ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ เผยคุย “ทรัมป์”หวาน – “ดอน” ยันไม่ถูกโสมแดงเพ่งเล็ง- มติ ครม. ต่ออายุ รถเมล์-รถไฟ ฟรี 5,898 ล้านบาท

นายกฯ เผยคุย “ทรัมป์”หวาน – “ดอน” ยันไม่ถูกโสมแดงเพ่งเล็ง- มติ ครม. ต่ออายุ รถเมล์-รถไฟ ฟรี 5,898 ล้านบาท

2 พฤษภาคม 2017


พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธาน

โดยก่อนการแถลงข่าว เมื่อ พล.อ. ประยุทธ์ เห็นว่าวันนี้ยังมีผู้สื่อข่าวมารอฟังการแถลงข่าวยังไม่มาก และประจวบกับช่วงเช้าที่ผ่านมามีสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้ยื่นหนังสือคัดค้านร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน หรือ พ.ร.บ.สื่อ ถึงนายกรัฐมนตรี จึงกล่าวขึ้นว่า “สื่อทำไมเหลือน้อย นึกว่าสื่อประท้วงกันเสียแล้ว”

นายกฯ เผยคุย “ทรัมป์” หวาน – “ดอน” ยันไม่ถูกโสมแดงเพ่งเล็ง

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถากรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์ถึงตนเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2560 เวลา 21.30 น. ว่า เรื่องแรกที่พูดคุยกันคือ ตนได้แสดงความยินดีแก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 และความสำเร็จในการบริหารประเทศช่วง 100 วันที่ผ่านมา โดยนายทรัมป์ก็ได้กล่าวขอบคุณถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่มีมาถึง 184 ปี พร้อมชื่นชมความก้าวหน้าและพัฒนาการหลายด้านของไทยภายใต้การบริหารงานของตน รวมทั้งได้แสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

“ทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ให้ความมั่นใจว่า จากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ จะแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และได้เชิญตนไปหารือที่วอชิงตัน กำหนดเวลาจะมีการหารือกันต่อไป ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ได้สอบถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นและจีน ทางสหรัฐฯ เองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน ซึ่งท่านก็พร้อมให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรีไทยทุกเรื่องหากต้องการความช่วยเหลืออะไร ผมก็บอกว่าขอให้ช่วยดูแลเรื่องการรักษาระดับทางการค้าของทั้ง 2 ประเทศ ท่านประธานาธิบดีก็รับปากว่าจะดูแลเพิ่มความร่วมมือทางการค้าให้สูงขึ้นอย่างแน่นอน และได้จัดส่งคณะผู้แทนด้านการค้ามาหารือกับไทย ผมก็ได้ถือโอกาสชวนประธานาธิบดีทรัมป์มาเยือนประเทศไทยด้วย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับว่าหากมีเวลาจะมาเยือนไทย และท่านก็ยืนยันที่จะเข้าร่วมประชุมเอเปกที่จะจัดขึ้นที่เวียดนามในปีนี้ ทั้งหมดที่คุยไม่มีการรื้อฟื้นเรื่องเก่าใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการเดินหน้าสู่อนาคต” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีได้แจ้งเรืองการพูดคุยดังกล่าวในที่ประชุม ซึ่งการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี นายทรัมป์ได้บอกนายกรัฐมนตรีว่ามีความเห็นเกี่ยวกับประเด็นเกาหลีเหนืออย่างไร ส่วนเรื่องเชิญ พล.อ. ประยุทธ์ ไปเยือน เป็นเพียงการรับทราบคำเชิญเท่านั้น และเป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศต้องไปพิจารณาเพิ่มว่าการพบกันจะเป็นประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างไร เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางมาในช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิท และการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในเดือนพฤศจิกายน 2560 นี้ ขณะที่ตนมีกำหนดการที่จะพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2560 นี้

เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวจะทำให้ไทยตกเป็นเป้ากับเกาหลีเหนือหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ไม่ เพราะนายทรัมป์มีการพูดคุยทั่วอาเซียน เหมือนเป็นการหาแนวร่วม ซึ่งก็อยู่ที่ว่าเราพร้อมจะทำแค่ไหนอย่างไร และในเรื่องนี้อาเซียนมีมติอยู่แล้วว่า ถึงอย่างไรก็ต้องหาทางออกแบบสันติ โดยต้องมีการพูดคุยกัน ไม่สามารถลงไม้ลงมือโดยไม่คุยกันได้ ซึ่งแต่ละประเทศอาจมีท่าทีแตกต่างกันว่าจะทำอย่างไร

