ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > เปิดโมเดลองค์การค้า สกสค. ขายตำราเรียนภาคพิสดาร 1,400 ล้านบาท ยอมจ่าย 7% ให้ “ล็อกซเลย์ ไวร์เลส” แก้ปัญหาเงินช็อต

เปิดโมเดลองค์การค้า สกสค. ขายตำราเรียนภาคพิสดาร 1,400 ล้านบาท ยอมจ่าย 7% ให้ “ล็อกซเลย์ ไวร์เลส” แก้ปัญหาเงินช็อต

17 กรกฎาคม 2014


บ่อยครั้งที่เปิดภาคเรียน องค์การค้าของคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) มักจะมีปัญหาผลิตตำราเรียนไม่ทันขาย ทำให้โรงเรียนต้องแก้ปัญหาด้วยการสั่งซื้อหนังสือเรียนจากบริษัทเอกชนราคาแพง คุณภาพต่ำกว่าหนังสือเรียนภายใต้ลิขสิทธิ์องค์การค้าของ สกสค. ซึ่งสาเหตุที่ทำให้องค์การค้าของ สกสค. ไม่สามารถผลิตตำราเรียนได้ทันเวลาเนื่องจากภาระการขาดทุนสะสมกว่า 3,000 ล้านบาท ขาดสภาพคล่องในการดำเนินการ

ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2556 องค์การค้าของ สกสค. ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง และได้ทำเรื่องเสนอ สกสค. ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด โดยขอให้ สกสค. ไปกู้ยืมเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยาวงเงิน 800 ล้านบาท เพื่อนำมาปล่อยกู้ต่อให้องค์การค้าของ สกสค. ซึ่งธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้อนุมัติ “แต่มีเงื่อนไขว่า สกสค. ต้องนำเงินฝากของครู 266 ล้านบาท มาวางเป็นหลักประกัน” เมื่อเรื่องนี้ถูกนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค. ปรากฏว่ากรรมการที่มาจากตัวแทนครูหลายคนไม่เห็นด้วย แผนกู้เงิน 800 ล้านบาทจึงไม่ผ่านการพิจารณา

ประกอบกับเครื่องพิมพ์เก่าแก่ที่ใช้งานมานานหลายสิบปีเกิดไฟไหม้ 2 ครั้ง องค์การค้าของ สกสค. ไม่สามารถปรับเปลี่ยนแท่นพิมพ์ใหม่ได้ เพราะไม่มีสถาบันการเงินแห่งใดยอมปล่อยกู้ จึงต้องใช้วิธีพิเศษ “เช่าเครื่องพิมพ์จากบริษัทเอกชน” ในราคาที่ค่อนข้างแพง เพื่อเร่งผลิตหนังสือเรียนให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 15 พฤษภาคมของทุกปี พอถึงช่วงเทศกาลพิมพ์ตำราเรียน องค์การค้าของ สกสค. ต้องวิ่งหาเงินกู้ระยะสั้นมาเสริมสภาพคล่อง เตรียมสำรองเงินไว้จ่าย ค่ากระดาษ ค่าหมึกพิมพ์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโอทีเงินเดือนพนักงาน และค่าเช่าเครื่องพิมพ์ (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

โมเดลการขายองค์การค้าของ สกสค.

ขณะเดียวกัน กระบวนการซื้อ-ขายหนังสือเรียนขององค์การค้าของ สกสค. ตามปกติเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคมของทุกๆ ปี โดยองค์การค้าของ สกสค. เปิดให้ร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศมาสั่งจองหนังสือเรียน จากนั้นก็ใช้เวลาในการพิมพ์หนังสือ 36 ล้านเล่มให้แล้วเสร็จภายใน 6-7 เดือน และส่งมอบหนังสือให้ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายก่อนวันที่ 15 พฤษภาคมของทุกปี ในอดีตที่ผ่านมาองค์การค้าของ สกสค. มอบส่วนลดให้ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย 25-30% จากราคาหน้าปก และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายมอบส่วนลดให้กับโรงเรียน 20% ของราคาหน้าปก ดังนั้นร้านค้าตัวแทนจำหน่ายได้กำไรจากส่วนลด 5-10% ส่วนโรงเรียนได้กำไร 20%

