ThaiPublica > เกาะกระแส > ป.ป.ช. ตั้งอนุไต่สวน “รองผู้ว่าฯ กทม.-พวก” ส่อฮั้วประมูลไฟ 39 ล้าน – ชี้มูลอดีต ส.ส. เชียงใหม่ แจ้งบัญชีเท็จ และร่ำรวยผิดปกติ

ป.ป.ช. ตั้งอนุไต่สวน “รองผู้ว่าฯ กทม.-พวก” ส่อฮั้วประมูลไฟ 39 ล้าน – ชี้มูลอดีต ส.ส. เชียงใหม่ แจ้งบัญชีเท็จ และร่ำรวยผิดปกติ

14 พฤษภาคม 2016


โครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (Motif of Light) ของ กทม. งบประมาณ 39.5 ล้านบาท ที่มาภาพ : http://goo.gl/aGGSSw
โครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (Motif of Light) ของ กทม. งบประมาณ 39.5 ล้านบาท ที่มาภาพ : http://goo.gl/aGGSSw

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2559 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกับนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกับพวก รวม 14 ราย โดยมีนางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน ในคดีกล่าวหาว่าดำเนินโครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (Motif of Light) ของ กทม. งบประมาณ 39.5 ล้านบาท โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ภายหลังสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น แล้วพบว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอต่อการไต่สวนข้อเท็จจริง ใน 3 ประเด็น

– เรื่องใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายทั่วไป กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 40 ล้านบาท ในการจัดทำโครงการนี้ ไม่มีการพิจารณาถึงความจำเป็นและเร่งด่วนอย่างแท้จริง

– เรื่องกำหนดรายละเอียดขอบเขตงาน (TOR) และประมาณการค่าใช้จ่าย มีการดำเนินดำเนินการก่อนที่จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดรายละเอียดขอบเขตของงาน (TOR) และประมาณราคาค่าใช้จ่าย และเมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดรายละเอียดขอบเขตของงาน (TOR) แล้ว คณะกรรมการดังกล่าวมิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ระเบียบกำหนดไว้

– เรื่องสมยอมราคา ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีบริษัทเอกชนเข้าข่ายสมยอมราคาจำนวน 3 ราย ได้แก่ 1.บริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด 2.บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด และ 3.บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด โดยทั้งสามบริษัทได้มีการจดทะเบียนเพิ่มเติมวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการประกอบกิจการประดับตกแต่งไฟ โดยมีการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวกันไปยื่นจดทะเบียนก่อนวันเสนอราคาในโครงการดังกล่าว เพื่อให้ตนมีคุณสมบัติเป็นผู้เข้าเสนอราคาในโครงการดังกล่าวได้

“จึงมีเหตุให้น่าเชื่อว่าทั้งสามบริษัทมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน อันเป็นพฤติการณ์เข้าข่ายตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเป็นความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างเหมาในครั้งนี้”

ชี้มูล “เกษม นิมมลรัตน์” แจ้งบัญชีเท็จ 6 ครั้ง พ่วงร่ำรวยผิดปกติ 186 ล้าน

นอกจากนี้นายสรรเสริญระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดนายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ และรองนายก อบจ.เชียงใหม่ กรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และมีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้นผิดปกติ รวม 6 ครั้ง

สำหรับรายละเอียด นายเกษมแสดงเงินกู้ยืมจาก น.ส.ดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่สมรส ที่กู้ยืมจากนางบุญทอง สุภารังษี มารดาของนายเกษม จำนวน 72 ล้านบาท อันเป็นเท็จ, ปกปิดเงินที่ได้จากการขายหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) (WIN) ในตลาดหลักทรัพย์ มูลค่า 26.19 ล้านบาท และปกปิดเงินลงทุนในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ASCON) มูลค่า 74.20 ล้านบาท ของนางดวงสุดา ที่ให้นางบุญทองถือครองแทน

“ให้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 34 เพื่อขอให้นายเกษมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 เพื่อขอให้นายเกษมพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบจ.เชียงใหม่ และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย และขอให้ลงโทษ ตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 119 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ด้วย”

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังตรวจพบว่า นายเกษมมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมมูลค่า 186.62 ล้านบาท ดังรายการต่อไปนี้ จึงมีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาฯ วินิจฉัยตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 38 วรรคสอง ยึดทรัพย์สินของนายเกษมที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป ซึ่งหากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของนายเกษมที่เพิ่มขึ้นผิดปกติได้ทั้งหมดหรือได้แค่บางส่วน ก็ขอให้บังคับคดีเอาทรัพย์สินอื่นของนายเกษมตามนัยของกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 83 แทน