ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “‘บิ๊กป้อม’ แจง ไม่มีข้อมูล ‘ยิ่งลักษณ์’ อยู่อังกฤษ และ “กราดยิงคอนเสิร์ตกลางแจ้งในลาสเวกัส ตาย 58 เจ็บเกินห้าร้อย”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “‘บิ๊กป้อม’ แจง ไม่มีข้อมูล ‘ยิ่งลักษณ์’ อยู่อังกฤษ และ “กราดยิงคอนเสิร์ตกลางแจ้งในลาสเวกัส ตาย 58 เจ็บเกินห้าร้อย”

7 ตุลาคม 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 30 ก.ย. – 6 ต.ค. 2560

  • “บิ๊กป้อม” แจง ไม่มีข้อมูล “ยิ่งลักษณ์” อยู่อังกฤษ – ผบ.ทบ. บอก รัฐบาลพลัดถิ่น “คิดไปเอง”
  • กระทิงแดงถอยแล้ว เลิกลงทุนขอนก่อน 3,000 ล้าน เล็งประเทศเพื่อนบ้านแทน
  • ไทยเล็งจัดบอลโลก “กอบกาญจน์” แนะ ศึกษาให้รอบด้าน
  • ชง สนช. เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละร้อย
  • กราดยิงคอนเสิร์ตกลางแจ้งในลาสเวกัส ตาย 58 เจ็บเกินห้าร้อย
  • “บิ๊กป้อม” แจง ไม่มีข้อมูล “ยิ่งลักษณ์” อยู่อังกฤษ – ผบ.ทบ. บอก รัฐบาลพลัดถิ่น “คิดไปเอง”

    เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษสำเร็จ ว่าตนไม่ทราบเรื่อง ยังไม่มีข้อมูล

    เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวระบุว่า พล.อ. ประวิตร เดินทางถึงประเทศอังกฤษในวันเดียวกับที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางเข้ากรุงลอนดอน พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ทราบ จะไปเจอกันได้อย่างไร เพราะถ้าเจอกันก็คงปิดไม่มิด ไม่มีทาง แล้วอดีตนายกฯ มาเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เลย ผมไปสองวัน ทำงานตลอดสองวัน พบกับรัฐมนตรีกลาโหม พบรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ พบคนตลอด ทำงานเสร็จก็กลับ”

    ในวันเดียวกัน เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต พล.อ. เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำการลี้ภัยและตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ประเทศอังกฤษว่า “ไม่ทราบ ยังไม่มีข้อมูล ทุกอย่างคิดกันไปเองทั้งหมด”

    ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ลี้ภัยทางการเมืองได้จริงจะตอกย้ำว่า คสช. ให้การสนับสนุนในการหลบหนีหรือไม่ พล.อ. เฉลิมชัย กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่รู้

    กระทิงแดงถอยแล้ว เลิกลงทุนขอนก่อน 3,000 ล้าน เล็งประเทศเพื่อนบ้านแทน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์คมชัดลึก (https://goo.gl/8HSp3t)

    วันที่ 5 ต.ค. 2560 เว็บไซต์คมชัดลึกรายงานว่า หลังจากเกิดกรณีปัญหาเรื่องที่กรมที่ดินอนุมัติให้ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่ม “กระทิงแดง”  เช่าพื้นที่ป่าชุมชนห้วยเม็กที่ถูกคัดค้านจากชาวบ้านในพื้นที่จนต้องยกเลิก และบานปลายไปถึงเรื่องที่ดินของบริษัทซึ่งเป็นพื้นที่ในการสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์

    ล่าสุดทางบริษัทได้ส่งแถลงการณ์ให้สื่อมวลชน ประกาศยกเลิกการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งบริษัทระบุว่ามีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท และอาจจะย้ายไปสร้างฐานการผลิตที่ประเทศเพื่อนบ้าน

    แถลงการณ์ดังกล่าวมีใจความว่า ทางบริษัทร่วมพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของชุมชนบ้านดง และจังหวัดขอนแก่นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยมีการทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย รวมทั้งมีการทำประชาคมกับชาวบ้านตำบลบ้านดง ทั้ง 15 หมู่บ้านที่เกี่ยวข้อง อย่างถูกต้องและครบถ้วนทุกประการ

