ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 30 สิงหาคม – 5 กันยายน 2558: “บึมราชประสงค์คืบ รวบสองผู้ต้องสงสัยหน้าคล้ายภาพสเกตช์” และ “จับแล้ว มือยิงสมยศ อ้าง รับจ้างเพื่อแทนคุณ”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 30 สิงหาคม – 5 กันยายน 2558: “บึมราชประสงค์คืบ รวบสองผู้ต้องสงสัยหน้าคล้ายภาพสเกตช์” และ “จับแล้ว มือยิงสมยศ อ้าง รับจ้างเพื่อแทนคุณ”

5 กันยายน 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 30 สิงหาคม – 5 กันยายน 2558:

  • บึมราชประสงค์คืบ รวบสองผู้ต้องสงสัยหน้าคล้ายภาพสเกตช์
  • ชาวเน็ตจวก-กทม. แจง ฮาร์ดดิสก์ซีซีทีวีลูกละแปดแสน
  • เล็งปรับฐานข้อมูลเสียภาษี อายุ 15 – ชาวนา ต้องยื่นแบบแสดงรายได้
  • ลงโทษแล้ว รองฯ ตบเด็ก เฉือนเงินเดือน 5% 1 เดือน
  • จับแล้ว มือยิงสมยศ อ้าง รับจ้างเพื่อแทนคุณ
  • บึมราชประสงค์คืบ รวบสองผู้ต้องสงสัยหน้าคล้ายภาพสเกตช์

    ที่มาภาพ: http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000098659
    ที่มาภาพ: http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000098659

    หลังจากมีทีท่าว่าจะไม่มีความคืบหน้ามาเกือบสองสัปดาห์ ในที่สุด ในช่วงรอยต่อระว่างประเด็นฮอตฯ สัปดาห์ที่แล้วกับสัปดาห์นี้ คดีระเบิดที่ย่านราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา ก็กลับมีความคืบหน้าอย่างก้าวกระโดด

    ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต. สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บชน. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกว่า 100 นาย สนธิกำลังเข้าปิดล้อมอพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก ถนนเชื่อมสัมพันธ์ ซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพฯ หลังสืบทราบมีการประกอบระเบิด และซุกซ่อนวัตถุระเบิด

    จากการตรวจค้น พบอุปกรณ์และวัตถุที่ใช้สำหรับประกอบระเบิดจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกปรายแบบกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 ซม. ชนิดเดียวกับที่พบที่ราชประสงค์และท่าเรือสาทร จึงได้ควบคุมชายชาวต่างชาติซึ่งเป็นผู้เช่าห้องพักดังกล่าวไว้สอบสวน โดยพบว่าชายคนดังกล่าวถือพาสปอร์ตตุรกี ระบุชื่อนายอาเดม คาราดัก (Mr.Adem Karadag) อายุ 29 ปี สัญชาติตุรกี เป็นชาวเมืองอิสตันบูล แต่ทั้งนี้ ยังไม่มีการระบุสัญชาติที่แท้จริงของผู้ต้องสงสัยรายนี้ เนื่องจากอาจถือพาสปอร์ตปลอมก็เป็นได้

    ต่อมา วันที่ 2 ก.ย. 2558 ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ในวันที่ 1 ก.ย. 2558 ทหารกองกำลังบูรพา ตำรวจ ทหารพราน ตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดสระแก้ว สนธิกำลังร่วมกันออกลาดตระเวน และสกัดกั้นการหลบหนี ของ นายมิราลลี ยูสูฟู ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดไว้ได้ ขณะกำลังลัดเลาะป่าหลบหนีเข้าประเทศกัมพูชา บริเวณทิศเหนือตลาดโรงเกลือ ห่างจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดล่อแหลมไม่มีเขตแดนทางธรรมชาติกั้นแนวชายแดน

    ที่มาภาพ: http://www.thairath.co.th/content/522410
    ที่มาภาพ: http://www.thairath.co.th/content/522410

    จากการควบคุมตัวในทั้งสองกรณี เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่าhttp://www.bangkokbiznews.com/news/detail/663906 พ.อ. วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เผยว่าขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องสงสัย และจากผลการสอบปากคำผู้ต้องสงสัย และพยานบุคคลต่างๆ ประกอบกับภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 8 หมาย ประกอบด้วย