สั่งวิษณุหาทางออก-ยันไม่ต้องการปิดสื่อ

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณี พ.ร.บ.สื่อ โดยเฉพาะส่วนของคณะกรรมการวิชาชีพสื่อที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ว่า เมื่อช่วงเช้าตนได้รับหนังสือจากตัวแทนสื่อแล้ว ซึ่งได้มอบให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย หารือร่วมกับกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานกฤษฎีกา เพราะเรื่องนี้ถึงขั้นตอนของรัฐบาลแล้ว ที่ผ่านมาเป็นขั้นตอนของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นผู้ทำความเห็นมา รัฐบาลก็รับมาพิจารณา แต่ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะยังมีขั้นตอนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อีก 3 วาระ

“ไม่อยากให้ทุกคนมาทะเลาะเบาะแว้งกันในเวลานี้ เพราะฉะนั้น จะต้องพูดคุยกัน รับฟังทั้งสองด้าน หาทางออกให้ได้ว่าจะทำอย่างไรให้สื่อทุกสื่อเป็นสื่อมีคุณภาพดีมากยิ่งขึ้น ด้วยความรับผิดชอบของสมาคมสื่อ ของผู้ประกอบการ ของผู้รายงานข่าวทั้งหมด รีไรท์เตอร์ บรรณาธิการ ทั้งหมด ต้องไปหารือกันว่าจะดูแลกันอย่างไร เชื่อมต่อกับรัฐได้ตรงไหน ถ้าคิดว่าคุมกันเองได้ ก็ลองเสนอมาว่าจะคุมกันอย่างไร ยึดโยงกับทางรัฐได้อย่างไร ผมยึดหลักการว่ารัฐบาลไม่ต้องการไปปิดสื่อหรือก้าวล่วงต่างๆ เพราะรัฐบาลจำเป็นต้องสนับสนุนการทำงานของสื่อ สื่อก็มีหน้าที่ติดตามการทำงานของรัฐบาล” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ก็อยากให้สื่อระมัดระวังการนำเสนอข่าว เพราะหลายเรื่องเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน โดยยกประเด็นของเรือดำน้ำขึ้นมา ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจกัน เรื่องของ พ.ร.บ.สื่อเดี๋ยวผมจะดูแลให้”

ชี้ “เรือดำน้ำ” ไม่มีประเทศไหนเปิดเผยขนาดนี้

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า ได้มีการแถลงข่าวชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้วจากกองทัพเรือ แม้ที่ผ่านมาไม่มีการอธิบายอย่างชัดเจน แต่ยืนยันว่าการอนุมัติเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย และตามขั้นตอนปกติของการประชุม ครม. มีเอกสารหลักฐานถูกต้องตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี

“เรื่องนี้ไม่มีประเทศใดที่เอาเรื่องการจัดซื้อยุทโธปกรณ์มาตีแผ่มากขนาดนี้  เพราะเป็นการเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป เราควรจะรู้เขามากกว่าเขารู้เรา” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันว่า การจัดซื้อเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของกองทัพ มีคณะกรรมการกำหนดความต้องการและกำหนดขีดความสามารถก่อนจะจัดซื้อจัดจ้าง มีบริษัทต่างๆ ร่วมประกวดราคา ดังนั้นจึงต้องไปดูคุณสมบัติที่กำหนดในทีโออาร์ และราคาที่ตั้งไว้ว่ามีประเทศใดให้ราคาที่เหมาะสม

