ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 27 กันยายน – 3 ตุลาคม 2558: “ซิงเกิลเกตเวย์เดือด ชาวเน็ตรุมถล่มเว็บรัฐ” และ “สารภาพแล้ว ‘อาเดม’ วางบึ้มเอง”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 27 กันยายน – 3 ตุลาคม 2558: “ซิงเกิลเกตเวย์เดือด ชาวเน็ตรุมถล่มเว็บรัฐ” และ “สารภาพแล้ว ‘อาเดม’ วางบึ้มเอง”

3 ตุลาคม 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 27 ก.ย. – 3 ต.ค. 2558

  • ซิงเกิลเกตเวย์เดือด ชาวเน็ตรุมถล่มเว็บรัฐ
  • พานาฯ ปรับโครงสร้าง 400 ลูกจ้างเข้าโครงการ “จำใจจาก”
  • ครม. อนุมัติ คนไร้สัญชาติรักษาฟรี!!
  • สนองนโยบายเร่งด่วน ครม. เพิ่มราชการกว่า 13,000 อัตรา
  • สารภาพแล้ว “อาเดม” วางบึ้มเอง
  • ซิงเกิลเกตเวย์เดือด ชาวเน็ตรุมถล่มเว็บรัฐ

    ที่มาภาพ: https://goo.gl/ICnz09
    ที่มาภาพ: https://goo.gl/ICnz09

    ยังเป็นประเด็นให้โลกโซเชียลมีเดียติดตามอย่างต่อเนื่อง กับซิงเกิลเกตเวย์ (Single Gateway) หรือก็คือการรวบช่องทางเข้าออกของข้อมูลในอินเทอร์เน็ตภายในและภายนอกประเทศให้เหลือช่องทางเดียว ทำให้ชาวเน็ตทั้งหลายเกิดความกังวลว่า มาตรการดังกล่าวจะนำมาซึ่งการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลด้วยการ “ดักดู” ข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐจะทำได้ง่ายขึ้นภายการใช้ใต้ซิงเกิลเกตเวย์

    ร้อนถึงภาครัฐต้องรีบออกมาแก้ข่าว เช่น คำชี้แจงของ พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาย้ำตั้งแต่อาทิตย์ก่อน (25 ก.ย. 2558) ว่าเป็นเพียงเป็นขั้นตอนการศึกษา ยังไม่ได้นำไปปฏิบัติจริง รวมทั้งมุ่งเน้นบริการประชาชน ไม่ได้ควบคุม หรืออย่างในอาทิตย์นี้ วันที่ 29 ก.ย. 2558 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ก็ออกมายืนยันว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้สั่งดำเนินการ และรัฐบาลจะไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของใครอย่างแน่นอน

    กระนั้น ก็ยังไม่อาจสร้างความไว้วางใจให้กับชาวเน็ต และทำให้ในเวลาต่อมา เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 30 ก.ย. 2558 ได้มีการชักชวนกันในโลกออนไลน์ ให้ชาวเน็ตผู้ไม่เห็นด้วยกับการใช้ซิงเกิลเกตเวย์แสดงการประท้วงเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการเข้าไปที่เว็บไซต์ของกระทรวงไอซีทีช่วงหลัง 22.00 น. แล้วกดปุ่ม F5 บนแป้นคีย์บอร์ดอย่างต่อเนื่องเพื่อทำการรีเฟรชหน้าเว็บติดต่อกันซ้ำๆ วิธีการดังกล่าวนี้เรียกว่า DDoS หรือ Distributed Denial-of-Service ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเรียกดู (หรือก็คือเข้าใช้งาน) เว็บไซต์เป้าหมายพร้อมๆ กันเป็นจำนวนมหาศาล และเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานจำนวนมากขนาดนั้นไม่ได้ก็จะมีอันต้องล่มไปในที่สุด

    แต่ยังไม่ทันถึงเวลานัดหมาย เพียงไม่นานหลังคำเชิญชวนแพร่กระจายออกไป เว็บไซต์ของกระทรวงไอซีทีก็มีอันต้องล่มไปไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว

    จากนั้น ก็มีเว็บไซต์ต่างๆ ทยอยล่มไปอีก ได้แก่ เว็บไซต์ กสท, กอ.รมน., ทำเนียบรัฐบาล, สำงานปลัดกระทรวงกลาโหม, ทีโอที และแม้กระทั่งเว็บไซต์ของพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังล่มกับเขาด้วย

