
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เสนอแก้ไขระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยวิธีการงบประมาณให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพิจารณา ผลปรากฏว่า ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบตัดเรื่องงบราชการลับออกตามที่ สตง. เสนอ เนื่องจากไม่เคยมีการใช้จ่ายงบราชการลับ จึงไม่จำเป็นต้องมีการบัญญัติเรื่องนี้ไว้ในระเบียบ ทั้งนี้ เพื่อเป็นตัวอย่างการสร้างวินัยทางการเงินและการคลังในการบริหารงบประมาณแบบโปร่งใส ตรวจสอบและเปิดเผยต่อสาธารณะได้
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินที่ผ่านมา มีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพิจารณาร่างระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอขอตัดบทบัญญัติที่กล่าวถึงความหมายและการบริหารงบราชการลับออก เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า ภาระหน้าที่ของ สตง. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการด้านความมั่นคงที่ต้องใช้จ่ายเงินจากงบราชการลับ และในทุกๆ ปีที่ผ่านมา การจัดทำคำของบประมาณของ สตง. ไม่เคยจัดทำคำของบประมาณในส่วนนี้ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว และขณะนี้ สตง. กำลังเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป
จากการตรวจสอบฐานข้อมูลสำนักงบประมาณ พบว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับการจัดสรรงบราชการลับจากสำนักงบประมาณ เพื่อนำไปจัดสรรต่อให้ส่วนราชการต่างๆ (ดูกราฟิกประกอบ) มียอดสะสมอยู่ที่ 2,262 ล้านบาท โดยส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรงบราชการลับสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ 5 ปีที่ผ่านมาได้รับการจัดสรรงบลับทั้งสิ้น 1,160 ล้านบาท อันดับ 2 สำนักเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับการจัดสรรงบลับทั้งสิ้น 220 ล้านบาท อันดับ 3 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ได้รับจัดสรรงบลับ 200 ล้านบาท อันดับ 4 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ 100 ล้านบาท และอันดับ 5 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 90 ล้านบาท (คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
เฉพาะในปีงบประมาณ 2559 มีส่วนราชการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ อันดับที่ 1 สำนักข่าวกรองแห่งชาติ 232 ล้านบาท, สำนักงานเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี 60 ล้านบาท สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ 47 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 40 ล้านบาท และกรมสอบสวนคดีพิเศษ 35 ล้านบาท
สำหรับส่วนราชการที่ไม่เคยได้รับจัดสรรงบลับ แต่เพิ่งมาได้ในปีงบประมาณ 2559 ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน 2.37 ล้านบาท และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 2 ล้านบาท