“หลายคนสงสัยว่าจะทุจริตหรือไม่ ผมยืนยันว่าเราไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนั้น แต่หวังให้กำลังพลของเราปลอดภัย ให้อาวุธยุทโธปกรณ์ใช้ได้ แต่เมื่อซื้อมาจะเกิดปัญหาต่อการใช้งานในประเทศไทยหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจะมีข้อสังเกตจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยกองทัพต้องชี้แจง เมื่อไม่มีปัญหาก็สามารถจัดซื้อได้ มีการตรวจสอบทุกกระบวนการเหมือนการจัดซื้อจัดจ้างของทุกกระทรวง เพียงแต่เรือดำน้ำเปิดเผยคุณสมบัติมากไม่ได้ หากเราจ้องจะมองแต่เรื่องทุจริตและกล่าวหาว่าเป็นหารซื้อของห่วยคงไม่ได้ เพราะไม่มีใครต้องการเอาชีวิตของผู้บังคับบัญชาไปเดิมพันกับเรื่องเหล่านี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า อย่าบอกว่าเราจะสร้างสมอาวุธ เขาสร้างไปมากกว่าเราแล้ว ขออย่ามองว่าเป็นการนำงบประมาณส่วนที่ต้องดูแลประชาชนไปซื้อเรือดำน้ำ เพราะได้ใช้งบประมาณในส่วนของกองทัพเรือจัดหาเพื่อให้กองทัพเข้มแข็งขึ้น รัฐบาลก็จำเป็นต้องสนับสนุน เพราะเรื่องความมั่นคงและเศรษฐกิจจะแยกกันไม่ได้ (อ่านเพิ่มเติม การชี้แจงโครงการจัดหาเรือดำน้ำอย่างเป็นทางการ)

เผยเยือนบาห์เรนรื่น – เร่งสานสัมพันธ์ซาอุฯ ใหม่

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงการไปเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24-26 เมษายน 2560 ว่ามีความก้าวหน้าในการเจรจาด้านการค้าและการลงทุนหลายประการ รวมไปถึงการท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านสาธารณสุข และด้านการเกษตร ว่าทำอย่างไรประเทศไทยจะสามารถเป็นแหล่งวัตถุดิบส่งสินค้าด้านการเกษตรไปยังกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งความก้าวหน้าเหล่านี้มีหลายเรื่องที่ต้องสานต่อโดยเร็ว โดยเฉพาะอาหารฮาลาล ต้องดูว่าจะสามารถส่งเป็นวัตถุดิบหรือเป็นแบบสำเร็จรูปไป

นอกจากนี้ยังได้ความคืบหน้าในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียไปในทางที่ดีขึ้นมาก โดยมีบาเรนเป็นผู้ประสานงานในกลุ่มประเทศอาหรับให้ ซึ่งมีประเด็นที่จะประสานความสัมพันธ์ให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นโดยมองไปข้างหน้า ส่วนประเด็นอื่นๆ ยังคงต้องหารือกันต่อไป ซึ่งไทยก็มีแผนที่จะส่งรองนายกรัฐมนตรีไปเยือนซาอุดีอาระเบีย

สั่งทุกหน่วยงานสรุปผลงาน 3 ปี

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลที่ใกล้จะครบ 3 ปีในเดือนพฤษภาคม 2560 นี้ว่า ตนมอบหมายให้ทุกหน่วยงานสรุปผลงานความคืบหน้าต่างๆ ทั้งผลการปฏิบัติงานและงานบูรณาการให้มีความชัดเจนมากขึ้นในการใช้จ่ายงบประมาณที่ผ่านมาว่าได้ดำเนินการและใช้อะไรไปบ้าง รวมถึงต้องวางพื้นฐานในอนาคตต่างๆ เพื่อส่งมอบให้กับรัฐบาลต่อไป ซึ่งเขาจะปฏิบัติต่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา แต่เรามีหน้าที่ที่ต้องเริ่มต้น

โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ในงานด้านต่างประเทศไทยยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดี รวมถึงมีการเพิ่มมูลค่าการค้าขายและการท่องเที่ยวระหว่างกันกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนงานด้านกระบวนการยุติธรรมยังเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันติดตาม เนื่องจากแต่ละวันมีคดีจำนวนมาก และโซเชียลมีเดียก็กระจายข่าวได้รวดเร็ว รัฐบาลพยายามสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น ขออย่าให้เป็นประเด็นการเมืองทุกเรื่อง มิฉะนั้นจะทำงานกันไม่ได้ ถ้าเราทำงานไม่ได้ 3 ปีที่ผ่านมาเท่ากับล้มเหลว กลายเป็นว่าทำไม่ดีสักเรื่อง ทั้งหมดขอให้ติดตาม และดูกันต่อไป ฟังกันบ้าง เพราะตนก็ฟังทุกคนตลอด

