริษัทต่างๆ ที่กระทรวงการคลังถือครองอยู่ในปัจจุบันได้รับมาโดยวิธีการต่างๆ เช่น การลงทุนตามนโยบายภาครัฐ การลงทุนเพิ่มเติมตามสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิม และการได้รับหลักทรัพย์มาโดยนิติเหตุ หรือจากการยึดทรัพย์ตามคำพิพากษาศาล โดยหุ้นในกลุ่มบริษัทเดวิสฯ ทั้ง 4 แห่ง กระทรวงการคลังได้รับโอนมาตามคำสั่งสำนักงาน ปปง. เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2555 ซึ่งเป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกา โดยหุ้นดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลง เป็นชื่อกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 ประกอบธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์

ปัจจุบันกระทรวงการคัลงมีนโยบายที่จะจำหน่ายหลักทรัพย์ที่หน่วยงานของรัฐไม่จำเป็นต้องถือครอง ซึ่งได้แก่ หุ้นที่ได้รับมาโดย “นิติเหตุ” หรือ “ยึดทรัพย์”, หุ้นที่หมดความจำเป็นตามนโยบายของภาครัฐ และหุ้นของบริษัทในภาคุอตสาหกรรมที่ภาคเอกชนดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และที่ไม่ได้จดทะเบียนใน ตลท. และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 เห็นชอบในการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่ไม่จำเป็นต้องถือครองตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และเห็นชอบให้กระทรวงการคลังพิจารณาวิธีการจำหน่ายและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ

ล่าสุด ทาง สคร. ได้ว่าจ้างบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน สำรวจและประเมินมูลค่าทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทเดวิสฯ เพื่อดำเนินการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวให้ได้ภายในปี 2561 ปัจจุบันกระทรวงการคลังถือครองหุ้นของบริษัททั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์รวมทั้งสิ้น 116 แห่ง ประกอบด้วย

    1. หุ้นของบริษัทเอกชนทั่วไป 88 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นบริษัทที่อยู่ระหว่างการเลิกกิจการ 33 แห่ง ส่วนที่เหลือ 55 แห่ง เป็นหุ้นของบริษัทที่ยังต้องถือครองต่อไปจำนวน 21 แห่ง และอีก 24 แห่ง เป็นหุ้นที่ได้มาจากการยึดทรัพย์ (รวมกลุ่มบริษัทเดวิสฯ) ไม่มีความจำเป็นต้องถือหุ้นต่อไป ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการจำหน่ายหุ้นของบริษัท 24 แห่ง ขอความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. เพื่อดำเนินการจำหน่ายหุ้นทั้งหมดภายในปีนี้

    2. หุ้นของรัฐวิสาหกิจมีประมาณ 23 แห่ง เช่น หุ้นแบงก์รัฐ, บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), บริษัท ไออาร์พีซี จำกัดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด เป็นต้น

    3. กองทุนรวม 5 แห่ง เช่น กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 และ 2 เป็นต้น