ต่อมาองค์การค้าของ สกสค. ปรับมาร์จินลง โดยมอบส่วนลดให้ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเพียง 10% ของราคาหน้าปก และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายต้องจ่ายค่าหนังสือเป็นเงินสด ขณะนี้จึงไม่มีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายมารับหนังสือเรียนไปขายส่งให้กับโรงเรียน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 ปรากฏว่ามี “บริษัท ล็อกซเลย์ ไวร์เลส จำกัด (มหาชน)” ทำหนังสือเสนอขอซื้อหนังสือเรียนและสินค้าอื่นๆ กับองค์การค้าของ สกสค. มูลค่า 1,400 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 3 ธันวาคม 2556 สำนักบริหารการตลาดและการขาย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับเรื่อง ทำบันทึกข้อความเลขที่ 21412 เสนอที่ประชุมผู้อำนวยการสำนักที่มีนายสมมาตร์ มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เป็นประธาน เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2556

โดยบันทึกข้อความที่สำนักบริหารการตลาดและการขายเสนอต่อที่ประชุมผู้อำนวยการสำนักมีสาระสำคัญดังนี้ คือ “ที่ประชุมได้มีการพิจารณาคำสั่งซื้อหนังสือของบริษัทล็อกซเลย์ฯ และผลการจัดจำหน่ายหนังสือเรียนจากการจัดงาน One day sale และงาน Promotion ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 คาดว่า องค์การค้าของ สกสค. มีรายได้จากการขายหนังสือรวม 3 ครั้งไม่เกิน 400 ล้านบาท และถ้าหากนำมารวมกับยอดคำสั่งซื้อหนังสือของบริษัทล็อกซเลย์ฯ ทำให้องค์การค้าของ สกสค. มียอดขายรวมอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท ซึ่งตามแผนการตลาดปี 2557 กำหนดเป้าหมายไว้ที่ 2,400 ล้านบาท หนังสือส่วนที่เหลือมูลค่า 600 ล้านบาท องค์การค้าของ สกสค. ดำเนินการขายเอง”

สำนักบริหารการตลาดและการขายระบุว่า กรณีบริษัทล็อกซเลย์ฯ สั่งซื้อหนังสือลอตใหญ่ช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้ และยังมีส่วนช่วยผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ดังนั้น สำนักบริหารการตลาดและการขายจึงขอให้ที่ประชุมพิจารณาหลักเกณฑ์การให้ส่วนลดการขายแก่บริษัทล็อกซเลย์ ดังนี้ 1. ให้ส่วนลด 25% 2. หลักเกณฑ์ในการชำระเงิน 1,400 ล้านบาท แบ่งจ่าย 6 งวด คือ งวดที่ 1 ชำระเงิน 200 ล้านบาท ภายในวันที่ 24 มกราคม 2557 งวดที่ 2 ชำระเงิน 200 ล้านบาท ภายในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 งวดที่ 3 ชำระเงิน 200 ล้านบาท ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2557 งวดที่ 4 ชำระเงิน 200 ล้านบาท ภายในวันที่ 24 เมษายน 2557 งวดที่ 5 ชำระเงิน 300 ล้านบาท ภายในวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 งวดที่ 6 ชำระเงิน 300 ล้านบาท ภายในวันที่ 24 มิถุนายน 2557

ในขณะที่องค์การค้าของ สกสค. มีความจำเป็นต้องหาเงินมาชำระค่าสินค้าและวัตถุดิบ ซึ่งต้องการเงินสด เพื่อแก้ไขสภาพคล่องทางการเงิน จึงมีเงื่อนไขเพิ่มเติมดังนี้ 1. ชำระเงินงวดที่ 1 ภายในวันที่ 15 มกราคม 2557 และ 2. ชำระเงินงวดที่เหลือก่อนครบกำหนดชำระ (ล่วงหน้า) 1 เดือน หากบริษัทล็อกซเลย์ฯ ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อรับส่วนลดเพิ่มอีก 2% ของยอดเงินที่ชำระ แต่ถ้าไม่สามารถชำระเงินงวดหนึ่งงวดใดได้ตามเงื่อนไขข้อ 1 หรือข้อ 2 รับส่วนลดเพิ่มเติมแค่ 1% ของยอดชำระเงินแต่ละงวด

นายสมมาตร์ มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.
นายสมมาตร์ มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.

ทั้งนี้การประชุมผู้อำนวยการสำนักเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา ประชุมมีมติอนุมัติให้องค์การค้าของ สกสค. ขายหนังสือ 1,400 ล้านบาทให้บริษัทล็อกซเลย์ฯ หากบริษัทล็อกซเลย์ฯ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กล่าวมาข้างต้นได้รับส่วนลด 27% (25+2) นายสมมาตร์ มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ลงนามอนุมัติวันที่ 3 ธันวาคม 2556

ผู้สื่อข่ายรานงานว่า หลังจากที่ประชุมผู้อำนวยการสำนักอนุมัติแผนการขายหนังสือลอตใหญ่มูลค่า 1,400 ล้านบาท จากนั้นบริษัทล็อกซเลย์ฯ ทำตามสัญญา ซื้อหนังสือเรียนจากองค์การค้าของ สกสค. เลขที่หนังสือ 767/2556 ลงนามวันที่ 6 ธันวาคม 2556 ได้นำกลับมาให้องค์การค้าของ สกสค. ไปขายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายตามปกติ โดยไม่จำกัดปริมาณ และจำนวนครั้งที่ฝาก วันที่ 18 ธันวาคม 2556 องค์การค้าของ สกสค. ทำสัญญารับฝากขายสินค้ากับบริษัทล็อกซเลย์ฯ โดยองค์การค้าของ สกสค. ในฐานะ “ผู้รับฝากขาย” จะได้รับส่วนลด 20.65% ของราคาหน้าปก เป็นค่าฝากขายจากบริษัทล็อกซเลย์ฯ ในฐานะ “ผู้ฝากขาย”

แหล่งข่าวจากองค์การค้าของ สกสค. กล่าวว่า กรณีการซื้อ-ขายหนังสือเรียนมูลค่า 1,400 ล้านบาท ครั้งนี้ ถือเป็นนวัตกรรมการหาเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องรูปแบบใหม่ขององค์การค้าของ สกสค. โดยองค์การค้าของ สกสค. ไม่ออกประกาศเชิญชวนร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายอื่นๆ ร่วมประกวดราคา หลังจากที่ประชุมผู้อำนวยการสำนัก อนุมัติแผนการขายหนังสือให้บริษัทล็อกซเลย์ฯ ได้รับส่วนลด 27% ของราคาหน้าปก หากบริษัทล็อกซเลย์ฯ ชำระเงินตามเงื่อนไขที่กำหนดจะมีรายได้จากส่วนลดคิดเป็นเงิน 378 ล้านบาท ขณะที่บริษัทล็อกซเลย์ฯ นำหนังสือกลับมาฝากองค์การค้าของ สกสค. ขาย มีค่าใช้จ่ายจากการมอบส่วนลดกลับไปให้องค์การค้าของ สกสค. 20% คิดเป็นเงิน 280 ล้านบาท

ทั้งนี้ถ้าหากองค์การค้าของ สกสค. นำหนังสือเรียนไปขายผ่านช่องทางการขายปกติจำนวน 1,400 ล้านบาท บริษัทล็อกซเลย์ฯ ได้กำไรส่วนต่าง 7% คิดเป็นเงิน 98 ล้านบาท พนักงานขององค์การค้าของ สกสค. จึงมีข้อสงสัยว่าทำไมองค์การค้าของ สกสค. ต้องจ่ายเงินส่วนต่าง 7% ให้บริษัทล็อกซเลย์ฯ ทั้งๆ ที่องค์การค้าของ สกสค. ขายหนังสือมูลค่า 1,400 ล้านบาทเอง