นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่าตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงรวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายเกษม นิมมลรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้วมีมติว่านายเกษม นิมมลรัตน์ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ตามมาตรา 38 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 รวมมูลค่า 186,620,637.76 บาท ซึ่งต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ อม.44/2560 ให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมมูลค่า 168,453,245.70 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มาตรา 38 และมาตรา 83 แล้ว นั้น
ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงรวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายเกษม นิมมลรัตน์ ในตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ แล้วมีมติว่านายเกษม นิมมลรัตน์ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ในกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รวมมูลค่า 21,140,746.50 บาท ตามรายการดังต่อไปนี้
1. ที่ดินที่อยู่ในชื่อของนายเกษม นิมมลรัตน์ จำนวน 2 แปลง มูลค่าขณะได้มา 11,865,000 บาท ได้แก่
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 11777 ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 3 งาน 96.4 ตารางวา
- ที่ดินโฉนดเลขที่ 11783 ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 3 งาน 95 ตารางวา
2. เงินลงทุนในการซื้อหุ้นบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ASCON) ที่อยู่ในชื่อของ นางดวงสุดา นิมมลรัตน์ (คู่สมรส) จำนวน 61,838,310 หุ้น มูลค่าขณะได้มาหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 9,275,746.50 บาท
ให้ส่งเอกสารทั้งหมดที่มีอยู่ พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจสอบไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้ทรัพย์สินของนายเกษม นิมมลรัตน์ และนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ (คู่สมรส) ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ตามรายการที่กล่าวข้างต้น ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 38 วรรคสอง ต่อไป
ทั้งนี้ หากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของนายเกษม นิมมลรัตน์ ที่มีมติว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมด หรือแต่บางส่วนแล้ว ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของนายเกษม นิมมลรัตน์ ตามนัยมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ด้วย