    วันรุ่งขึ้น (1 ต.ค. 2558) เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ รักษาราชการแทนที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านสืบสวนทางเทคโนโลยีและนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. กำลังตรวจสอบความเสียหายเกี่ยวกับกรณีการทำ DDoS ดังกล่าว เพื่อดำเนินการเอาผิดตามพระราชบัญญติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 10 ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 13 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากเป็นการกระทำให้เกิดความเสียหายและส่งผลกระทบต่อการทำงานของภาครัฐ

    ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความส่วนตัวถึงปัญหาการไม่เห็นด้วยในเรื่อง ซิงเกิลเกตเวย์ ว่า เรื่องดังกล่าวเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีเพียงให้ศึกษาข้อเท็จจริงเรื่องซิงเกิลเกตเวย์ ตามที่มีผู้นำเสนอในบริบทของความมั่นคง นายกรัฐมนตรียังไม่เคยพูดสักคำว่าจะใช้ระบบดังกล่าว แต่ก็มีการนำไปพูดจาขยายผล เราทุกคนทราบกันอยู่ว่าการให้ความรู้ความเข้าใจมีความสำคัญเป็นอันดับแรกในสังคมโลกออนไลน์ปัจจุบัน หรือที่เราเรียกตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่า “การสร้างภูมิคุ้มกัน” คือการมีความรู้แม้แต่วุฒิภาวะอันควรที่จะไม่เชื่ออะไรได้โดยง่ายหรือถูกหลอกลวงง่าย แต่ปัญหาสังคมวันนี้เกิดขึ้นจากการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จ การสร้างข่าวลือ การให้ร้ายป้ายสี และการสร้างศัตรูทางการเมืองที่ถือเป็นภยันตรายต่ออุดมการณ์

    นอกจากนี้ ข่าวสดยังรายงานท้ายข่าวคำโพสต์ของ ม.ล.ปนัดดา ว่า ในโลกออนไลน์มีการแชร์หนังสือเรื่องข้อสังการของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 3 ก.ค. 2558 ลงนามโดยนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ระบุข้อสั่งการของนายกฯ ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2558 โดยมีข้อสั่งการข้อ 4. ระบุว่า ตามที่ ครม. มีมติ (4 ส.ค. 2558) ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาตรการและโครงการสำคัญต่างๆ เร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีงบประมาณ 2558 ซึ่งรวมถึงการจัดตั้ง Single gateway ที่ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือน ส.ค. 2558 นั้น ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่งรัดการดำเนินการเรื่องดังกล่าวและรายงานความคืบหน้าในนายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือน ก.ย. 2558 ต่อไปด้วย

    ล่าสุด วันที่ 2 ต.ค. 2558 มติชนออนไลน์รายงานว่า นายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จุดยืนของสมาคมคือไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ดำเนินโครงการซิงเกิลเกตเวย์ เนื่องจากโครงการดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิการเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต โครงการดังกล่าวจะต้องมาศึกษารายละเอียดก่อนว่าจะมีระดับในการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ มากน้อยเพียงใด โดยหากเป็นแบบประเทศจีนที่ปิดกั้นทุกช่องทาง จะมีหลายฝ่ายออกมาต่อต้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยไม่มีอำนาจเหมือนจีน

    “ซิงเกิลเกตเวย์ ถ้าเป็นในเรื่องของความมั่นคง สิ่งที่จะนำไปสู่ความมั่นคงของประเทศก็คงต้องหาวิธีทางอื่นๆ ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นซิงเกิลเกตเวย์ เพราะจะต้องดูในเรื่องของความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการประกอบธุรกิจ หรือบุคคล ทางสมาคมจะมีการหารือกับสมาชิกและประกาศจุดยืนต่อไป” นายศุภชัยกล่าว

    พานาฯ ปรับโครงสร้าง 400 ลูกจ้างเข้าโครงการ “จำใจจาก”

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์นักข่าวพลเมือง http://www.citizenthaipbs.net/node/6762
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์นักข่าวพลเมือง http://www.citizenthaipbs.net/node/6762

    วันที่ 1 ต.ค. 2558 เว็บไซต์นักข่าวพลเมืองรายงานว่า วันที่ 30 ก.ย. 2558 บริษัทพานาโซนิค แอ็พไลแอ็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดจ่ายเงินค่าชดเชยและเงินพิเศษให้คนงานพานาโซนิคกว่า 400 คนที่ได้เข้าโครงการสมัครใจลาออก ตามที่บริษัทพานาโซนิค แอ็พไลแอ็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดให้คนงานเข้าโครงการโดยมีข้อเสนอจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย เงินพิเศษตามอายุงาน ค่าตกใจ 2 เดือน และโบนัส 9-10 เดือน ซึ่งทางบริษัทฯ ได้มีการประกาศล่วงหน้าตั้งแต่เดือนเมษายนให้เข้าโครงการให้วันที่ 1 พฤษภาคม-มิถุนายน 2558 ซึ่งมีคนงานที่เข้าโครงการสมัครใจลาออกเกือบ 400 คน

