ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 20-26 พ.ค. 2560: “บึมสนั่น ‘ห้องวงษ์สุวรรณ’ รพ.พระมุงกุฏ” และ “ระเบิดพลีชีพ ‘แมนเชสเตอร์ อารีนา’ ไอซิสประกาศตนอยู่เบื้องหลัง”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 20-26 พ.ค. 2560: “บึมสนั่น ‘ห้องวงษ์สุวรรณ’ รพ.พระมุงกุฏ” และ “ระเบิดพลีชีพ ‘แมนเชสเตอร์ อารีนา’ ไอซิสประกาศตนอยู่เบื้องหลัง”

27 พฤษภาคม 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 20-26 พ.ค. 2560

  • บึมสนั่น “ห้องวงษ์สุวรรณ” รพ.พระมุงกุฏ
  • “เนชั่นสุดสัปดาห์” ลาแผง
  • บิ๊กตู่โยนหิน “เบี้ยสูงวัย” ให้เหรียญคนสละสิทธิ์ เอาเงินเฉลี่ยให้ที่เหลือ
  • เด้ง “ชาญเชาวน์” พ้นปลัดยุติธรรม-ตั้ง “วิศิษฏ์” นั่งแทน-เจ้าตัวไม่ขอให้ความเห็น
  • ระเบิดพลีชีพ “แมนเชสเตอร์ อารีนา” ไอซิสประกาศตนอยู่เบื้องหลัง
  • บึมสนั่น “ห้องวงษ์สุวรรณ” รพ.พระมุงกุฏ

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เนชั่นทีวี (https://goo.gl/SmjBik)

    เว็บไซต์เนชั่นทีวีรายงานว่า วันที่ 22 พ.ค. 2560 เกิดเหตุบริเวณห้องวงษ์สุวรรณ ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 ปี โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 24 ราย โดยมี 3 รายที่อาการสาหัสต้องติดตามใกล้ชิด

    รายงานจากเว็บไซต์มติชนออนไลน์ระบุว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบคล้ายระเบิดแสวงเครื่อง โดยพบหลุมจากแรงระเบิด อีกทั้งยังพบไอซีไทเมอร์ สายไฟ มีลักษณะเดียวกับเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ในขณะที่ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เปิดเผยว่า คนร้ายน่าจะมีการนำระเบิดใส่ภาชนะมาวางไว้ จากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) ยังไม่สามารถระบุว่าเป็นระเบิดชนิดใด ซึ่งมีรัศมีการทำลายล้างอยู่ที่ 2-3 เมตร และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาล (เก่า) และหน้าโรงละครแห่งชาติหรือไม่

    นอกจากนี้ จากรายงานของเว็บไซต์มติชนออนไลน์เช่นกัน แหล่งข่าวจากทีมสืบสวนสอบสวนเผิดเผยว่า ในขณะที่ระเบิดหน้ากองสลากเดิมกับหน้าโรงละครแห่งชาตินั้นน่าจะเป็นฝีมือกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากไม่มีลักษณะของการหวังผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ในกรณีของโรงพยาบาลพระมงกุฏนี้อาจจะเป็นคนละกลุ่มกับสองกรณีดังกล่าว เนื่องจากหวังผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

    ยิ่งไปกว่านั้น จากรายงานเดียวกัน แหล่งข่าวยังเปิดเผยด้วยว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 มีจดหมายถึงผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร โดยระบุเนื้อว่า “ท่านผู้อำนวยการ ทราบโปรดฟัง ภายในปีนี้ขอให้ท่านระวัง จะมีก่อการร้ายภายในโรงพยาบาลของรัฐแถวนี้ สามแห่งจากขบวนการ BRN IS เข้ามาแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน จากมาเลย์ ให้ระวังผู้หญิงโพกผ้า สะพายเป้ และระวังให้ดี โดยลงชื่อท้ายจดหมายโจรกลับใจ” จากการตรวจสอบผู้ที่ลงลายมือชื่อพบว่ามีทั้งหมด 75 คน ที่มีชื่อสกุลตรงกัน และมีการติดตามตัวพบ 1 คน เชิญตัวมาสอบสวนแล้ว ทั้งนี้จดหมายดังกล่าวระบุผู้ฝากส่งจากเขตปทุมวัน ทั้งนี้ภายหลังจากผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ รับจดหมายดังกล่าวแล้วมีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.พญาไท

    “เนชั่นสุดสัปดาห์” ลาแผง

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์โลกวันนี้ (https://goo.gl/kn36Gq)

