ThaiPublica > คอลัมน์ > The Intouchables สร้างโลกให้สวยด้วยมิตรภาพ

The Intouchables สร้างโลกให้สวยด้วยมิตรภาพ

3 มกราคม 2016


Hesse004

ย้อนหลังกลับไปมองเหตุการณ์สำคัญรอบโลกเมื่อปีที่แล้ว ดูเหมือนว่าวิกฤติการณ์ผู้ลี้ภัยอพยพย้ายถิ่นฐานไปยุโรป (European migrant crisis) จะเป็นไฮไลท์สำคัญลำดับต้นๆ

นับตั้งแต่อาหรับสปริง (Arab Spring) ในตูนีเซีย เรื่อยมาจนกระทั่งสงครามกลางเมืองของซีเรีย ทำให้สถิติผู้ลี้ภัยอพยพสูงขึ้นร่วมนับล้านคน

…ตามนิยามของ UNHCR คำว่า ลี้ภัย (Refugee) กับ อพยพ (Migrant) นั้นแตกต่างกัน

Refugee หมายถึง บุคคลที่หนีจากภัยสงครามหรือการประหัตประหารโดยข้ามเขตชายแดนระหว่างประเทศเพื่อความอยู่รอด ปลอดภัย แต่ผู้ลี้ภัยไม่สามารถกลับบ้านเกิดของตัวเองได้

ส่วน Migrant คือ บุคคลที่ย้ายถิ่นฐานเพื่อแสวงหาชีวิตความเป็นอยู่หรืออาชีพการงานที่ดีกว่าเดิม ซึ่งผู้อพยพสามารถเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนได้และรัฐบาลยังรับรองคุ้มครองความเป็นพลเมืองอยู่

ทั้งนี้ ปลายทางของผู้ลี้ภัยและผู้อพยพมักเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากพวกเขาต้องการโอกาสในชีวิตที่ดีกว่าเดิม …นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมยุโรปจึงเป็นเป้าหมายหลักของผู้ลี้ภัยและผู้อพยพจากทั่วโลก

อย่างไรก็ดี คลื่นมนุษย์ผู้ลี้ภัยและอพยพหลั่งไหลเข้ายุโรปนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่ปีสองปีที่ผ่านมา

หากย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ร่วมสมัยนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมนีและฝรั่งเศสคือ ประเทศที่มีผู้อพยพย้ายถิ่นเข้ามาตั้งรกรากเป็นจำนวนมาก

กรณีเยอรมนี ผู้อพยพส่วนใหญ่มาจากตุรกีที่ข้ามแดนเข้ามาเยอรมนีตะวันตกช่วงระหว่างทศวรรษที่ 1960-1970

ชาวเติร์กเหล่านี้เริ่มต้นจากการเป็นแรงงานราคาถูกในโรงงานอุตสาหกรรมหนัก หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มลงหลักปักฐานจนกลายเป็น “ดอยช์แมน” ในที่สุด

ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือ นักฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีที่มีนักเตะเชื้อสายเติร์กหลายคน เช่น เมเมต โชล (Mehmet School) เมซุต โอซิล (Mesut Ozil) หรือ เอ็มเร่ ชาน (Emre Can) เป็นต้น

ส่วนวงการฟุตบอลฝรั่งเศส เราได้เห็นนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสจำพวก “ลูกครึ่ง” ผิวสีที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ยุคของ ฌอง ติกาน่า (Jean Tikana) ที่เกิดในประเทศมาลีแต่มาเติบโตและค้าแข้งในฝรั่งเศส เรื่อยมาจนถึงยุคของ “ซิซู” ซีเนดีน ซีดาน (Zinedine Zidane) โคตรบอลฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรีย มาเซล เดอซาลยี (Marcel Desailly) กองหลังระดับโลกเชื้อสายกานา เทียรี อองรี (Thierry Henry) ลิลยอง ตูราม (Lilian Thuram) สองตำนานที่มีเชื้อสายจากหมู่เกาะแถบแคริบเบียน พาทริซ เอฟรา (Patrice Evra) อดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสที่มีเชื้อสายเซเนกัล จนกระทั่งล่าสุด มามาดู ซาโก้ (Mamadou Sakho) ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศส เชื้อสายเซเนกัลอีกเช่นกัน