    นายเฉลย สุขหิรัญ ประธานสหภาพแรงงานพานาโซนิคแห่งประเทศไทยกล่าวถึงสถานการณ์การเปิดโครงการสมัครใจลาออกของบริษัทฯ ว่า บริษัทฯ ได้ชี้แจงต่อคนงานว่า ต้องการปิดแผนกการผลิต 2 แผนก คือ แผนกผลิตหม้อหุงข้าวกับแผนกผลิตกระติกน้ำร้อนโดยใช้หลักการเปิดสมัครใจลาออกแทนการเลิกจ้าง และจะจ่ายค่าชดเชยให้ตามกฎหมายพร้อมเงินพิเศษ

    การปิดแผนกงานครั้งนี้นายจ้างอ้างว่า ต้องการปิดการผลิตเพราะต้องการปรับโครงสร้างใหม่ จึงต้องยุบบางแผนกลง และสหภาพแรงงานเพิ่งทราบจากผู้บริหารบริษัทอีกว่า ได้มีการย้ายฐานการผลิตแผนกกระติกน้ำร้อนไปยังนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ส่วนหม้อหุงข้าวได้ย้ายฐานไปประเทศมาเลเซียกับอินเดีย

    ในส่วนของโรงงานในนิคมอมตะนครได้เปิดให้มีคนงานส่วนหนึ่งย้ายตามไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ต้องให้เข้าโครงการสมัครใจลาออก ด้วยทั้ง 2 แผนกการผลิตนั้นคนงานส่วนใหญ่ทำงานมานาน อายุงานเฉลี่ยก็เป็น 10 ปี และอายุคนงานก็เฉลี่ยที่ 37-54 ปีแล้ว ได้ค่าชดเชยอยู่ที่ประมาณ 15-20 เดือน บวกเงินขอบคุณและเงินพิเศษอื่นๆ อีก

    “ในฐานประธานสหภาพแรงงานรู้สึกเสียดายเพราะคนที่ออกเป็นกลุ่มสมาชิกรุ่นเก่าและกรรมการส่วนหนึ่งที่ต้องจำใจสมัครใจลาออกไป ซึ่งในส่วนของแผนกหม้อหุงข้าวถือว่าเป็นสมาชิกที่ร่วมกันทำงานมานานให้กับบริษัทและเป็นรุ่นก่อตั้งสหภาพแรงงานด้วย ซึ่งตอนนี้ก็คงต้องมาปรับกระบวนการในสหภาพแรงงาน และปรึกษาหารือกับกรรมการสหภาพแรงงานใหม่ที่จะเข้ามาช่วยกันทำงานองค์กร” นายเฉลยกล่าว

    ทั้งนี้ บริษัท พานาโซนิค แอ็พไลแอ็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (PAPTH) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ถนนบางนา-ตราด กม.36 ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

    ครม. อนุมัติ คนไร้สัญชาติรักษาฟรี!!

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ http://www.posttoday.com/social/health/391457
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ http://www.posttoday.com/social/health/391457

    เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค. นายสุรพงษ์ กองจันทึก กรรมการกำหนดแนวทางการปฏิบัติ ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 23 มี.ค. 2553 กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย. เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขได้ขึ้นทะเบียนบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิที่ได้ตรวจสอบความถูกต้องกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร กระทรวงมหาดไทย จำนวน 626,027 คน เรียบร้อยแล้ว โดยแบ่งเป็นกลุ่มตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 23 มี.ค. 2553 ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายเดิม จำนวน 465,992 คน และกลุ่มตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 20 เม.ย. 2558 ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ จำนวน 160,035 คน

    นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นชนกลุ่มน้อย และบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนที่เกิดหรืออยู่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว ผ่านการจัดทำทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติและตรวจสอบการอาศัยอยู่จริงในประเทศไทย รวมถึงลูกที่เกิดในประเทศไทย ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติในการให้บริการสาธารณสุข เนื่องจากไม่สามารถใช้บริการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ โดยกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดเลข 13 หลักและจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนไว้ให้ คนเหล่านี้สามารถใช้บัตรประจำตัวแสดงที่โรงพยาบาลเพื่อขอใช้สิทธิได้ทันที เนื่องจากรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณปี 2559 จำนวน 1,279,152,900 บาทไว้ให้แล้ว เฉลี่ย 2,043.29 บาทต่อคน