    วันที่ 24 พ.ค. 2560 เว็บไซต์โลกวันนี้รายงานว่า นิตยสาร “เนชั่นสุดสัปดาห์” ซึ่งเป็นนิตยสารวิเคราะห์ข่าวรายสัปดาห์ ขณะนี้อยู่ในการดูแลของบริษัท คมชัดลึก มีเดีย จำกัด เตรียมที่จะยุติการผลิต โดยจะตีพิมพ์ฉบับที่ 1305 ในวันที่ 2 มิ.ย. เป็นฉบับสุดท้าย หลังจากจำหน่ายฉบับแรกเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2535 หรือเมื่อ 25 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานข่าวถึงการเลิกจ้างพนักงานแต่อย่างใด

    ต่อมา เว็บไซต์กรุงเทพธุกิจได้เผยแพร่ถอยแถลงของกองบรรณาธิการเนชั่นสุดสัปดาห์ต่อเรื่องดังกล่าวดังนี้

    จากกรณีข่าวในโซเชียลมีเดียที่แจ้งว่า นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ จะปิดตัวลงในต้นเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อความชัดเจน กองบรรณาธิการเนชั่นสุดสัปดาห์ จึงขอชี้แจงมาดังนี้

    เดือนมิถุนายน 2560 ครบรอบ 25 ปี ที่บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นผลิตและจำหน่าย นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ นิตยสารวิเคราะห์ข่าวรายสัปดาห์ ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม พร้อมเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 แต่นิตยสารแนววิเคราะห์ข่าวก็ยังยืนหยัดอยู่ได้

    จนกระทั่งประเทศไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งพฤติกรรมการอ่านของผู้อ่านเริ่มเปลี่ยนแปลงไป มีการเสพข่าวสารจากสื่อออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นพฤติกรรมหลักในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้สภาวะตลาดอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ซบเซา ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ และนิตยสารลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับต้นทุนขั้นตอนการผลิตโดยภาพรวมสูงขึ้น จากสภาวการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพรวมของต้นทุนการผลิตนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์

    เพื่อให้การดำเนินงานของเครือเนชั่น กรุ๊ป เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับภารกิจหลัก เครือเนชั่นจึงมีความจำเป็นที่จะยกเลิกการผลิตและจัดจำหน่ายนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ โดยจะจัดพิมพ์จำหน่ายนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับสุดท้ายคือ ฉบับที่ 1305 ประจำวันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน 2560 และมุ่งหน้าสู่สื่อดิจิทัล

    สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องแนว Human Interest สไตล์เนชั่นสุดสัปดาห์ และการวิเคราะห์ข่าวครบเครื่อง สามารถติดตามอ่านได้ที่ www.komchadluek.net และหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

    ส่วนของสมาชิกนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ทุกท่าน ที่ยังไม่ครบกำหนดอายุสมาชิก เครือเนชั่นพร้อมรับผิดชอบคืนเงินชดเชย ซึ่งฝ่ายที่รับผิดชอบด้านนี้ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังสมาชิกทุกคนแล้ว

    เครือเนชั่น กรุ๊ป ขอขอบพระคุณท่านผู้อ่าน ที่สนับสนุนนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ด้วยดีตลอดมา และหวังว่า ท่านผู้อ่านจะให้การสนับสนุนสื่อในเครือเนชั่น กรุ๊ป ในรูปแบบและช่องทางอื่นๆ ต่อไป

    บิ๊กตู่โยนหิน “เบี้ยสูงวัย” ให้เหรียญคนสละสิทธิ์ เอาเงินเฉลี่ยให้ที่เหลือ

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์วอยซ์ทีวี (https://goo.gl/7J7JdB)

    วันที่ 23 พ.ค. 2560 เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า หลังจากสังคมและพรรคการเมืองเคยเสนอไอเดียเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงวัยเป็น 1,200-1,600 บาทต่อเดือนนั้น วันนี้ (23 พ.ค. 2560) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ได้ออกมาปฏิเสธแนวคิดดังกล่าว เพราะในปัจจุบันคนชราในเมืองไทยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นมากและอาจจะมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน 