นักฟุตบอล “ผิวสี” เหล่านี้ ล้วนมาจากครอบครัวผู้อพยพทั้งสิ้น ซึ่งท้ายที่สุด พวกเขากลายเป็นพลเมืองฝรั่งเศสเต็มตัวและก้าวขึ้นไปรับใช้ทีมชาติ บางรายได้รับเกียรติสูงสุดให้เป็นกัปตันทีมชาติก็มี

…ฟุตบอลในฝรั่งเศสจึงเป็นกีฬาที่แสดงให้เห็นการผสมกลมกลืนและ “มิตรภาพ” ที่ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ผิวสีและต้นกำเนิดได้เป็นอย่างดี

การผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมของคนพื้นถิ่นกับคนต่างถิ่นยังปรากฏให้เห็นในภาพยนตร์เช่นกัน โดยเฉพาะในปี 2011 มีภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่องหนึ่งชื่อ The Intouchables ที่กวาดรายได้ถล่มทลายกว่า 345 ล้านยูโร เนื่องจากเป็นหนัง Feel good ที่ดูง่ายและแฝงด้วยข้อคิดเรื่องการอยู่ร่วมกันระหว่างเพื่อนมนุษย์

แก่นของ The Intouchables ฉายให้เห็นการก่อตัวของมิตรภาพระหว่างคนสองคนที่แตกต่างกันทั้งชาติกำเนิด ผิวสี ฐานะ ระดับการศึกษา และรูปแบบการใช้ชีวิต

The Intouchables (2011) หนังฝรั่งเศสที่กวาดรางวัลมากมาย ที่มาภาพ : https://i.ytimg.com/vi/wKyOYtMsb9E/maxresdefault.jpg
The Intouchables (2011) หนังฝรั่งเศสที่กวาดรางวัลมากมาย
ที่มาภาพ: https://i.ytimg.com/vi/wKyOYtMsb9E/maxresdefault.jpg

ฟิลลิป (นำแสดงโดยดาราดังฝรั่งเศส ฟรังซัวร์ ครูเซต Francois Cluzet) มหาเศรษฐีผู้พิการจากอุบัติเหตุ ทำให้เขาเป็นอัมพาตเกือบทั้งตัว แต่โชคดีที่สมองยังสามารถสั่งการได้ ฟิลลิปต้องการผู้ช่วยพยาบาลผู้ชายมาช่วยดูแลเขาให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนปกติ

ด้วยความเป็นเศรษฐีมีเงิน ทำให้เขาเป็นคนเอาแต่ใจ จนไม่มีผู้ดูแลคนไหนทนกับพฤติกรรมเจ้าอารมณ์ของเขาได้

จนกระทั่งมาเจอ “ดริส” (นำแสดงโดยดาราฝรั่งเศสผิวสี โอมาร์ ซี Omar Sy) หนุ่มเซเนกัลที่อพยพมาอยู่ปารีสตั้งแต่เด็ก ดริสใช้ชีวิตแบบไร้อนาคต หากินกับเงินสงเคราะห์ของรัฐ พัวพันกับแก๊งลักเล็กขโมยน้อย ภาพดริสจึงเป็นคนอันตราย หัวขโมย ชอบใช้กำลัง “ห่าม” ไว้ใจไม่ได้ และไร้ซึ่งรสนิยมแบบผู้ดีฝรั่งเศส

บทหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของมหาเศรษฐีฝรั่งเศสและคนดูแลเชื้อสายเฟรนช์แอลจีเรีย ซึ่ง โอลิเวอร์ นาแคชเช (Oliver Nackache) และ อีริก โทลดาโน (Eric Toledano) สองผู้กำกับหนุ่มชาวฝรั่งเศสถ่ายทอดเรื่องราวนี้ผ่านมุมมองที่เต็มไปด้วยมิตรภาพอันอบอุ่น