    ทางบริษัทเชื่อว่า การตั้งโรงงานของตนจะทำให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากมาย สร้างห่วงโซ่อุปทาน สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ทั้งในรูปแบบการจ้างแรงงาน การจัดซื้อจัดจ้างจากคนในชุมชน สร้างรายได้ให้กับ อบต. ในรูปแบบภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือน และสร้างรายได้ให้กับประเทศในรูปแบบของการส่งออก รวมทั้งขยายโอกาสในการทำมาหากินของชาวบ้าน ทั้งยังตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับชาวบ้านในการอนุรักษ์และบริหารจัดการน้ำ และพื้นที่โดยรอบโรงงานให้มีความสมบูรณ์ คงความเป็นพื้นที่สีเขียว ไม่แห้งแล้งเหมือนในอดีต รวมทั้งสร้างความสะดวกสบายในการเดินทาง

    “เมื่อมีผู้คัดค้านไม่เห็นด้วย จะด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตาม หากบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินกิจการที่นี่ต่อไป ก็คงต้องพบกับปัญหาความไม่พอใจตลอดเวลา ขณะที่ผู้บริหารของบริษัทฯ ที่ต้องทำงานภายใต้กรอบระเบียบด้านความซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรงไปตรงมา นี่จึงเป็นความลำบากใจ หากต้องคอยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

    บริษัทฯ จึงตัดสินใจยกเลิกการลงทุนราว 3,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะใช้กับโรงงาน และยุติการดำเนินกิจการโรงงานในพื้นที่ตำบลบ้านดง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น โดยบริษัทฯ กำลังพิจารณาหาสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน เพราะโรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตสำคัญเพื่อการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV” แถลงการณ์ระบุ

    ทั้งนี้ แถลงการณ์ระบุด้วยว่า ทางบริษัทจะยังคงทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่ได้เริ่มต้นไว้ต่อไปตามเจตนารมณ์เดิม

    ไทยเล็งจัดบอลโลก “กอบกาญจน์” แนะ ศึกษาให้รอบด้าน

    นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์วอยซ์ทีวี (https://goo.gl/W9TFrD)

    วันที่ 4 ต.ค. 2560 เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงภายหลังที่มีข่าวว่า สมาคมกีฬาห่งประเทศไทย หรือ เอฟเอที และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศอินโดนีเซีย หรือ พีเอสเอสไอ ประกาศความร่วมมือกันในการยื่นข้อเสนอขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายปี 2034 ในการประชุมคณะกรรมการสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ครั้งที่ 12 ที่เมืองบาลี โดยนางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ส่วนตัวติดว่าเป็นเรื่องที่ดี ประเทศไทยอยากเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกอยู่แล้ว แต่การเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลกเป็นการลงทุนใหญ่ และใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงต้องมีการคิดให้รอบคอบทุกด้าน และต้องมีการศึกษารายละเอียดของข้อมูลต่างๆ ซึ่งทางกระทรวงฯพร้อมสนับสนุนในการศึกษารายละเอียดด้วย 

    นอกจากความคิดเรื่องการจัดการแข่งขันแล้ว ต้องคิดในแง่ของการบริหารจัดการภายหลังจบการแข่งขันไปแล้ว ซึ่งต้องไม่ล้ม เพราะที่ผ่านมามีบางประเทศที่ตอนจัดการแข่งขันไม่มีปัญหา แต่พอจนถึงสุดท้ายกลับไปดึงเศรษฐกิจประเทศให้ตกลง ดังนั้น ต้องมีมิติในการบริหารจัดการเป็นอย่างดี เพราะการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกจะต้องมีการสร้างสนามเพิ่มทำให้จะต้องดึงภาคเอกชนเข้ามาช่วยบริหารจัดการ

