ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 25-31 มี.ค. 2560: “พักใบอนุญาต ‘วอยซ์ทีวี’ 7 วัน” และ “มาเลย์คืนศพคิม จองนัม แลก 9 พลเรือน”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 25-31 มี.ค. 2560: “พักใบอนุญาต ‘วอยซ์ทีวี’ 7 วัน” และ “มาเลย์คืนศพคิม จองนัม แลก 9 พลเรือน”

1 เมษายน 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 25-31 มี.ค. 2560

  • พักใบอนุญาต “วอยซ์ทีวี” 7 วัน
  • “วงศ์ทนง”ยกทีมออก-POLAR ล้มดีลหุ้น a day
  • จำคุก “จุฑามาศ-ลูกสาว” คดีรับสินบนข้ามชาติ
  • เลื่อนพบอัยการเป็นครั้งที่ 6 คดีทายาทกระทิงแดงชนตำรวจเสียชีวิต หมดอายุความแล้ว 1 ข้อหา
  • มาเลย์คืนศพคิม จองนัม แลก 9 พลเรือน
  • พักใบอนุญาต “วอยซ์ทีวี” 7 วัน

    เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2560 พล.ท. พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ เปิดเผยว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้ประชุมมีมติพักใช้ใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ช่องวอยซ์ทีวี ช่อง 7 วัน นับตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 27 มี.ค.นี้เป็นต้นไป จากเดิมที่คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ เสนอให้พักใช้ใบอนุญาต 3 วัน หลังจากที่ช่องวอยซ์ ทีวี ไม่ปรับแก้การนำเสนอเนื้อหารายการ ตามที่คณะอนุกรรมการให้พิจารณา

    ส่วนสาเหตุนั้น ก่อนหน้านี้ ตามรายงานของเว็บไซต์มติชนสุดสัปดาห์ พ.ท. พีระพงษ์ ระบุว่า เกิดจากการปล่อยให้มีรายงานวิพากษ์วิจารณ์ โดยดำเนินรายการในลักษณะเป็นการต้องห้ามมิให้ออกอากาศ จากคณะกรรมการติดตามสื่อของ คสช. ได้ดำเนินการร้องเรียน โดย กสทช. ได้ดำเนินการตักเตือนทางช่องแล้วหลายครั้ง เป็นการทำผิดซ้ำซาก ทางช่องแก้ปัญหาเพียงแค่การย้ายพิธีกรที่มีแนวคิดสร้างความเข้าใจผิดไปจัดรายการอื่น

    ต่อมติดังกล่าว เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านคำสั่งของ กสท. โดยระบุว่าเป็นการลงโทษเกินความเหมาะสม ทั้งยังระบุว่า กสทช. ต้องมีอิสระปราศจากการแทรกแซง รวมทั้งบอกว่ามติ กสท. นั้นขัดรัฐธรรมนูญ

    “วงศ์ทนง”ยกทีมออก-POLAR ล้มดีลหุ้น a day

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์คมชัดลึก (https://goo.gl/2lxqRF)

    เว็บไซต์คมชัดลึกรายงานว่า 27 มี.ค. 60  บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่ายกเลิกการซื้อหุ้นของบริษัทเดย์ โพเอทส์ จำกัด หลังจาก นายวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเดย์ โพเอทส์ จำกัด พร้อมทีมงานยกทีมลาออก

    ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวลงวันที่ 27 มีนาคม 2560 ในข้อ 4 ระบุเรื่อง “เงินมัดจำ 120 ล้านบาท เพื่อเข้าทำ Due Diligence บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด” ว่า ตามที่บริษัทได้แจ้งว่ามีความประสงค์จะเข้าไปลงทุนในบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด และบริษัทเชื่อมั่นในประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจของผู้ก่อตั้งและผู้บริหารหลักคือ นายวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ และ นายนิติพัฒน์ สุขสวย ซึ่งต่อมาบุคคลดังกล่าวทั้ง 2 คนได้ลาออกจากบริษัทเดย์ โพเอทส์ จำกัด แล้วนั้น

    บริษัทฯ ขอชี้แจงว่าการเข้าลงทุนในบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด สาระสำคัญของการเข้าลงทุนอยู่ที่ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจของผู้ก่อตั้งและผู้บริหารหลักคือ นายวงศ์ทนง และ นายนิติพัฒน์ ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาร่วมกันแล้วเห็นว่า หากนายวงศ์ทนงและนายนิติพัฒน์ มิได้บริหารงานให้กับบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด แล้วอาจจะส่งผลให้บริษัทฯ ไม่ได้รับผลตอบแทนตามแผนการลงทุนที่บริษัทฯ ได้วิเคราะห์ไว้ กรรมการบริษัทจึงได้ร่วมกันตัดสินใจยกเลิกการเข้าลงทุนในบริษัท เดย์ โพเอท จำกัด และเรียกให้บริษัท ธนวรินทร์ จำกัด คืนเงินมัดจำจำนวน 120 ล้านบาทให้แก่บริษัท

    จำคุก “จุฑามาศ-ลูกสาว” คดีรับสินบนข้ามชาติ

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (https://goo.gl/hq1cAz)

    เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดพิพากษาคดี นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อายุ 70 ปี และ น.ส.จิตติโสภา บุตรสาว อายุ 43 ปี ในคดีเรียกรับเงินนายเจอรัลด์ – นางแพทริเซีย กรีน สามี-ภรรยานักธุรกิจภาพยนตร์สัญชาติอเมริกัน เพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ หรือ บางกอกฟิล์ม เฟสติวัล เมื่อปี 2545-2550 มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท โดยศาลอ่านคำพิพากษามีใจความว่า นางจุฑามาศมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 50 ปี และลูกสาว น.ส.จิตโสภณ 44 ปี พร้อมให้ยึดทรัพย์สินคืนแผ่นดิน 62 ล้านบาท โดยความผิดของนางจุฑามาศ รวม 11 กระทง กระทงละ 6 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จึงให้จำคุก นางจุฑามาศสูงสุดไว้ที่ 50 ปี