จริงๆ แล้วหนังแนวมิตรภาพต่างเชื้อชาติที่กระเดียดไปทาง “เหยียดผิว” ตอนเปิดเรื่องนั้น เคยมีหนังเรื่อง Driving Miss Daisy (1989) ซึ่งได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ในปี 1990

Driving Miss Daisy เป็นผลงานการกำกับของ บรูซ เบเรซฟอร์ด (Bruce Beresford) ที่เล่าเรื่องมิตรภาพของคนขับรถผิวสี (นำแสดงโดยมอร์แกน ฟรีแมน Morgan Freeman) และคุณผู้หญิงผิวขาวเจ้าระเบียบ (นำแสดงโดยเจสซิกา แทนดี้ Jessica Tandy) ซึ่งมิตรภาพที่ว่านี้เริ่มต้นแบบไม่ค่อยดีนัก เพราะเจ้านายผิวขาวมี “อคติ” กับคนรับใช้ผิวดำ

แต่ท้ายที่สุด เวลาได้พิสูจน์ให้เห็นความสัมพันธ์ที่จริงใจซึ่งทั้งสองคนมอบให้แก่กัน จนกลายเป็นเพื่อนที่ผูกพันกันมานานกว่า 25 ปี

Driving Miss Daisy และ The Intouchables มีความคล้ายคลึงกันในแง่การสร้างมิตรภาพที่มาจากความต่างกันแบบ “สุดขั้ว” แต่เมื่อมาใช้ชีวิตร่วมกัน ทำให้คนทั้งสองกลับผูกพันฉันญาติมิตร เพื่อนสนิท ที่เข้ามาเป็น “ตะเกียง” ส่องทางในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤติของชีวิต

ฟิลลิปใน The Intouchables ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ซึ่งดริสเป็นคนมอบให้ เช่น การดูแลใส่ใจคนพิการแบบไม่ประคบประหงมจนเป็น “ไข่ในหิน” เหมือนที่ฟิลลิปเคยได้รับการดูแลรักษาตามปกติทั่วไป

ดริสไม่ได้ใช้หลักการใดๆ ในการดูแลผู้ป่วยตามหลักการรักษาดูแลคนป่วย แต่เขากลับใช้ “สัญชาตญาณ” ของความเป็นมนุษย์ที่ช่วยปลดปล่อยให้ฟิลลิปหลุดออกจากสภาวะผู้พิการทางกาย แต่ไม่ได้พิการกำลังใจ

หนังเรื่องนี้เหมือนพยายามสื่อให้เห็นว่า โลกเรายังพอมีความหวังเล็กๆ อยู่บ้างตรงที่เราสามารถสร้างมิตรภาพซึ่งมาจากความแตกต่างหลากหลายภายใต้รากเหง้าของความเป็นมนุษย์เหมือนกัน

นับตั้งแต่ออกฉายในปี 2011 กระแสตอบรับ The Intouchables เป็นไปด้วยดี ถึงขนาดมีการรีเมกหนังในฉบับภาษาอังกฤษและภาษาเตลูกู (ของ Tollywood)

ขณะเดียวกัน The Intouchables ยังเป็นที่ถูกอกถูกใจคอหนังในยุโรป ที่กำลังเผชิญปัญหาผู้อพยพเหมือนกัน เพราะสาระสำคัญของหนังได้สื่อให้เห็นการยอมรับและเคารพในมิตรภาพของเจ้าบ้านกับผู้อพยพมาใหม่

มันจึงเป็นการสร้างโลกให้สวยขึ้นด้วยมิตรภาพที่มาจากความแตกต่างกัน

…แต่เหตุการณ์ความรุนแรงที่สะเทือนขวัญในปารีสตั้งแต่กรณีการกราดยิงผู้คนในสำนักพิมพ์ชาลี เอ็บโด หรือการก่อวินาศกรรมในปารีสเมื่อปลายปีที่ผ่านมา กลับทำให้ความหวังที่จะอยู่กันอย่างฉันเพื่อนร่วมโลกดูจะเลือนลางไปในบัดดล


เทรลเลอร์หนัง The Intouchables

ป้ายคำ :