ยังไม่ถอนพาสปอร์ต “บอส” – ขอดูเอกสารก่อน

นายดอนกล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสนอให้กรมการกงสุลเพิกถอนหนังสือเดินทาง และขอให้กระทรวงการต่างประเทศติดตามตัว นายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาคดีคดีขับรถชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตว่า ตนยังไม่ทราบถึงเรื่องดังกล่าว แต่ขั้นตอนหากจะให้เพิกถอนหนังสือเดินทาง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบกรณีนี้ต้องแจ้งเข้ามา เมื่อมีหนังสือแล้วเราจะต้องพิจารณา ไม่ใช่จะเพิกถอนตามตัวหนังสือ ต้องดูว่าเนื้อหาที่ส่งมานั้นมีความชัดเจนหรือไม่ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกลับมา

เมื่อถามว่า กรมการกงสุลสามารถเพิกถอนหนังสือเดินทางบุคคลที่ต้องคดีในลักษณะดังกล่าวได้หรือไม่ นายดอนกล่าวว่า “มันมีหลายเรื่องด้วยกัน ถ้าอยู่ในแบล็กลิสต์ ก็คงจะใช่”

มติ ครม. ที่น่าสนใจมีดังนี้

พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

ต่ออายุ รถเมล์-รถไฟฟรี 5,898 ล้านบาท

พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธาณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) วงเงิน 3,578 ล้านบาท และ 2,320 ล้านบาท ตามลำดับ รวมวงเงิน 5,898 ล้านบาท

ทั้งนี้ เดิม รฟท. ได้เสนอขอ 6,825 ล้านบาท แต่คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะปรับลดลงเนื่องจาก รฟท. กำหนดสมมติฐานราคาน้ำมันแพงกว่าสำนักงบประมาณ 3.13 บาทต่อลิตร, ปรับลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่ง ครม. เคยอนุมัติให้รัฐบาลรับภาระแทนแล้ว, ปรับลดต้นทุนเงินบำเหน็จบำนาญ รวมไปถึงต้นทุนค่าเสื่อมราคาทางอาคารและสื่อสาร เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับบริการสาธารณะ ขณะที่ ขสมก. ได้เสนอขอวงเงินอุดหนุนแบ่งเป็น 1) สำหรับรถโดยสารธรรมดา วงเงิน 3,324.11 ล้านบาท แต่ถูกปรับลดเนื่องจาก ขสมก. ใช้สมมติฐานราคาน้ำมันที่สูงกว่าสำนักงบประมาณ 6.87 บาทต่อลิตร รวมไปถึงปรับลดจากเงินเดือนค่าจ้างและสวัสดิการพนักงาน เนื่องจาก ขสมก. คำนวณโดยไม่ได้หักพนักงานที่เกษียณในปี 2560 2) สำหรับรถโดยสารปรับอากาศ วงเงิน 2,649.35 ล้านบาท คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะไม่พิจารณาเรื่องดังกล่าว เนื่องจากไม่สอดคล้องกับนิยามของการให้เงินอุดหนุนสาธารณะ เพราะเป็นการให้บริการเชิงพาณิชย์และมีเส้นทางทับซ้อนกับเส้นทางของรถธรรมดา ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกของการเดินทางไม่ใช่การให้บริการสาธารณะโดยตรง

อนึ่ง สถิติของการให้เงินอุดหนุนได้เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2558 เงินอุดหนุนของ รฟท. ได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 10.8%, ในปี 2559 เพิ่มขึ้น 8.6% และในปี 2560 เพิ่มขึ้น 9.3% ขณะที่ในปี 2558 เงินอุดหนุนของ ขสมก. ได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 22.4% ในปี 2559 3.6% และในปี 2560 20.5% ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ ขสมก. เร่งจัดทำต้นทุนมาตรฐานการให้บริการเพื่อนำมาใช้ประเมินผลและปรับราคาค่าโดยสารให้เหมาะสม และเร่งรัดการดำเนินการสำรวจกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้การอุดหนุนทำได้ตรงกลุ่มและมีประสทธิภาพคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งส่วนหนึ่งต้องรอการลงทะเบียนคนจนที่จะแล้วเสร็จภายใน 15 พฤษภาคม 2560 นี้