    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ได้ชี้มูล นางจุฑามาศ ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ 65 ล้านบาท กรณีรับสินบนจากการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดส่งฟ้องต่อศาลอาญา เพื่อฟ้องศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนางจุฑามาศตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งปัจจุบันได้สืบพยานครบทุกปาก และนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 29 มี.ค. 2560

    โดย ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดนางจุฑามาศและบุตรสาว 3 ข้อหา คือ เป็นพนักงานเรียกรับ หรือรับทรัพย์สิน ประโยชน์ใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ, ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายฯ, กระทำการไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เอื้อให้ผู้เข้าทำการเสนอราคานั้นเป็นผู้มีสิทธิตามสัญญาแก่หน่วยของรัฐ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 11 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนรอราคาหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 20 ปี โดยมีบุตรสาว เป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด

    เลื่อนพบอัยการเป็นครั้งที่ 6 คดีทายาทกระทิงแดงชนตำรวจเสียชีวิต หมดอายุความแล้ว 1 ข้อหา

    เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า วันที่ 30 มี.ค. 2560 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แถลงความคืบหน้ากรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หลานของนายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ถูกกล่าวหาว่า ขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ถึงแก่ความตายและหลบหนีไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควรและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงโดยทันที ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2555 เวลาประมาณ 05.00 น. ในท้องถิ่น สน.ทองหล่อ

    ทั้งนี้ นายประยุทธ์ได้ไล่เรียงเหตุการณ์คดีของนายวรยุทธตั้งแต่นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ในขณะนั้น มีความเห็นสั่งฟ้อง เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2559 โดยมีหนังสือให้มาพบพนักงานอัยการเพื่อนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาล แต่ที่ผ่านมา นายวรยุทธได้ยื่นหนังสือขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานอัยการรวมถึงพนักงานสอบสวนของ สน.ทองหล่ออย่างน้อย 5 ครั้ง ทั้งอ้างว่าติดธุระอยู่ต่างประเทศ (2 ครั้ง) และอ้างว่าได้ไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมาธิการของสภาฯ ว่าตนไม่ได้ขับรถเร็ว (3 ครั้ง)

    นายประยุทธกล่าวว่า ล่าสุด พนักงานอัยการได้แจ้งให้ผู้ต้องหามาพบในวันที่ 30 มี.ค. 2560 แต่นายวรยุทธได้ส่งทนายความมาขอเลื่อนพบ อ้างว่าติดภารกิจอยู่ที่ประเทศอังกฤษ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ จึงอนุญาตให้เลื่อนไปเป็นวันที่ 27 เม.ย. 2560

    “ขอยืนยันว่าสำนักงาน อสส. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามเร่งรัดการดำเนินคดีมาตลอด” รองโฆษก อสส. กล่าว
    หากนับรวมระยะเวลานับแต่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องจนถึงปัจจุบัน 1 ปีเต็ม ที่ยังไม่สามารถติดตามตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องต่อศาลได้ เนื่องจากนายวรยุทธขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานอัยการ รวมแล้วถึง 6 ครั้ง

    ทั้งนี้ นายวรยุทธถูกพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อแจ้งความใน 3 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย 1. ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีอายุความ 15 ปี 2. ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน ซึ่งมีอายุความ 5 ปี แปลว่าจะหมดอายุความในปีนี้ และ 3. ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ที่มีอายุความเพียงปีเดียว ทำให้หมดอายุความไปแล้ว

    มาเลย์คืนศพคิม จองนัม แลก 9 พลเรือน

    วันที่ 31 มี.ค. 2560 เว็บไซต์สปริงนิวส์http://wp.me/p5c0qC-94vรายงานว่า ทางการมาเลเซียยอมมอบศพของนายคิม จองนัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ที่ถูกลอบสังหารด้วยสารพิษที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ให้แก่ทางการเกาหลีเหนือแล้ว หลังจากที่ทั้งสองประเทศเจรจากัน โดยทางการมาเลเซียยอมมอบศพนายคิม จองนัม ให้เกาหลีเหนือ แลกเปลี่ยนกับการที่เกาหลีเหนือยอมให้ชาวมาเลเซีย 9 คน ที่ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่สถานทูต 3 คน และสมาชิกในครอบครัว 6 คน สามารถเดินทางออกจากเกาหลีเหนือเพื่อกลับมาเลเซียได้ อีกทั้งนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย ยังกล่าวอีกว่า ชาวเกาหลีเหนือทุกคนจะได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากมาเลเซียได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งน่าจะรวมถึงผู้ต้องสงสัยชาวเกาหลีเหนือ 3 คน ที่ตำรวจมาเลเซียต้องการตัวจากคดีลอบสังหารนายคิม จองนัม 

    นายคิม จองนัม ถูกลอบสังหารด้วยสารพิษทำลายระบบประสาท ที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ เมื่อเดือนที่แล้ว และเหตุการณ์นี้นำไปสู่ความขัดแย้งทางการทูตระหว่างมาเลเซียและเกาหลีเหนือ ซึ่งทางมาเลเซียไม่ได้กล่าวโทษรัฐบาลเกาหลีเหนือโดยตรงว่าเป็นผู้สั่งการให้สังหารนายคิม จองนัม แต่ก็เป็นที่สงสัยกันอย่างกว้างขวางว่ารัฐบาลเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลัง