ปลาบปลื้มใจ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประธานให้สัมภาษณ์ รายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” พร้อมแทนพระองค์เองว่า “พี่”
ภาพการประชุมสภาชุลมุน สั่งพักกว่า 5 รอบ
วลีเด็ดในสภา พร้อมประชันความสวย ส.ส. หญิง 2 พรรค “เดียร์” และ”กุ๊ก”
ภาพ ส.ส. หลับคาสภา
ระเบิดแก๊สพิษที่ซีเรีย ตายกว่า 1,300 ศพ
ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 18-24 สิงหาคม 2556
เรื่องแรก เป็นอีกหนึ่งความปลาบปลื้มใจของประชาชนชาวไทย ที่ได้ชมพระบารมีและรู้จักพระองค์จริงขององค์อัครราชกุมารีแห่งองค์พระมหากษัตริย์ ที่ชาวไทยเคารพนับถือ เมื่อรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” ได้รับพระราชทานพระวโรกาสพิเศษ จากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ให้สัมภาษณ์บันทึกเทปรายการ และออกอากาศไปเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา
โดย เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงตรัสถึงพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและปลอดภัย แข็งแรงและแจ่มใส เป็นที่พึงพอใจของคณะแพทย์ โดยการเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล ได้เตรียมอุปกรณ์การแพทย์ไว้พร้อมทั้งที่วังไกลกังวลและโรงพยาบาลที่หัวหิน เครื่องมือทุกอย่างพร้อม และแพทย์ที่ไปเป็นแพทย์ทีมใหญ่
ทางด้านสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นสโตรก ตอนเกิดเหตุเส้นเลือดในสมองแตกแต่เป็นเส้นเลือดเล็กเมื่อ 1 ปีมาแล้วขณะกำลังทรงพระดำเนินออกพระกำลังอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช เกิดล้มลงไป ดีที่ไม่ฟาดเพราะนางสนองพระโอษฐ์กับคุณข้าหลวงจับพระหัตถ์อยู่ ประคองท่านไว้ ถึงได้ไม่ฟาด หลังจากวันนั้นตอนแรกก็เสวยลำบาก กลืนลำบาก แต่พอหลังเป็นสัก 7-8 วัน ก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เสวยเครื่องได้ดีขึ้น ต่อมาทรงค่อย ๆ ฝึกพระดำเนิน เดี๋ยวนี้ก็ทรงพระดำเนินได้คล่องแล้ว ทรงพระดำเนินได้ดี และไม่ได้เป็นแอมนีเซีย ที่ไม่ได้ออกงาน ไม่ได้ออกสื่อ สมเด็จพระนางเจ้าฯ ไม่ได้ตรัส แต่พระองค์ขอพูดแทนเองว่าเราเป็นผู้หญิงย่อมไม่อยากให้คนเห็นเวลาตอนที่เรายังดูไม่ดี ยังดูไม่สวย คิดว่าท่านอยากให้ทรงงามเหมือนเดิมอย่างที่เห็นทางทีวีตอนเสด็จหัวหิน ท่านจึงอยากให้คนเห็น ตอนนี้ที่วังไกลกังวลท่านยังทรงอยู่บนพระตำหนักเป็นส่วนใหญ่ วันไหนยังไม่ได้แต่งพระองค์ก็ไม่อยากให้คนเห็น(ที่มาข้อมูลจาก: www.kapook.com)
นอกจากพระดำรัสดังกล่าวแล้ว ภายในรายการประชาชนยังจะได้เห็นภาพความเป็นกันเองของพระองค์หญิง และพระราชกรณียกิจต่างๆ มากมาย อาทิ ร้าน “ดร.น้ำใจ” ซึ่งเป็นกองทุนรักษาพยาบาลสัตว์ป่วยอนาถาที่อยู่ภายในบริเวณโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เช่นกัน โดยโครงการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งได้พระราชทานเงินไว้ตั้งแต่ปี 2540 ประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของ เพราะปัจจุบันพระองค์หญิงทรงเรียนปริญญาเอกด้านสัตวแพทย์มา 3 ปีแล้ว
เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ยังทรงเปิดเผยอินสตาแกรมส่วนพระองค์ ที่ใช้ชื่อว่า “tzilah_mardy” เพื่อผู้ชมรายการและประชาชน ได้รู้จักตัวตนของพระองค์อย่างแท้จริง ไม่อยากให้เชื่อตามข่าวลือ โดยรูปส่วนมากที่ทรงโพสต์ ก็จะเป็นรูปที่พระองค์กำลังทรงงานอยู่ในห้องผ่าตัด
ทั้งนี้ในระหว่างที่รายการออกอากาศจนกระทั่งเช้าของวันถัดมา ประชาชนผู้ได้รับชมรายการ ก็ได้มีการโพสต์ข้อความปลาบปลื้มใจ ในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงให้ประทานสัมภาษณ์พิเศษ รวมทั้งแชร์ภาพและข้อความของพระองค์ท่านเป็นจำนวนมาก ซึ่งทาง วู้ดดี้ หรือ นายวุฒิธร มิลินทจินดา ก็ได้เปิดเผยถึงการทำงาน ว่าเป็นที่สุดของชีวิต และปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก (ดูคลิป)
“เป็นครั้งแรก ที่ดูรายการวู้ดดี้ แล้วยิ้ม อิ่มเอมใจ ด้วยความปลื้มปิติ จริงๆ”
“ข่าวลือจะเป็นอย่างไรผมเชื่อว่า พวกเราชาวไทยจะไม่เอนเอียงเด็ดขาด จะมีข่าวลืออยู่เพียงเรื่องเดียวที่พวกเราชาวไทยเชื่ออย่างสนิทในคือ ข่าวลือที่พระองค์ทั้งสองทรงมีพระพลานมัยแข็งแรงหายจากพระอาการประชวร เพราะต่อไปนี้มันจะเป็นความจริงตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า”ประชาชนชาวไทย”
“พระองค์ทรงร่าเริงมาก และทรงเป็นกันเอง ในเเง่มุมนี้ผมไม่เคยเห็นเลย สุนัขทรงเลี้ยงน่ารักมาก พระองค์ท่านทรงเข้มแข็งมาก นอกจากจะทรงศึกษาด้านการแพทย์เพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้ว ท่านยังศึกษาด้านสัตวแพทย์อีกด้วย พระองค์ทุ่มเท และใจดีมากเลยครับ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ข้าพระองค์รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อเพื่อนมนุษย์และยังทรงเผื่อแผ่ไปยังสัตว์อีกด้วย และยิ่งรู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่งเวลาที่พระองค์ทรงเรียกนามแทนพระองค์เองว่าพี่ ทรงเป็นกันเองเป็นอย่างยิ่ง”
“ผมเกิดมาหลายสิบปี ผมเพิ่งได้รู้การเป็นอยู่ของพระองค์ท่านผมภูมิใจมากครับที่ยังรู้ว่า พ่อแม่ของแผ่นดิน ยังสบายดีอยู่ ยังเป็นห่วงพวกเราอยู่ยังรักพวกเราอยู่ แต่ทำไมพวกเราไม่รักท่านบ้างละครับ ได้ยินคำนึงที่ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ฯ ทรง ตรัสว่า อะไรที่จะช่วยให้คนไทยทุกข์น้อยลงพี่ก็จะทำ 🙂 ทรงพระเจริญ”
“ชอบตอนที่พระขอตรัสว่า : ถ้าพี่จะขอได้ ถ้าใครรักและสงสารพี่ ขอได้ คือขอให้ทำอะไรเนี่ย ให้คิดถึงประเทศชาติบ้านเมืองก่อน เพราะจริงๆ แล้ว ถ้าไม่มีประเทศชาติบ้านเมืองที่ร่มเย็น พวกเราก็ไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้หรอก เพราะฉะนั้นทำอะไร ให้นึกถึงประเทศชาติบ้านเมือง ให้นึกถึงคำว่าหน้าตาของคำว่าคนไทยเสียก่อน อย่าทำให้เสียชื่อคนไทย”
เรื่องที่สอง เรื่องวุ่นๆ ของการประชุมสภาจนชาวโซเชียลเน็ตเวิร์ก ต่างพากันแซวถึงเรื่องการประชุมสภาไทยว่า “สภาไทย ไปมวยโลก” ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในการประชุมสภายุครัฐบาลเพื่อไทย ของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการประชุมสภาอันยาวนานเมื่อวันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2556 และเกิดเหตุการณ์ความโกลาหลของท่าน ส.ส. จนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ต้องสั่งให้มีการพักการประชุมอยู่หลายครั้ง ทั้งยังมีการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคุมตัว ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ออกจากห้องประชุมสภาไปด้วย
เรื่องเกิดจากการที่ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ โห่ร้องแสดงความไม่พอใจ และลุกขึ้นโวยวายไม่รับมติ พร้อมประท้วงประธานรัฐสภาที่ใช้อำนาจในการลงมติแก้รัฐธรรมนูญ จนประธานรัฐสภาต้องสั่งให้เหล่าตำรวจสภาฯ เข้ามาควบคุม พร้อมทั้งระหว่างการควบคุมยังได้มีภาพการปะทะกันเกิดขึ้นระหว่าง นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี พรรคประชาธิปัตย์ และตำรวจสภานายหนึ่ง ซึ่งคล้ายการชกต่อย จนมีรอยแดงขึ้นที่หน้านายตำรวจ แต่ทั้งนี้ทางด้านนายกุลเดชยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตำรวจสภาให้ความเคารพ ส.ส. เป็นอย่างดีเสมอมา แต่ทั้งนี้เป็นเพราะตนเองถูกเหยียบแผลที่เป็นตาปลา จนเกิดอาการเจ็บและต้องป้องกันตัว พร้อมทั้งมีการถอดรองเท้าโชว์แผลตาปลาให้ผู้สื่อข่าวดูอีกด้วย (ดูคลิป)
“ประเทศเดียวในโลก การประชุมสภาต้องเอาตำรวจคุ้มกันประธาน ผู้มีเกียรติทั้งหลาย เขาเรียกการประชุมเหรอครับ ขอถามหน่อย ไร้เกียรติ ไร้ศักกศรี หน้าด้านยิ่งกว่ายางมะตอย ยังเรียกน้องเลย”
“ผมเกิดมา ถึงวันนี้อายุ 33 ปี พ่อชอบติดตามข่าวบ้านเมือง ดูประชุมสภา จำได้ตั้งแต่ผมเริ่มโต รับรู้ดูการถ่ายทอดประชุมสภา ไม่เคยมียุคไหนที่สภาไทย การเมืองไทยตกต่ำขนาดนี้”
“ให้โอกาสพูดคุยกันดีๆ ในสภาแต่ไม่ยอมพูดจากัน ใช้ระบบเผด็จการรัฐสภาต่อไปก็เตรียมตัวโดนประท้วงจากประชาชนบนท้องถนนได้เลย”
“บ้านเมืองควรว่างเว้นนักการเมือง รัฐสภา ไปสัก 5 ปี เพราะนักการเมืองจิตใจสกปรก ไม่ได้คิดพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า คิดแต่จะมาทุจริตคดโกง ใฝ่หาอำนาจ ทำให้ระบบราชการเสียหาย”
“อนาคตประเทศไทย อนาคตลูกหลาน ท่านมองเห็นกันหรือเปล่าครับ ใครที่มีลูกมีหลานก็ให้เขาดูด้วยนะครับละคร กับโทรศัพท์มือถือก็ให้งดซักวันนะครับ แล้วท่านจะได้ไม่ต้องอธิบายให้พวกเขาได้ยากเลย พวกเขาเห็นแล้วคงจะต้องมีความคิดความอ่าน คิดถึงประเทศกันบ้าง ถ้าพวกเขาไม่คิดถึงอนาคตของพวกเขา พวกเราก็คงน้ำตาตกใน แค้นสุมอกหนักขึ้นล่ะครับ”
“บอกได้คำเดียวว่า….อาย”
เรื่องที่สาม จากเหตุการณ์เดียวกัน คือการประชุมสภาเมื่อวันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2556 และเป็นอีกเรื่องที่ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างถกเถียงกันมากถึง “ความสวย” ของ ส.ส.หญิงในสภา โดยเรื่องราวมาจากระหว่างที่เกิดความโกลาหลของท่าน ส.ส. และได้มีเสียงโห่ร้องชุลมุนไปทั่วห้องประชุม
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและความชุนมุน นางสาวขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือเดียร์ อายุ 33 ปีลูกสาวของ เสธ.แดง หรือ พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล ก็ได้ลุกขึ้นพูดพร้อมมีการปะทะคารมกันกับ กุ๊ก หรือ นางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลุกขึ้นค้าน ส.ส.หญิงจากพรรคเพื่อไทย ให้ถอนคำว่าชะนีร้องโหยหวน เหมือนโดนน้ำร้อนลวก ในสภาออก แต่ฝ่ายนางสาวขัตติยาตอบกลับมาว่า
“เรื่องความสวย คงช่วยกันไม่ได้ พอดียังเด็กกว่า ใสกว่า ก็สู้กันนิดนึง หรือฝ่ายค้านว่าดิฉันไม่สวยคะ ส่วนจะให้ถอนคำว่า ชะนีโหยหวนไม่ได้ว่าใครเฉพาะเจาะจง แค่บอกว่ามีเสียงคล้ายชะนีโหยหวน ทางบ้านส่งมาคิดว่าที่นี่ไม่ใช่รัฐสภา นึกว่าสวนสัตว์ดุสิต ขออนุญาตไม่ถอน”
จนเมื่อนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา บอกให้นางสาวขัตติยาถอนคำพูด นางสาวขัตติยาจึงยอมถอนคำพูด และนางนาถยาจึงได้มีการพูดต่อว่า “ถอยลงไปเยอะ สภาไม่ใช่สภาโจ๊ก ไม่ใช่ละคร ที่ทุกคนจะคิดว่าตัวเองเป็นนางเอก สวยไม่สวยไม่เกี่ยว เพราะในสภาต้องใช้สติปัญญา”
และเมื่อด้านนางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส. สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.หญิงปากกล้าประจำสภา และเป็นนักการเมืองที่ได้รับฉายา “ดาวเด่น” จากสื่อมวลชน ใช้สิทธิ์ในการประท้วงประธานรัฐสภาว่า “ทนมามากแล้ว ไม่อาละวาด แต่รับไม่ได้ ที่ประธานไม่เป็นกลาง ชี้ไปทางนี้ ทางนู้น บอกว่า ใครสวยกว่าเลือกคนนั้น ในสภาฯ ไม่ได้มองความสวย มองสมอง สวยไม่มีสมอง ช่วยไม่ได้ ตนเองติดใจตั้งแต่ประธานสมศักดิ์ ที่ใช้ค้อนทุบ ซึ่งตอนนี้ ค้อนก็ไม่มีความหมาย เพราะไม่เป็นกลาง ไปสั่งตำรวจมากวาดต้อน ทำอย่างกับพวกเราเป็นฝูงควาย ใครก่อความวุ่นวาย ก็จับไป ไปจับคนแก่ๆ ทำไม คนที่อาละวาดอย่าง นายบุญยอด สุขถิ่นไทย นายวัชระ เพชรทอง หรือแม้กระทั่งตัวเอง ทำไมไม่เอาตำรวจมากวาดต้อน”
วาทะของ ส.ส. หญิงทั้งสาม เป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ทั้งยังมีการเปรียบเทียบความสวยกันระหว่าง นางสาวขัตติยา ลูกสาว เสธ.แดง กับ ส.ส. กุ๊ก นาถยา อดีตดารา นักแสดงที่มีชื่อเสียง และนำรูปของทั้ง 2 มาเปรียบเทียบกัน ว่าแม้ ส.ส. กุ๊ก นาถยา จะอายุมากกว่า ก็มีความสวยกว่า ส.ส. เดียร์ ที่ตามข่าวมีการแจ้งว่า ผ่านการศัลยกรรมมาแล้ว แต่ก็ยังสวยไม่เท่า
และเมื่อในโลกออนไลน์ มีการเปรียบเทียบวิพากษ์วิจารณ์ความสวยของ ส.ส. เดียร์ กันหนักขึ้น นางสาว ขัตติยา สวัสดิผล หรือ เดียร์ ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะเปรียบเทียบความสวยของตนเองกับ ส.ส. กุ๊ก นาถยา แต่เป็นการรับมุกเท่านั้น ทั้งยังยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำศัลยกรรม แต่รูปที่มีการนำมาเผยแพร่เป็นรูปเก่า ที่เมื่อก่อนปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่ได้แต่งหน้า แต่เมื่อมาทำหน้าที่เป็น ส.ส. ก็มีการดูแลตัวเองมากขึ้น (ดูคลิป)
“น้องเดียร์ครับ สมัยก่อน คนที่เป็นดาราได้ เขาต้องสวยจริงๆ เพราะ ไม่มีคลีนิกศัลยกรรม ,ไม่มีโปรแกรม Photo Shop มาช่วยแต่งภาพ , ไม่มีเครื่องสำอางดีๆ อย่างในปัจจุบัน สมัยนั้น คุณกุ๊ก เขาสวยจริงๆ ที่สำคัญหุ่นดีด้วย ไม่เหมือนสมัยนี้มีสิ่งต่างๆที่จะทำให้ผู้หญิงสามารถสวยอย่างมี ออร่า ได้ในพริบตา”
“พูดจริงอ่ะ จริงๆ ผมก็กล้าพูดกับเพื่อนนะว่าผมหล่อกว่าณเดช แต่ไม่กล้าพูดต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ มันต้องใช้ความหน้าด้านเกินกว่าที่หน้าผมจะรับไหว”
“เธอพูดผิดตรงไหน เรื่องความสวยช่วยไม่ได้ ก็เธอลงทุนไปตั้งล้าน ยังช่วยอะไรไม่ได้ ไม่เห็นหรือคะ ศัลยกรรมก็ช่วยไม่ได้”
“คุณกุ๊ก สวยกว่าเห็น ๆ ไม่ต้องศัลยกรรมด้วย ณ ตอนนี้ มีวัยวุฒิแล้ว ก็สวยกว่า ส่วนคุณน้องเดียร์ ไปศัลยกรรมมาแล้ว ก็ยังไม่เกิด ต้องจัดเต็มศัลยกรรมมากกว่านี้จ๊ะ ไปหารูปนางเอก นักร้องเกาหลี befor-after ศึกษาดู นั่นเขาไฮเทคถึงขั้น นึกว่าเปลี่ยนหัวกันเลยทีเดียว น้องเดียร์ต้องทำถึงขั้นนั้นนะจ๊ะ เพราะที่ทำเสร็จมาแล้วเนี่ย ไม่มีความแตกต่างเลย ไม่สวยยังไง ก็ไม่สวยเหมือนเดิมจ๊ะ”
“แต่ผมดูยังไงคุณกุ๊กตอนนี้ก็ยังสวยและดูสูงค่ากว่ามากมายนัก วาจาเอย กริยามารยาทเอย คุณนาถยาเป็นกุลสตรีกว่ามากมาย”
“คนดี ไม่จำเป็นต้องสวย คนสวยไม่จำเป็นต้องไปตกแต่งมาก คนดี คนเก่ง ต้องมีสติและปัญญานะคะ”
เรื่องที่สี่ อีกหนึ่งรูปจากสภา ที่ชาวเน็ตมีการแชร์ต่อกันอย่างมาก คือ รูปของนายถาวร ตรีรัตน์ณรงค์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กำลังนอนหลับอยู่ตรงเก้าอี้ ในระหว่างการประชุมสภา โดยที่มี จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ กำลังยืนถ่ายภาพนายถาวรขณะหลับ เพื่อเป็นการยืนยันพฤติกรรมดังกล่าว
เรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก ถึงความไม่เหมาะสมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภาของไทย ที่มีเรื่องราวมากมาย ทำให้ต้องพูดถึงในด้านลบ ทั้งการทะเลาะ มีปากเสียงกัน, ความโกลาหล จนต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจของสภา, การเล่นการพนัน, การเล่นเกมในไอแพด หรือการดูรูปโป๊ อนาจาร ในระหว่างการประชุม ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการประเทศ จากทั้งประชาชน และต่างประเทศ
“เป็นไงล่ะ ใครเลือกเข้าไป สมใจคนเลือกแล้วล่ะสิ พาประเทศเจริญลง”
“มันเกิดอะไรเกิดกับสภาของบ้านเราค่ะ ไม่ว่าจะพรรคไหนๆ ก็ทำให้ผิดหวังหมด อย่าลืมนะ คุณกินเงินภาษีของประชาชน ทำไมถึงทำแบบนี้กัน”
“ควรเป็นต้นแบบที่ดี ถ้าทำไม่ได้ ไม่ควรมานั่งให้เสียพื้นที่คนจะทำงาน ดีมากๆ สำหรับภาพที่แฉออกไป”
“นี่หรือผู้ใหญ่บ้านเมืองของเรา ถ้าเด็กไม่เคารพอาวุโสก็อย่าว่ากันนะคะ”
“ผ่าความจริงมาทั้งคืน ก็ง่วง นอนในสภาแอร์เย็นกว่าที่เวทีปราศัยเยอะเลย”
“ภาพลักษณ์ เสียหมดแล้ว รัฐบาลชุดนี้”
เรื่องที่ห้า เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนทั้งโลกต้องเศร้าสลดใจ กับการสังหารหมู่ที่ประเทศซีเรีย โดยใช้แก๊สพิษ โจมตีในย่านที่อยู่อาศัยของประชาชนในไอน์ ทาร์มา, ซามัลก้า และโจบาร์ ที่ชานกรุงดามัสกัสของซีเรีย ซึ่งจากภาพข่าวที่น่าสลดใจของร่างไร้วิญญาณมากมาย ที่รวมทั้งเด็กเล็กและผู้หญิงผู้ชายกว่า 1,300 คน
เหตุการณ์อันน่าสลดใจนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 21 สิงหาคม 2556 โดยกลุ่มต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ได้อ้างว่ากองทัพอากาศซีเรียใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดเคมีลงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกลื่อนกลาด นอกจากนี้ยังมีภาพวิดีโอที่เผยให้เห็นการทำงานของแพทย์สนาม ที่เร่งช่วยชีวิตผู้ตกเป็นเหยื่อในสภาพที่ขาดอากาศหายใจอย่างทุรนทุราย แต่อย่างไรก็ตาม กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางด้านนาย ออมราน โซบี รัฐมนตรีข่าวสารของซีเรีย ออกมายืนกรานปฏิเสธต่อสื่อว่า ไม่เคยใช้แก๊สพิษทำร้ายชาวซีเรีย แต่อย่างใด (ดูคลิป)
“การแตกความสามัคคี ทำให้สิ้นชาติได้รวดเร็ว”
“ไว้อาลัยแด่โศกนาฏกรรมโลก และขอประนามคนชั่วผู้ก่อการร้ายในครั้งนี้ ทั่วโลกตอนนี้วุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ คงไม่เกิด 50 ปี คงจะได้เห็นวันสิ้นโลกที่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ล้วนๆ”
“มองโดยภาพรวมแล้วไม่อยากเชื่อว่ารัฐบาลเป็นคนกระทำเพราะ ฝ่ายรัฐมีอาวุธหลายอย่างในมือทั้งรถถัง เครื่องบิน อาวุธหนักต่างๆ รวมทั้งปืนใหญ่ มีกองกำลังและมีอาวุธที่ดีกว่าฝ่ายกบฏ การตต่อสู้เปิดเผยกว่าไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ และอีกอย่างตัวเองเป็นรัฐบาล ถ้าใช้อาวุธเคมีย่อมเป็นเป้าในสายตาชาวโลกในฐานะที่เป็นรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอง ดังนั้นเหตุผลคงไม่ใช่ แสดงว่าฝ่ายต่อต้านได้รับอาวุธเคมีมาจากที่ไหนหรือกลุ่มก่อการร้ายไหนสักแห่งแล้วนำมาใช้กับประชาชนเพื่อต้องการสร้างภาพใส่ร้ายรัฐบาล ซึ่งก็เหมือนการเมืองไทย ใช้โจรแสดงชุดดำฆ่าพวกเดียวกันเองแล้วโยนให้อีกฝ่ายซึ่งก็ไม่ต่างกัน”
“มนุษยชาติที่บริสุทธิ์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ต้องเดือดร้อนและล้มตายอย่างน่าเวทนาก็เพราะผู้นำที่บ้าอำนาจ เห็นแก่ตัว โหดเหี้ยม”
“สลดเกินไปแล้ว สิทธิมุษยชนถูกลิดลอนเพราะพวกบ้าอำนาจ”