    1. ชายสวมเสื้อสีเหลือง ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ 2. ชายสวมเสื้อสีฟ้า ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทร 3. ชายต่างชาติ จำนวน 3 คน ที่อาจเกี่ยวข้องกับการครอบครองวัตถุระเบิดในห้องเช่าพูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ เขตหนองจอก 4. ชายต่างชาติ จำนวน 1 คน ที่อาจเกี่ยวข้องกับการครอบครองวัตถุระเบิดในห้องเช่าหอพักไมมูณา การ์เด้น โฮม เขตมีนบุรี 5. นางสาววรรณา สวนสัน ผู้ทำสัญญาเปิดเช่าห้องพัก และล่าสุด 6. นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สัญชาติตุรกี ซึ่งเป็นสามีของนางสาววรรณา ทั้งนี้ การออกหมายดังกล่าว ดำเนินการบนหลักพื้นฐานที่เป็นสากล ของการดำเนินคดีในชั้นสืบสวนสอบสวน จะเป็นไปตามสมมุติฐานของแนวทางการสืบสวนอันใดก็ตาม จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบของพยานหลักฐานต่างๆ มาสนับสนุนอย่างเพียงพอ

    อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้ถูกออกหมายจับ ตามรายงานของไทยรัฐออนไลน์นั้น สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่า คือ น.ส.วรรณา โทรศัพท์มาให้สัมภาษณ์กับพวกเขา (เอเอฟพี) โดยเธอยืนยันว่าตอนนี้เธออาศัยอยู่ในเมืองไกเซรีของประเทศตุรกีกับสามี และเดินทางกลับประเทศไทยครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 เดือนก่อน และเธอไม่ได้กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอมานานเกือบ 1 ปีแล้ว แต่ให้เพื่อนของสามีเช่าห้องดังกล่าว

    หญิงซึ่งอ้างตัวเป็น น.ส.วรรณา ระบุด้วยว่า เธอตกใจมาก หลังทราบเรื่องจากเพื่อนชาวไทยของเธอว่า เธอถูกออกหมายจับในไทย ฐานะผู้ต้องสงสัยอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ โดยตอนนี้เธอกำลังติดต่อกับตำรวจไทยและพร้อมจะให้ความร่วมมือกับการสืบสวนด้วยความยินดี

    ชาวเน็ตจวก-กทม. แจง ฮาร์ดดิสก์ซีซีทีวีลูกละแปดแสน

    ที่มาภาพ: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440921424
    ที่มาภาพ: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440921424

    วงจรปิดเจ้าปัญหาดูจะมีปัญหามากขึ้นไปจนถึงระดับของการจัดซื้อจัดจ้างและบำรุงรักษา โดยมติชนออนไลน์รายงานเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2558 ว่า นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีในโซเชียลมีเดียได้วิพากษ์วิจารณ์ใบประมาณราคางานจ้างเหมาบำรุงรักษาระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดหรือกล้องซีซีทีวีรวมอุปกรณ์ทำงาน พร้อมเชื่อมโยงระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เข้าศูนย์บริหารจัดการ พื้นที่ 2 ของกองพัฒนาระบบจราจร สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. มาเผยแพร่ ซึ่งระบุวันกำหนดราคากลางไว้เมื่อ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นจำนวนเงินงบประมาณ 22,900,000 บาท โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างบำรุงรักษาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีราคาสูงกว่าท้องตลาดเป็นอย่างมาก อาทิ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลขนาดไม่น้อยกว่า 4 TB ถูกตั้งราคาไว้ 8 แสนบาทต่อหน่วย และมีการจัดซื้อจัดจ้างซ่อมบำรุง ถึง 19 ตัว รวมเป็นเงิน 15,200,000 บาท

    นายอมร กล่าวว่า ในการตั้งวงเงินงบประมาณงานจ้างเหมาบำรุงรักษาระบบกล้องซีซีทีวี จะกำหนดพร้อมกับการจัดซื้อกล้อง โดยตามสัญญาผู้รับเหมาต้องดูแลรักษาเป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งประเด็นที่ในโลกออนไลน์กำลังวิพากษ์วิจารณ์นั้น ตนยังไม่เห็นใบประมาณราคาดังกล่าว จึงขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงราคาจัดซื้ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลว่าสูงกว่าท้องตลาดนั้น ขอชี้แจงว่าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลของกล้องซีซีทีวีมีความแตกต่างจากล้องทั่วไปมาก จึงมีราคาสูง เนื่องจากต้องบันทึกข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง และต้องส่งข้อมูลอย่างรวดเร็วอีกด้วย

    เล็งปรับฐานข้อมูลเสียภาษี อายุ 15 – ชาวนา ต้องยื่นแบบแสดงรายได้

    ชาวนาศรีสะเกษ

    วันที่ 2 ก.ย. 2558 ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า กรมสรรพากรกำลังพิจารณาร่างกฎหมายเพื่อสร้างความเชื่อมโยงข้อมูลการเสียภาษีเข้ากับทะเบียนราษฎรและบริการภาครัฐทั้งระบบ เพื่อสามารถจัดสรรสวัสดิการด้านต่างๆ ให้กับประชาชนอย่างเหมาะสมและตรงกับกลุ่มความต้องการมากขึ้น

    นายประสงค์ พูรธเนศ อธิบดีกรมสรรพการ ได้กล่าวยกตัวอย่างถึงกรณีของเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 600 บาทต่อคนต่อเดือน แต่หากเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลแล้วพบว่าเป็นผู้สูงอายุที่อยู่กับบุตรหลานซึ่งสามารถดูแลได้ ก็อาจลดเงินส่วนนี้ไปสมทบแก่ครอบครัวอื่นที่มีความจำเป็นมากกว่า ทำให้อาจจะเพิ่มเป็น 2,000 บาทต่อคนต่อเดือนก็ได้

    นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากกรมสรรพากรอีกรายกล่าวว่า ในการประชุมร่วมกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เน้นในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี โดยมีนโยบายให้ปรับปรุงพัฒนาระบบ e-Tax receipt (ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอกนิกส์) และ e-Tax invoice (ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์) เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงกับระบบธนาคาร ขณะเดียวกัน จะใช้สิทธิประโยชน์มาจูงใจประชาชนเข้ามายื่นแบบแสดงรายได้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะให้ผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยตามกฎหมายแรงงานยื่นแบบแสดงรายได้ แม้ว่าคนกลุ่มนี้อาจมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี

    “เป้าหมายคือ คนไทยทุกคนเบื้องต้นอาจอายุ 15 ปีขึ้นไป ให้เข้ามายื่นแบบแสดงรายได้ และให้สิทธิประโยชน์จูงใจ เช่น ถ้ารายได้ไม่ถึงเกณฑ์จะได้ขึ้นรถเมล์ รถไฟฟรี ใช้น้ำฟรี ไฟฟรี 50 หน่วย ซึ่งรายละเอียดพวกนี้ต้องเคาะอีกทีเพราะต้องคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” แหล่งข่าวกล่าว

    ด้าน รมว.คลัง กล่าวว่า จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี โดยอยากให้เพิ่มเติมใน 2 เรื่อง ได้แก่ การนำระบบชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) มาแทนการใช้เงินสด ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพกับการจัดเก็บภาษี สามารถตรวจสอบได้ทันที และสามารถขยายฐานภาษีได้มากขึ้น อีกเรื่องคือต้องทำให้ผู้ประกอบการใช้ระบบบัญชีเดียว ไม่หลบเลี่ยงภาษี

    ลงโทษแล้ว รองฯ ตบเด็ก เฉือนเงินเดือน 5% 1 เดือน

    ที่มาภาพ: http://www.dailynews.co.th/regional/345500
    ที่มาภาพ: http://www.dailynews.co.th/regional/345500

    2 ก.ย. 2558 เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า จากกรณี รอง ผอ. โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ระงับโทสะไม่อยู่ ใช้มือตบเข้าที่ศีรษะนักเรียนชายชั้น ม.5 หน้าเสาธง ขณะเป็นแกนนำนักเรียนกว่า 600 คน ประท้วงการทำงานของผู้บริหารในโรงเรียน ซึ่งแม้ รอง ผอ. คนดังกล่าวจะยอมรับสารภาพผิด รวมถึงยอมรับโทษทุกกรณี ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถเจรจาตกลงยอมความกันได้ และสุดท้ายมีคำสั่งย้ายให้ รอง ผอ. คนดังกล่าวไปประจำโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดเล็กประจำตำบล มีนักเรียนประมาณ 200 คน เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

    ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 2 ก.ย. คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยโดยมี นายรณชัย สุขสมบูรณ์ รอง ผอ.สพม. เขต 31 เป็นประธาน ได้สรุปบทลงโทษทางวินัย เสนอต่อ ดร.ชูเกียรติ วิเศษเสนา ผอ.สพม. เขต 31 ลงนามอนุมัติหนังสือคำสั่งบทลงโทษเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคณะกรรมการได้สั่งให้มีบทลงโทษวินัยไม่ร้ายแรง ให้ตัดเงินเดือน 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 1 เดือน มีผลในเดือน ก.ย. นี้ทันที โดยให้เหตุผลว่า ทำไปด้วยสำนึกความเป็นครู และยอมรับผิดทุกรณี ส่วนนักเรียนคู่กรณีไม่ติดใจเอาผิด และปัญหาภายในโรงเรียนคลี่คลายลงแล้ว

    ด้าน รอง ผอ. คนดังกล่าว ได้เดินทางไปที่ สพม.31 เพื่อเซ็นหนังสือรับทราบบทลงโทษทางวินัยอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า ตนยอมรับบทลงโทษ สถานะของตนก็ยังเป็นครู ที่ต้องทำหน้าที่อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ ให้เป็นคนดีมีความรู้ต่อไป ขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับนักเรียนและครู ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะส่งผลเสียต่อจรรยาบรรณวิชาชีพครู ตนพร้อมจะปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมตนเอง ที่ได้ทำผิดพลาดไป กับนักเรียน ม.5 ที่มีปัญหากันก็เคลียร์กันจบเรียบร้อย ยังเป็นครูเป็นลูกศิษย์กันเหมือนเดิม หลังจากที่ย้ายไปโรงเรียนใหม่ เด็กนักเรียนและคณะครูก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี

    จับแล้ว มือยิงสมยศ อ้าง รับจ้างเพื่อแทนคุณ

    ที่มาภาพ: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1441254561
    ที่มาภาพ: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1441254561

    3 ก.ย. 2558 ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าคดียิงนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่เมืองหลวงเสียชีวิตว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาคดียิงนายสมยศ สุธางค์กูร ได้แล้ว 1 คน ส่วนรายละเอียดและประเด็นการสังหารอยู่ระหว่างสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่จับกุมตามหมายจับ ให้พยานชี้ตัวแล้วยืนยันว่าคือผู้ก่อเหตุ จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพ ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก

    รายงาน ข่าวเปิดเผยว่า ชุดสืบสวนบก.สส.บช.น. นำโดย พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น., พล.ต.ต. ชาญเทพ เสสะเวช, พล.ต.ต. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น., พล.ต.ต. สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต. ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5, พ.ต.อ. สุพัชร พึ่งพวง ผกก.สส.บก.น.5, พ.ต.อ. ชัยพล เอกกุล ผกก.สน.คลองตัน, พ.ต.อ. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 และ พ.ต.ท. สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน รอง ผกก.สส.3 บก.สส. ติดตามจับตัวนายภานุพงษ์ หรือแจ้ รัสนา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/5 หมู่ 6 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ลงวันที่ 1 ก.ย.2558 ได้ที่แถวบ้านพักย่านฝั่งธนบุรี

    จากการสอบสวนนายภาณุพงศ์ให้ การรับสารภาพว่า ก่อเหตุยิงนายสมยศ โดยได้ค่าจ้าง 30,000 บาท จากผู้ว่าจ้างเป็นผู้ชายที่เรียกว่า “อาจารย์” ซึ่งมีบุญคุณต่อกัน มีผู้ร่วมทีมสังหารอีก 3 คน ได้แก่ นายนก ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปรอดักยิงเหยื่อและพาหลบหนี นายดาน และนายหนู ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบชื่อและนามสกุลจริงเพื่อติดตามจับตัว นายภาณุพงศ์ให้การด้วยว่ามาดูลาดเลาตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. กระทั่งสบโอกาสก่อเหตุวันที่ 29 มิ.ย. ผู้จ้างวานให้รูปถ่ายเป้าสังหารและวันลงมือยิง ระบุด้วยว่าเป้าหมายใส่เสื้อลายสกอต ชนวนเหตุเป็นเรื่องการทวงหนี้สินของผู้ตาย ซึ่งเป็นประเด็น ที่เจ้าหน้าที่ติดตามตั้งแต่หลังเกิดเหตุ

    ทั้งนี้ คดีสังหารนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่เมืองหลวง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 495 ถนนพระราม 9 ซอย 49 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. เกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. คนร้ายเป็นชาย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์ซูซูกิ สแมช สีดำ-แดง มาดักรอบริเวณลานจอดรถร้านอาหารเฮงหูฉลาม เลขที่ 115 ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. นานประมาณ 5 ช.ม. จนกระทั่งนายสมยศรับประทานอาหารกับนางรัศมี สุธางค์กูร ภรรยา อายุ 53 ปี เสร็จเรียบร้อย ขณะเดินมาขึ้นรถเบนซ์ ทะเบียน ฌร 3636 กรุงเทพฯ ที่ลานจอดรถหลังร้านเฮงหูฉลาม คนร้ายเดินเข้ามาใช้อาวุธปืนจ่อยิงนายสมยศจนเสียชีวิตข้างรถเบนซ์ โดยกล้องวงจรปิดของร้านบันทึกภาพไว้ได้

    เบื้องต้นเจ้า หน้าที่ตั้งประเด็นสังหารไว้ 5 ประเด็น ได้แก่ เรื่องหนี้สินการเล่นพนันกับกลุ่มนางศุภนิดา หรือก้อย นรรัตน์ อายุ 48 ปี และนายสมชัย นิตยา หรือเล็ก ชุมพร อายุ 51 ปี สามีของนางศุภนิดา, ข้อพิพาทฟ้องร้องเรื่องที่ดินย่านพระราม 9, เรื่องจ้างวิ่งเต้นคดี, ความขัดแย้งกันในครอบครัว และปมธุรกิจ กระทั่งสามารถจับตัวมือปืนได้และรับสารภาพว่าสาเหตุมาจากเรื่องการทวง หนี้สิน ซึ่ง เจ้าหน้าที่กำลังขยายผลจับกุมทีมสังหารที่เหลือ รวมทั้งผู้บงการต่อไป