ThaiPublica > เกาะกระแส > ป.ป.ช. ชี้มูล “บิ๊ก สกสค.” 20 คน ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เงินกองทุนครูเสียหาย 2,500 ล้าน

ป.ป.ช. ชี้มูล “บิ๊ก สกสค.” 20 คน ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เงินกองทุนครูเสียหาย 2,500 ล้าน

15 มิถุนายน 2017


(ภาพจากซ้ายไปขวา)นายสุรศักดิ์ โยธา พนักงานไต่สวนเชี่ยวชาญ, นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายวณิชย์ ศุภวณิชย์สกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการ

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2560 นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับนายวณิชย์ ศุภวณิชย์สกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการ และนายสุรศักดิ์ โยธา พนักงานไต่สวนเชี่ยวชาญ ชี้มูลคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ กองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) อนุมัติเงินจากกองทุน ช.พ.ค. จำนวน 2,500 ล้านบาท ไปซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด โดยมิชอบ

นายสรรเสริญกล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2560 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดอดีตคณะกรรมการบริหารกองทุน ช.พ.ค. สังกัดสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. กับพวก รวม 20 ราย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีอนุมัติเงินกองทุน ช.พ.ค. ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัดจำนวน 2,100 ล้านบาทและ 400 ล้านบาท เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี โดยที่ไม่มีหลักประกันเงินกู้ที่ชัดเจน สุดท้ายบริษัทบิลเลี่ยนฯ ไม่สามารถคืนเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยให้กองทุน ช.พ.ค. ได้ ทำให้กองทุนได้รับความเสียหาย 2,500 ล้านบาท โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 20 คนมีรายชื่อดังนี้

1. นายเกษม กลั่นยิ่ง 2. นายสมศักดิ์ ตาไชย 3. นายสุรเดช พรหมโชติ 4. นายประวิทย์ บึงไสย์ 5. นายนเรศ แสนมูล 6. นายสมศักดิ์ ทองแก้ว 7. นายอุดม รูปดี 8. ว่าที่ร้อยตรีเทพสุจินต์ พงษ์สวัสดิ์ 9. นางปิยธิดา พลน้ำเที่ยง 10. นายนิเทศน์ บัวตูม 11. นายเพทาย ทองมหา 12. นางปิยาภรณ์ เยาวาจา 13. นายพรเทพ มุสิกวัตร 14. นางมยุรี ตัณฑวัล 15. นายสุเทพ ริยาพันธ์ 16. นางสาวกัญญาณัฐ แจ่มมี 17. บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด 18. นายสิทธินันท์ หลอมทอง 19. นายมงคล เยี่ยงศุภพานนทร์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด และในฐานะส่วนตัว 20. นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด และในฐานะส่วนตัว

เรื่องดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยมีศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ เป็นประธานอนุกรรมการ นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. และนางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นอนุกรรมการ

จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2556 สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ได้รับหนังสือเชิญชวนบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา นายสิทธินันท์ หลอมทอง และนายมงคล เยี่ยงศุภพานนทร์ เป็นกรรมการผู้จัดการ จากนั้น คณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. ในการประชุมครั้งที่ 15/2556 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2556 เวลา 18.00 น. ได้มีมติอนุมัติให้นำเงินของกองทุนฯ ไปซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด จำนวน 2,100 ล้านบาท โดยพิจารณาจากเอกสารของบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ที่เชิญชวนเพียงฉบับเดียว ทั้งที่ในหนังสือเชิญชวนได้กำหนดเงื่อนไขว่าจะมีธนาคารเป็นผู้อาวัลเต็มจำนวน ดอกเบี้ยร้อยละ 7 กำหนดเวลา 1 ปี 1 วัน ไม่มีการพิจารณาในรายละเอียดหรือเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นสถานะของบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2555 ทุนจดทะเบียนและผลประกอบการ และไม่ทำการตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับการอาวัลของธนาคารอันเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้การซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินสมบูรณ์ตามคำเชิญชวนนั้นด้วย และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีความจำเป็นต้องเร่งรีบพิจารณาและอนุมัติซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทฯ โดยปราศจากการตรวจสอบข้างต้น ภายหลังจากวันที่อนุมัติเพียง 2 วัน กลับเร่งรีบโอนเงินจำนวน 2,100 ล้านบาทให้กับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ซึ่งภายหลังบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ก็ไม่มีการขอให้ธนาคารพาณิชย์ใดๆ ทำการอาวัลเพื่อรับรองตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว

แม้ต่อมาระหว่างรอการอาวัลโดยธนาคาร บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด จะได้นำหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน เช็คของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และดราฟต์ของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้คอร์เปอเรชั่น จำกัด มูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,200 ล้านบาท) ให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกัน แต่จากการตรวจสอบปรากฏข้อเท็จจริงว่า ราคาประเมินที่ดินรวมเป็นเงินประมาณ 37 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนเช็คก็ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ และดราฟต์ก็เป็นของปลอม

ต่อมา ระหว่างที่บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ยังไม่สามารถหาธนาคารมาอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินได้ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 คณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ก็ยังอนุมัติเงินเพิ่มอีก 400 ล้านบาทไปซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ทั้งที่ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับแรกก็ยังไม่มีการอาวัล และภายหลังการอนุมัติตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 400 ล้านบาทดังกล่าว ก็ไม่มีการอาวัลเช่นเดียวกัน

แม้ต่อมาบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด จะได้ทำใบหุ้นของสโมสรฟุตบอลเรดดิ้ง จำนวน 50 ล้านหุ้น หุ้นละ 1 ปอนด์มาวางเป็นประกัน แต่ก็ปรากฏว่าเป็นใบหุ้นปลอม และเมื่อตัวสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับใกล้ครบกำหนดเวลาชำระเงินคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ กลับยินยอมขยายเวลาในการชำระหนี้ให้แก่บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ออกไปอีก จากเดิมจะครบกำหนดวันที่ 28 ธันวาคม 2557 ขยายไปเป็นวันที่ 31 มกราคม 2558 และปรากฏข้อเท็จจริงว่าเงินสกุลโครเอเชียจำนวน 950,000,000 HRK ที่บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด นำมาวางเพื่อขอขยายระยะเวลานั้น แม้จะเป็นเงินสกุลโครเอเชียจริงแต่ได้มีการเลิกใช้ไปแล้ว

จากพฤติการณ์ดังกล่าวของคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. ที่อนุมัติเงินของกองทุนฯ จำนวน 2,100 ล้านบาทและ 400 ล้านบาท จึงเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ได้รับเงินทั้งจำนวน 2,100 ล้านบาทและ 400 ล้านบาทดังกล่าวไปโดยมิชอบและโดยทุจริต เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อกองทุนฯ และสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. โดยการกระทำของคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. มีมูลความผิดตามกฎหมายอาญาและความผิดวินัย ดังนี้

1. นายเกษม กลั่นยิ่ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 มาตรา 8 และมาตรา 11 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91

2. นายสมศักดิ์ ตาไชย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายสุรเดช พรหมโชติ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นายนิเทศน์ บัวตูม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 นายเพทาย ทองมหา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 นางปิยาภรณ์ เยาวาจา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 นายพรเทพ มุสิกวัตร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 นางมยุรี ตัณฑวัล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 14 นายสุเทพ ริยาพันธ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 และนางสาวกัญญาณัฐ แจ่มมี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16 ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยได้รับเงินเดือนจากสำนักงานฯ มีมูลเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามระเบียบสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาว่าด้วยวินัยและการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2552 ข้อ 6 ข้อ 8 ข้อ 9 วรรคสอง และข้อ 19 และมีความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 มาตรา 8 และมาตรา 11 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

3. นายประวิทย์ บึงไสย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 นายนเรศ แสนมูล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นายสมศักดิ์ ทองแก้ว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นายอุดม รูปดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 และว่าที่ร้อยตรี เทพสุจินต์ พงษ์สวัสดิ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ซึ่งเป็นกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. และดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันการศึกษา หรือผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

4. นางปิยธิดา พลน้ำเที่ยง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 กรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. และผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน มีความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 มาตรา 8 และมาตรา 11 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

5. บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 17 นายสิทธินันท์ หลอมทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 18 นายมงคล เยี่ยงศุภพานนทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 และนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 20 มีความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงานตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมาตรา 91 และมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 และมาตรา 91

ป้ายคำ :