ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “ไม่ปิด เฟซฯ ยังเข้าได้หลังประกาศให้ความร่วมมือปิดเพจผิดฎหมาย” และ “หุ้นเอเชียร่วง เหตุหวั่น ‘ทรัมป์’ ถูกถอดถอน”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “ไม่ปิด เฟซฯ ยังเข้าได้หลังประกาศให้ความร่วมมือปิดเพจผิดฎหมาย” และ “หุ้นเอเชียร่วง เหตุหวั่น ‘ทรัมป์’ ถูกถอดถอน”

20 พฤษภาคม 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 13-19 พ.ค. 2560

  • สุดท้ายไม่ปิด เฟซฯ ยังเข้าได้หลังประกาศให้ความร่วมมือปิดเพจผิดฎหมาย
  • “ศานิตย์” สับขาหลอกบึ้มหน้าโรงละครแห่งชาติ
  • ประกาศแล้ว โอนเงินจากหน่วยงานต่างๆ เข้างบกลาง 1.1 หมื่นล้าน!
  • คลังยันไม่เพิ่ม VAT รอ ศก. ฟื้นกว่านี้
  • หุ้นเอเชียร่วง เหตุหวั่น “ทรัมป์” ถูกถอดถอน
  • สุดท้ายไม่ปิด เฟซฯ ยังเข้าได้หลังประกาศให้ความร่วมมือปิดเพจผิดฎหมาย

    ที่มาภาพ : https://en.wikipedia.org/wiki/Facebook#/media/File:Facebook_Headquarters_Entrance_Sign_Menlo_Park.jpg

    กลายเป็นเรื่องให้ “ชาวเน็ต” ได้ลุ้นกันทั่วหน้า เมื่อเว็บไซต์บางกอกโพสต์รายงานในวันที่ 16 พ.ค. 2560 ว่า สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศไทย หรือ Tispa เปิดเผยว่า รัฐบาลได้กดดันให้สมาคมฯ ปิดการเข้าถึงเฟซบุ๊กในทุกช่องทางภายในเวลา 10.00 น. ของวันอังคารที่ 16 พ.ค. 2560 โดยแรงกดดันดังกล่าวนั้นมาจากการที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กหรือแฟนเพจบางรายปฏิเสธจะให้ความร่วมมือในการลบข้อความที่ผิดกฎหมายออก

    ทว่า หลังจากพ้นกำหนดเส้นตายดังกล่าวไปแล้ว ก็ไม่ได้มีการปิดกั้นการเข้าถึงเฟซบุ๊กแต่อย่างไร โดยจากรายงานของเว็บไซต์บีบีซีไทยนั้น นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับตัวแทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และ Tispa ว่า ขณะนี้ดีอีอยู่ระหว่างขออนุมัติหมายศาล เพื่อแจ้งให้เฟซบุ๊กปิดกั้นเนื้อหาผิดกฎหมายที่อยู่ในระบบของเฟซบุ๊ก จำนวน 131 URLs เบื้องต้นศาลอนุมัติหมายให้แล้ว 34 URLs อยู่ระหว่างขอหมายอีก 97 URLs ทำให้เช้านี้ (16 พ.ค. 2560) เฟซบุ๊กยังไม่สามารถถอดเนื้อหาเหล่านี้ออกจากระบบได้ เพราะเอกสารยังไม่ครบถ้วน

    “เฟซบุ๊กแจ้งว่าพร้อมให้ความร่วมมือในการปิดเพจเหล่านี้ เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายไทย และเฟซบุ๊กมีกระบวนการอยู่แล้ว เพียงแต่แจ้งว่า เอกสารที่ส่งมายังเป็นเพียงเลขที่ของหมายศาล จึงต้องขอเอกสารรายละเอียดหมายศาลฉบับจริง เพื่อให้ดำเนินการให้ครบถ้วนตามกระบวนการของเฟซบุ๊กต่อไป” นายฐากรกล่าว