อนุมัติงบกลาง 521 ล้านบาท เยียวยาน้ำท่วมเกษตรกรเพิ่มเติม

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติงบกลาง 521 ล้านบาทเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วมในปี 2559/2560 เพิ่มเติม จำนวน 173,953 ครัวเรือน เนื่องจากเดิม ครม. เคยมีมติมาตราการเยียวยาดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 วงเงิน 4,747 ล้านบาท จำนวนครัวเรือนที่ช่วยเหลือ 1,580,000 ครัวเรือน อย่างไรก็ตาม ในภายหลังคณะกรรมการระดับจังหวัดสำรวจเพิ่มเติมพบว่ามีจำนวนครัวเรือนที่ประสบภัยทั้งสิ้น 1,780,000 ครัวเรือน และต้องใช้วงเงินทั้งหมด 5,357 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่ากรอบวงเงินเดิมที่ ครม. เคยอนุมัติไว้

เห็นชอบปฏิญญาร่วมว่าด้วยการตรวจและควบคุมเรือฯ

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีของบันทึกความเข้าใจโตเกียวและปารีส ว่าด้วยการตรวจและควบคุมเรือในฐานะรัฐเจ้าของท่า และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างปฏิญญาฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะผู้แทนไทยโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง และอนุมัติให้นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงนามให้การรับรองร่างปฏิญญาร่วมฯ ดังกล่าว

ทั้งนี้ ร่างปฏิญญาร่วมฯ มีสาระสำคัญคือ เป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกบันทึกความเข้าใจปารีสและบันทึกความเข้าใจโตเกียวที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ที่จะร่วมมือและทำงานร่วมกันในระดับภูมิภาคเพื่อมุ่งสู่ “การปกป้องการขนส่งทางทะเลอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน” เพื่อขจัดการขนส่งทางทะเลที่ต่ำกว่ามาตรฐานผ่านการดำเนินการต่างๆ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันของประเทศสมาชิกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม ประเมินผล และตรวจสอบเรือของรัฐเจ้าของท่า การพัฒนาเจ้าหน้าที่ตรวจควบคุมเรือของรัฐเจ้าของท่า และผู้ที่ทำงานบนเรือ การดำเนินการตรวจสอบข้อกล่าวหากรณีทุจริตใดๆ และดำเนินการให้เหมาะสมในกรณีที่ตรวจพบ และการส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกมีโอกาสที่เท่าเทียมกันเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการขนส่ง คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้คนประจำเรือมีสภาพความเป็นอยู่บนเรือที่ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นให้ประเทศสมาชิกปฏิบัติตามมาตรฐานขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization: IMO) และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) ภายใต้การตรวจและควบคุมเรือของรัฐเจ้าของท่าของทั้งสองภูมิภาค

เห็นชอบร่าง MOU ด้านเปิดเผยข้อมูล

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเผยและการใช้ข้อมูลระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (Department of Special Investigation: DSI) แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและการป้องกันเขตแดนแห่งเครือรัฐออสเตรเลียและอนุมัติให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเผยและการใช้ข้อมูลมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) สร้างความสัมพันธ์ให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมเพื่อให้สามารถเปิดเผยข้อมูลและมีความร่วมมือทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง 2) กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบด้านกฎหมาย ด้านการบริหารจัดการ และกระบวนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลและการใช้ข้อมูลดังกล่าวต่อไป (3) ส่งเสริมความสัมพันธ์ผ่านการบริหารจัดการและกระบวนการดำเนินงานตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ สำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย (Australian Border Force: ABF) ได้หารือข้อราชการและความร่วมมือด้านต่างๆ กับ DSI โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเผยและการใช้ข้อมูลระหว่าง DSI แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและการพิทักษ์เขตแดนเครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่จะนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร กฎ ระเบียบ ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลข่าวสาร และความร่วมมือทางด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องเพื่อการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่คุกคามประเทศคู่ภาคีรวมไปถึงการสืบสวนสอบสวน

เผย “พระเมรุมาศฯ” เสร็จทัน ก.ย. นี้แน่นอน

พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กว่าวว่า พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศฯ รายงานที่ประชุม ครม. ถึงความคืบหน้าในการจัดสร้างพระเมรุมาศโดยระบุว่า การจัดสร้างพระเมรุมาศจะเสร็จตามกำหนดเวลาในช่วงเดือนกันยายน 2560 อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ทางกระทรวงวัฒนธรรมจะมีการเชิญชวนสื่อมวลชนมาอบรมเรื่องการใช้คำศัพท์ในพระราชพิธีอย่างถูกต้อง โดยจะแจ้งวันเวลาให้ทราบอีกครั้ง