    ส่วนคนที่ตกหล่นไม่มีชื่อในฐานข้อมูล จะให้หน่วยงานบริการส่งข้อมูลเอกสารมาให้กลุ่มประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบและลงทะเบียนต่อไป แต่หากเป็นบุตรแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานข้ามชาติหรือผู้ติดตามแรงงานข้ามชาติ สามารถซื้อประกันสุขภาพในราคา 365 บาทต่อปี ได้ที่สถานบริการ

    อย่างไรก็ตาม กรณีกลุ่มเด็กนักเรียนในสถานศึกษาที่ไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก จำนวนประมาณ 70,000 คน ทางกระทรวงสาธารณสุขจะหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ตัวตน ตัวเลข และสถานะในปัจจุบันที่ชัดเจน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอการสนับสนุนในการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขต่อไป

    สนองนโยบายเร่งด่วน ครม. เพิ่มราชการกว่า 13,000 อัตรา

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เอ็มไทย http://goo.gl/rhoSYa
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เอ็มไทย http://goo.gl/rhoSYa

    วันที่ 30 ก.ย. 2558 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เสนอ ให้เพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ รวม 13,280 อัตรา ใน 7 ส่วนราชการ ตามมติ คปร. คือ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจำนวน 307 อัตรา กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จำนวน 841 อัตรา กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จำนวน 1,794 อัตรา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กระทรวงยุติธรรม 325 อัตรา กระทรวงการต่างประเทศ 7 อัตรา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี 143 อัตรา และกระทรวงสาธารณสุข 9,863 อัตรา

    รวมทั้งให้ส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำความเห็นของ คปร. ไปพิจารณาดำเนินการด้วย และมอบหมายให้สำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคคลสำหรับอัตราข้าราชการใหม่ โดยในปีแรกมีค่าใช้จ่ายด้านบุคคล จำนวน 3,357,883,314 บาท

    “โดยการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่นั้นเนื่องจากส่วนราชการมีภารกิจที่จะต้องดำเนินการนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลหรือตามยุทธศาสตร์ประเทศ จึงมีความต้องการอัตรากำลังเพื่อให้สามารถดำเนินการได้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุอาจไม่เพียงพอหรือไม่ทันต่อความต้องการใช้อัตรากำลังของส่วนราชการ ซึ่งจะส่งผลต่อขีดความสามารถของหน่วยงานในการดำเนินงานตามนโยบายและภารกิจที่มีความเร่งด่วน”

    สารภาพแล้ว “อาเดม” วางบึ้มเอง

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/528935
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/528935

    ปลายปีกำลังใกล้เข้ามาและดูเหมือนว่าคดีระเบิดกลางเมืองบริเวณแยกราชประสงค์ก็กำลังจะจบลง โดยเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2558 เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า นายบิลลา โมฮัมเหม็ด หรือ อาเดม คาราดัก ผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าวได้สารภาพกับนายชูชาติ กันภัย ทนายความ ว่าตนเองเป็นผู้ต้องหาในดคีลอบวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ อีกทั้งยังเป็นชาวอุยกูร์โดยกำเนิดด้วย โดยการวางระเบิดนั้นเป็นไปตามคำสั่งของนายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน หนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งเป็นนายหน้าพานายอาเดม ข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้ ทั้งสองเพิ่งรู้จักกัน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

    “ส่วนสาเหตุที่ยอมทำตามคำสั่งลูกความไม่ได้เปิดเผย แต่ส่วนตัวเชื่อว่า อาจเป็นเพราะบุญคุณที่นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน สัญญาว่า จะนำพาไปยังประเทศที่สาม ทั้งนี้ นายอาเดม ยังยอมรับว่า เป็นคนเดียวกับที่ใส่เสื้อสีเทา มีข้อความ สกรีนไอเลิฟไทยแลนด์จริง โดยนายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มานเป็นคนซื้อมาให้ แต่ยังไม่มีการซัดทอดถึงคนอื่นเพิ่มเติม และปฏิเสธว่า ไม่เคยรู้จักกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคนอื่นๆ ในคดีนี้ ส่วนแนวทางการสู้คดี ผมต้องการล่ามที่พูดภาษาอุยกูร์ได้เท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารในภาษาอังกฤษ หรือภาษาตุรกี ได้คล่อง ผมเองในฐานะทนายความเตรียมทำรายงานมูลเหตุจูงใจเสนอต่อศาลทหาร กรุงเทพฯ เพื่อพิจารณา ผ่อนปรนโทษเนื่องจากให้การรับสารภาพ” นายชูชาติ กล่าว