    ทั้งนี้ ตามรายงานของบีบีซีไทย เนื้อหาผิดกฎหมายทั้ง 131 URLs นั้น ร้อยละ 30 มีเนื้อหาหมิ่นสถาบัน ส่วนที่เหลือเป็นเพจอนาจาร การพนัน และหลอกลวง ซึ่ง กสทช. เชื่อว่าจะสามารถปิดโพสต์ ที่ผิดกฎหมายได้ทั้งหมดภายในสิ้นเดือน

    “ศานิตย์” สับขาหลอกบึ้มหน้าโรงละครแห่งชาติ

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (https://goo.gl/jkeF6X)

    วันที่ 15 พ.ค. 2560 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า ร.ต.อ. ปัญญา มุงคุณคำชาว รอง สว. (สอบสวน) สน.ชนะสงคราม ได้รับแจ้งเหตุมีเสียงดังเป็นเหตุทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย เหตุเกิดบริเวณป้ายประชาสัมพันธ์จุดจอดรถรับส่งด้านหน้าโรงละครแห่งชาติ ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น., พล.ต.ต. อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น., พล.ต.ต. สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น., พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ., พ.ต.อ. กำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับกลุ่มงานเก็บกู้ตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD นายยุทธพันธุ์ มีชัย เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) โดยเจ้าหน้าที่ได้กั้นพื้นที่ดังกล่าวพร้อมปิดถนนที่จะเข้าไปยังถนนราชินีเพื่อขึ้นไปยังถนนพระอาทิตย์

    หลังจากมีการตรวจสอบ พล.ต.ท. ศานิตย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า จุดดังกล่าวเป็นที่วางป้ายแสดงแผนผัง ซึ่งมีการใช้ท่อพีวีซีในการยึดป้ายกับต้นไม้ เพื่อป้องกันการล้มลง ที่ดินด้านล่างพบเศษท่อพีวีซีตกอยู่ ตรวจสอบเบื้องต้นมีลักษณะเป็นแกนแบบสามเหลี่ยมที่ใช้เป็นฐานในการค้ำป้าย โดยยืนยันว่าไม่มีการวางระเบิดแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ส่วนสาเหตุที่เกิดระเบิดขึ้นนั้นต้องให้นักวิทยาศาสตร์หรือผู้ที่มีความรู้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเพราะเหตุใดท่อจึงเกิดระเบิดขึ้น

    ทว่า ต่อมา ในวันที่ 17 พ.ค. 2560 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า พล.ต.ท. ศานิตย์ กล่าวถึงกรณีที่เคยระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นไม่ใช่เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดว่า เป็นกลยุทธ์สับขาเพื่อหลอกให้คนร้ายตายใจ แต่แท้จริงแล้วตำรวจทำงานกันในทางลับ ซึ่งเป็นกลยุทธ์อีกส่วนหนึ่ง หลักฐานส่วนประกอบระเบิดก็พบในคืนเกิดเหตุเลย หลังจากที่ผู้สื่อข่าวมาเหยียบมาย่ำเต็มถนนไปหมด รวมทั้งตอนนั้นมีคนเยอะมากจึงดูอะไรไม่ได้ กระทั่งได้จัดเจ้าหน้าที่เรียงหน้ากระดานเดินแห่จนพบชิ้นส่วนประกอบวัตถุระเบิดกระเด็นข้ามถนนไปอยู่บนฟุตบาทฝั่งตรงข้าม อยู่ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร

    ทั้งนี้ต้องนำไปพิสูจน์ทราบให้ชัดเจนอย่างเป็นทางการครั้งว่า เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่หน้ากองสลากฯ เก่าหรือไม่ แต่ยืนยันว่าตอนดูที่เกิดเหตุทีแรกไม่เห็นอะไรเลย มีเพียงท่อพีวีซีขาตั้งป้ายที่แตกหักแล้วก็ไม่มีกลิ่นไหม้ แต่ก็ได้นำท่อพีวีซีไปส่งตรวจห้องแล็บหาคราบเขม่าดินปืน

    ประกาศแล้ว โอนเงินจากหน่วยงานต่างๆ เข้างบกลาง 1.1 หมื่นล้าน!

