วันนี้ (30 กันยายน 2558) เวลา 14.00 น. นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ได้แถลงถึงมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 702-74/2558 ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหานายเจริญโรจน์ ลั่นทมทอง หรือรัตนวิจัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา เรียกและรับเงินจากจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.244/2543 ของศาลฎีกา และได้เขียนความเห็นช่วยเหลือจำเลยให้ไม่ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง
นอกจากนี้ยังเห็นว่า ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา (ผู้ช่วยใหญ่) มีอำนาจหน้าที่ ทางวิชาการในการตรวจสอบความถูกต้องของร่างคำพิพากษาและคำสั่งของศาลฎีกา ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนทำความเห็นช่วยเหลือจำเลยมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และปฏิบัติหน้าที่ราชการส่อไปในทางทุจริต ไปพบผู้พิพากษาที่รับโอนสำนวนก่อนยกร่างคำพิพากษาและติดตามร่างคำพิพากษาอย่างใกล้ชิดผิดปกติวิสัยของผู้ช่วยผู้พิพากษา (ผู้ช่วยใหญ่) ทำบันทึกทักท้วงผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเพื่อให้ศาลฎีกามีคำพิพากษารอการลงโทษ โดยอ้างอิง คำพิพากษาประกอบบันทึกทักท้วง ซึ่งมิได้มีข้อเท็จจริงที่ใกล้เคียงกับคดีนี้ และแนบคำแถลงขอรอการลงโทษจำคุกพร้อมเอกสารและภาพถ่ายการประกอบคุณงามความดีของจำเลยไปท้ายร่างคำพิพากษาเพื่อช่วยเหลือจำเลย มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง
จากพยานหลักฐานรับฟังได้ว่า การกระทำของนายเจริญโรจน์ ผู้ถูกกล่าวหา เป็นการกระทำความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาแก่นายเจริญโรจน์ ผู้ถูกกล่าวหา ตามมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
สำหรับการดำเนินการทางวินัยนั้น สำนักงานศาลยุติธรรมได้ดำเนินการทางวินัยและได้มีคำสั่ง ที่ 676/2545 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2545 ลงโทษไล่ผู้ถูกกล่าวหาออกจากราชการเสร็จสิ้นและเป็นไปโดยชอบแล้ว และไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่า การดำเนินการนั้นไม่เที่ยงธรรม กรณีจึงไม่จำเป็นต้องดำเนินการทางวินัยแก่ผู้ถูกกล่าวหาอีกต่อไป