    ชง สนช. เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละร้อย

    เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2560 ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงผลการประชุมวิป สนช. ว่า ในวันที่ 5 ต.ค. 2560 นี้ ที่ประชุม สนช. จะมีวาระการประชุมสำคัญ คือ การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ในวาระแรก มี 6 มาตรา มีสาระสำคัญ คือ การนำเงินกองทุนจากภาษีบาป 2% หรือ 4,000 ล้านบาทต่อปี มาเพิ่มเป็นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เดือนละ 100 บาท เช่น คนที่อายุเกิน 60 ปี จากเดิมได้เบี้ยยังชีพ 600 บาท เพิ่มเป็น 700 บาท คนที่อายุเกิน 70 ปี จากเดิมได้ 700 บาท เพิ่มเป็น 800 บาท โดยยึดจากบัญชีผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนเบี้ยยังชีพ จำนวน 2.15 ล้านคน

    โดยจะเป็นผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย และไม่ใช่ข้าราชการ หรือได้รับบำเหน็จบำนาญอย่างอื่น ทั้งนี้ในส่วนภาษีบาป 2% จะถูกนำมาเพิ่มค่าเบี้ยยังชีพจำนวน 2,400 ล้านบาทต่อปี ส่วนที่เหลืออีก 1,600 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้เป็นสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ เช่น การซ่อมแซมและสร้างบ้านเรือนผู้สูงอายุ การดูแลผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง การจัดกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุ ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเป็นผู้ดูแลงบประมาณในส่วนนี้ จะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

    ต่อมา ในวันที่ 5 ต.ค. 2560 เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า สนช.มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ด้วยคะแนน 205 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 4 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการ 19 คน กำหนดเวลาพิจารณา 45 วัน

    กราดยิงคอนเสิร์ตกลางแจ้งในลาสเวกัส ตาย 58 เจ็บเกินห้าร้อย

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์บีบีซีไทย (http://bbc.in/2y47RoV)

    วันที่ 2 ต.ค. 2560 เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า เกิดเหตุมือปืนกราดยิงจากห้องพักชั้นบนของโรงแรมมัณฑะเลย์เบย์ ในลาสเวกัส เข้าใส่ฝูงชนในงานเทศกาลดนตรีกลางแจ้งซึ่งจัดขึ้นใกล้กับโรงแรม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 58 คน บาดเจ็บ 515 คน ส่วนมือปืนฆ่าตัวตายในที่เกิดเหตุ

    เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นเหตุสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดในสหรัฐฯ ตำรวจแถลงว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.08 น. ของคืนวันอาทิตย์ (12.08 น. ของวันจันทร์ ตามเวลาในประเทศไทย) โดยภาพวิดีโอที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นฝูงชนหลายร้อยคน พากันวิ่งหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ โดยมีกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือจำนวนหนึ่งเข้าระงับเหตุ และไล่ล่าติดตามตัวมือปืน โดยมือปืนเป็นชายชาวลาสเวกัสวัย 64 ปี ชื่อ สตีเฟน แพดด็อก เขาเปิดฉากกราดยิงลงมาจากห้องพักชั้น 32 ของโรงแรม เข้าใส่ฝูงชน ที่กำลังไปร่วมชมดนตรีกลางแจ้งซึ่งคาดว่ามีผู้ชมถึง 22,000 คน

    มือปืนได้ฆ่าตัวตายในห้องพักของโรงแรมในขณะที่ตำรวจจู่โจมเข้าไปในห้อง ซึ่งในห้องนั้น ตำรวจพบว่ามีปืนอีก 10 กระบอกอยู่

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า แม้กลุ่มหัวรุนแรงไอเอสออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบโดยระบุว่านายสตีเฟน แพ็ดด็อค คือทหารของไอเอสซึ่งเพิ่งจะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ พากันสงสัยการกล่าวอ้างดังกล่าว โดยนายอารอน เราส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอ (สำนักงานสืบสวนของสหรัฐอเมริกา) ที่รับผิดชอบเหตุกราดยิงลาสเวกัส กล่าวว่า ทีมสอบสวนไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงก่อการร้ายแต่อย่างใด