    วันที่ 17 พ.ค. 2560 เว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชบัญญัติ โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๖๐ มีรายละเอียดระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรโอนงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น บางรายการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติทําหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้ (คลิกอ่าน)

    ทั้งนี้ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรโอนงบประมาณรายจ่าย ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เป็นบางรายการ ไปตั้งไว้ เป็นงบประมาณรายจ่ายสําหรับงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น และโดยที่การโอน งบประมาณรายจ่ายต้องตราเป็นพระราชบัญญัติ จึงจําเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้  ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มี 6 มาตรา  จำนวน 11,866,512,300 บาท

    คลังยันไม่เพิ่ม VAT รอเศรษฐกิจฟื้นกว่านี้

    วันที่ 19 พ.ค. 2560 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า จากกรณีที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เห็นชอบรายงานแนวทางการปฏิรูปภาษี ที่มีการเสนอให้รัฐบาลปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT อีก 1% นั้น

    นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เป็นเพียงการเสนอแนวคิด เพื่อให้รัฐบาลตัดสินใจเท่านั้น ยังไม่มีผลบังคับใช้

    ทั้งนี้ การจะปรับเพิ่ม VAT สามารถทำได้ โดยเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี เป็นผู้เห็นชอบ แล้วจึงประกาศเป็นนโยบายบังคับใช้ ซึ่งการปรับเพิ่ม VAT ควรทำในภาวะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นกว่านี้ แต่ต้องดูรายละเอียดรายงานของ สนช. ด้วยว่า มีการเสนอปรับลดภาษีส่วนอื่นชดเชยด้วยหรือไม่

    ขณะที่ นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า รายงานของคณะกรรมาธิการใน สนช. ไม่ได้ระบุว่า ต้องปรับขึ้น VAT ในปีใด แต่เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการที่รัฐบาล มีแผนใช้เวลา 1 ปี เพื่อประเมินการปรับ VAT ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนกันยายนนี้

    หากรัฐบาลมีมติปรับขึ้น VAT ตามกำหนด หรือในช่วงภาวะเศรษฐกิจไทยยังค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างเปราะบาง เศรษฐกิจระดับรากหญ้ายังมีปัญหาเช่นในปัจจุบัน อาจทำให้เศรษฐกิจเกิดภาวะช็อก ผู้คนจะเร่งรัดการจับจ่ายเร็วขึ้น เนื่องจากไม่ต้องการจ่ายค่าสินค้าที่บวกเพิ่ม VAT ใหม่ นั่นหมายถึง จะทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น ผลคือจะทำให้เศรษฐกิจหลังจากนั้น ชะลอตัวลงต่อเนื่องไปอีกหลายปี เพราะประชาชนใช้จ่ายไปก่อนแล้ว ทำให้เป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.5-3.6% ในปีนี้ และขยายตัวได้ 3.8-4% ในปีหน้า เป็นไปได้ยาก

    หุ้นเอเชียร่วง เหตุหวั่น “ทรัมป์” ถูกถอดถอน

    วันที่ 18 พ.ค. 2560 เว็บไซต์เนชั่นทีวีรายงานว่า ดัชนีนิคเคอิของญี่ปุ่นลดลง 1.18% ในการเปิดตลาดซื้อขายภาคเช้าวันนี้ และดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงลดลง 0.71% เป็นไปตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดลดลง 1.8% เมื่อวาน ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2559 นอกจากนี้ดัชนีเอสแอนด์พี ปิดตลาดลดลง 1.8% และดัชนีแนสแด็กลดลง 2.6%

    การปรับตัวในแดนลบเกิดจากนักลงทุนวิตกเรื่องข่าวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขอให้เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ เลิกสอบสวนไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงเรื่องการติดต่อใกล้ชิดกับรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งการกระทำของทรัมป์อาจเข้าข่ายขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และเสี่ยงทำให้เขาเผชิญกระบวนการถอดถอนพ้นตำแหน่ง และไม่อาจดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่วางไว้