ณัฐวุฒิ เผ่าทวี
www.powdthavee.co.uk
“เดี๋ยวโทรไปคุยนะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวนัดเจอกันอีก เร็วๆ นี้นะ”
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวบินไปเยี่ยมแน่ๆ”
“ครั้งหน้า ชัวร์ๆ ไม่ต้องห่วง”
…
คุณเคยได้ยินคำว่า cheap talk ไหมครับ
คำว่า cheap talk มาจากคำว่า “Talk is cheap” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยก็คือ พูดถูก
เอ้ย ไม่ใช่
แปลเป็นภาษาไทยก็คงจะเป็น “คำพูดไม่มีราคา” อะนะครับ
ผมเชื่อว่าคนเราเกือบทุกคนก็คงจะเคยประสบกับปรากฏการณ์ cheap talk ประเภทที่ผมยกตัวอย่างข้างบนนี้มาก่อน (ที่จริงเราก็สามารถใช้คำว่า cheap talk ในการให้คำสัญญาในเชิงธุรกิจที่ไม่ได้มีการเขียนลงกระดาษด้วยนะครับ แต่ผมขอไม่เขียนถึง cheap talk ในนิยามนั้นละกัน) ไม่ว่าจะเป็นคนอื่นเคยพูดให้เราฟัง หรือการที่เราพูดให้คนอื่นได้ยิน และผมก็เชื่อว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรายวันที่หลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนพูดจริงทำจริง รู้สึกเบื่อหน่ายไปกับพฤติกรรมนี้ของคนอื่นๆ
วันนี้ผมจะมาเขียนอธิบายถึงแรงจูงใจของ cheap talk ที่เรามักใช้ในชีวิตประจำวันกันว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ทำไมคนถึงใช้กันทั้งๆ ที่โอกาสที่เขาจะทำตามคำที่พูดนั้นมันช่างน้อยเหลือเกิน
ผมเคยเขียนเล่าถึงในเรื่องว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงโกง แต่โกงไม่เยอะนะครับ (ถ้าให้ทบทวนก็คือ สาเหตุที่คนเราส่วนใหญ่มักจะโกงเล็กๆ น้อยๆ ก็เพราะว่าคนเรามี cognitive dissonance หรือความคิดขัดแย้งกันระหว่างผลประโยชน์ที่จะได้มาจากการโกง กับความรู้สึกที่ว่าการโกงทำให้ตัวเองรู้สึกผิดกับตัวเอง
แต่เพราะว่าการเปลี่ยนพฤติกรรม นั่นก็คือการไม่โกงเลยถ้ามีโอกาส นั้นมันยากมาก การโกงเล็กๆ น้อยๆ นั้นสามารถทำให้ตัวเองได้ทั้งผลประโยชน์จากการโกง แถมยังไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกผิดมากจนมองหน้าตัวเองในกระจกไม่ติด)
cheap talk ก็คล้ายๆ กัน การพูดในสิ่งที่เราอยากให้คนอื่นได้ยิน (ถึงแม้ว่าเราอาจจะรู้ดีในตอนที่พูด ว่าคงจะเป็นไปได้ยากเพราะมันขัดกันกับสิ่งที่เราอยากจะทำจริงๆ ในอนาคต หรือว่าเราอาจจะคิดว่า เออ อยากจะทำอย่างนั้นจริงๆ ในขณะที่กำลังพูดออกไป แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับมันมากในการพยายามที่จะทำให้สิ่งที่เราพูดเกิดขึ้นจริงๆ) เป็นการทำให้เรารู้สึกดีขึ้น และก็อาจจะทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกดีขึ้นในขณะนั้น
แต่เพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญในสิ่งที่เราพูดจริงๆ (พูดง่ายๆ ก็คือไม่ได้ให้ราคากับมัน) มันก็เป็นอะไรที่ง่ายที่เราจะลืมในสิ่งที่เราพูดออกไป
มันก็คงจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไรนะครับ ถ้าคนที่ฟัง cheap talk จากเราไม่ได้ให้ความสำคัญในสิ่งที่เราพูดด้วย แต่ถ้าเขาให้ความสำคัญตรงนั้นล่ะก็ ปรากฏการณ์ cheap talk สามารถส่งผลให้เกิดการไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ (distrust) ในสิ่งที่เราพูดในอนาคตได้ ซึ่งมันก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่เราสามารถนำมาอธิบายได้ว่าทำไมแค่ 23% ของคนไทยที่ถูกสุ่มมาใน Gallup World Poll จึงบอกว่าไม่สามารถเชื่อใจคนอื่นๆ ในชีวิตประจำวันได้
แล้วคุณล่ะครับ คุณใช้ cheap talk มากน้อยแค่ไหนในชีวิตประจำวัน