    นายกฯกล่าวต่อไปว่าปัจจุบันมีคนมาลงทะเบียนผู้สูงวัยจำนวน 4.9 ล้านคน แต่มีผู้สูงวัยที่ต้องการช่วยเหลือจริงๆ ประมาณ 3.5 ล้านคนหากคำนึงว่าต้องได้รับเท่ากันทั้งหมดมันทำไม่ได้ เพราะรัฐต้องนำเงินไปใช้อย่างอื่นด้วย เช่น การสนับสนุนให้มีบุตร หรือการบริหารเงินเพื่อไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ จึงขอเสนอแนวทางที่ว่าหากผู้สูงวัยท่านใดมีฐานะดีแล้วไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลืออาจจะสละสิทธิแล้วรัฐบาลมอบเหรียญตราให้ได้หรือไม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายแล้วเอาเงินไปเฉลี่ยให้กับผู้สูงวัยที่ต้องการความช่วยเหลือที่แท้จริง เพราะถ้าไม่ขึ้นภาษีรัฐก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาอุดหนุน

    ทั้งนี้ ตามรายงานของเว็บไซต์ไทยพับลิก้า พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. เห็นชอบในหลักการให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้สูงสามารถสละสิทธิได้รับเบี้ยคนชราตั้งแต่เดือนละ 600-1,000 บาท เข้าไปยังกองทุนชราภาพ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยให้ได้เบี้ยผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น โดยผู้ที่สละสิทธิในอนาคตยังสามารถกลับเข้ามารับสิทธิดังกล่าวได้

    “ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 10.3 ล้านคน หรือคิดเป็น 16% ของประชากร โดยเป็นผู้มีรายได้น้อย 3.5 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 20%  ซึ่งจากการคาดการณ์หากมีผู้สมัครใจเสียสละ 10% ของผู้สูงอายุที่มีรายได้สูงกว่าเกณฑ์ หรือประมาณ 680,000 ราย จะทำให้มีงบสำหรับเบี้ยคนชราเพิ่ม 4,000 ล้านบาทต่อปี” พล.ท. สรรเสริญ กล่าว

    เด้ง “ชาญเชาวน์” พ้นปลัดยุติธรรม-ตั้ง “วิศิษฏ์” นั่งแทน-เจ้าตัวไม่ขอให้ความเห็น

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (https://goo.gl/28lWPC)

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอขอรับโอน นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ ครม. เห็นชอบ แต่งตั้ง นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงยุติธรรม  เพื่อทดแทนผู้ครองตำแหน่งเดิมที่โอนไปดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป

    ต่อเรื่องดังกล่าวนั้น เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปทางโทรศัพท์เพื่อขอสัมภาษณ์นายชาญเชาวน์ถึงประเด็นดังกล่าว โดยนายชาญเชาวน์ระบุเพียงสั้นๆ ว่า ขอปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว

    ระเบิดพลีชีพ “แมนเชสเตอร์ อารีนา” ไอซิสประกาศตนอยู่เบื้องหลัง

    วันีท่ 23 พ.ค. 2559 เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานโดยอ้างสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า กลุ่มไอเอสหรือดาอิชออกมาแสดงตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดคอนเสิร์ตของอาริอานา กรานเด นักร้องชาวอเมริกันที่แมนเชสเตอร์ อารีนาของอังกฤษ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 22 รายและบาดเจ็บอีกหลายคน

    ด้านตำรวจเมืองแมนเชสเตอร์เปิดเผยว่า เหตุระเบิดครั้งนี้เป็นการระเบิดฆ่าตัวตาย และมือระเบิดเพศชายเสียชีวิตหลังจุดชนวนในที่เกิดเหตุ และตำรวจเพิ่งจับตัวชายวัย 23 ปี ที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุและชายผู้ต้องสงสัย

    ส่วนนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นความขี้ขลาด ที่น่ารังเกียจอย่างมาก เพราะเลือกเวลาและสถานที่ที่จะสร้างความเสียหายให้ได้มากที่สุด แต่เธอก็ย้ำว่า กลุ่มก่อการร้ายจะไม่มีวันชนะ และอังกฤษจะไม่แตกสลายไปง่ายๆ

    เหตุระเบิดครั้งนี้ถือว่าร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงลอนดอนเมื่อปี 2005 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 56 ราย ขณะที่ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม เคยเกิดเหตุสะเทือนขวัญมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากชายชาวอังกฤษที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามขับรถชนคนบนสะพานเวสต์ มินสเตอร์ ก่อนจะใช้มีดไล่แทงคนบริเวณอาคารรัฐสภาในกรุงลอนดอน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีก 12 ราย ซึ่งทั้งอังกฤษได้ยกระดับเตือนภัยการก่อการร้ายเป็นระดับเกือบสูงสุดมาได้ระยะหนี่งแล้ว