ธอส. เผยผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วกว่า 80,000 ล้านบาท จากเป้าหมาย 241,780 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 30.75% มั่นใจทั้งปีปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามคาด ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ย้ำเป็นส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวดีขึ้น ผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ยังคงเดินหน้าดำเนินการตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ควบคู่กับบทบาทในการเป็นสถาบันการเงินของรัฐที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ตลอดระยะเวลากว่า 71 ปีธอส.ทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.6 ล้านครอบครัว
โดยผลการดำเนินงาน (ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2568) ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วกว่า 80,000 ล้านบาทสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 30.75% คิดเป็น 35% ของเป้าหมายในปี 2568 ที่ตั้งไว้ที่ 241,780 ล้านบาทยังคงครองแชมป์สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) 42.8% ณไตรมาสที่ 1 ของปี 2568
นายกมลภพกล่าวต่อว่า แม้มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นแต่มีผลกระทบระยะสั้นแต่ยอดการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมธอส.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนสะท้อนให้เป็นว่าประชาชนยังคงเชื่อมั่นและต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายซึ่งมีปัจจัยบวกมาจากการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำที่หลากหลายและตรงกับความต้องการของลูกค้ารวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐการประกาศใช้มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลในการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาทและการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราวของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ขณะเดียวกัน ธอส. ยังจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อและมาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธอส. อย่างเต็มที่หลังจากได้รับมอบนโยบายจากกระทรวงการคลังซึ่งธอส. ได้จัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 ประกอบด้วย
(1) สินเชื่อบ้าน Premier Home : หนุนกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยวงเงินตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไปให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ขยายตัวดีขึ้นกรอบวงเงิน 3,000 ล้านบาทอัตราดอกเบี้ยปีแรกเริ่มต้น 1.79% ต่อปีกรณีลูกค้าที่มีความประสงค์ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA / MLTA) หรือฟรีค่าจดจำนองสูงสุด 200,000 บาทระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดนาน 40 ปี
(2) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) : ช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่ม SM เพื่อเป็นการลดจำนวน NPL ให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมรวมถึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ของธนาคารที่ยังคงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจให้สามารถผ่อนชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคารต่อไปได้โดยลูกค้ากลุ่ม SM ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปีจะได้รับความช่วยเหลือเดือนที่ 1 – 6 คิดอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 0% ต่อปีโดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือนเดือนที่ 7 – 9 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.90 % +100 บาทและเดือนที่ 10 -12 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.90 % +100 บาทกรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี)
(3) สินเชื่อซ่อม – แต่ง และสินเชื่อซ่อม – แต่ง Plus : เพิ่มเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยลูกค้าปัจจุบันของ ธอส. ที่มีการผ่อนชำระหนี้เงินกู้กับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และมีประวัติการผ่อนชำระที่ดีสม่ำเสมอทุกเดือนไม่น้อยกว่า 12 เดือน กรอบวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ให้กู้เพิ่ม รวมวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท / ราย โดยวงเงิน 100,000 บาทแรก อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.00% ต่อปี และอีก 200,000 บาท อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 – 3 เท่ากับ 1.99% ต่อปี และปีที่ 4 – 5 เท่ากับ 3.50% ต่อปี สำหรับลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อปรับปรุง ต่อเติม หรือซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อาทิ รีโนเวทบ้านใหม่ เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ หรือติดตั้ง Solar Roof ยื่นกู้ง่ายๆ โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน
(4) สินเชื่อ Pre Finance Premium : เพิ่มวงเงินสินเชื่อพัฒนาโครงการ (Pre Finance) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ทำเลที่มีศักยภาพ 27 จังหวัดที่ต้องการซื้อที่ดินก่อสร้างอาคารพัฒนาสาธารณูปโภคและค้ำประกันที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดทำโครงการอัตราดอกเบี้ยปีแรกเท่ากับ 3.90% ต่อปีปีที่ 2 เท่ากับ 4.40% ต่อปีปีที่ 3 เท่ากับ 4.60% ต่อปีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเท่ากับ 4.30% ปีที่ 4 – 5 เท่ากับ MLR (อัตราดอกเบี้ย MLR ของธอส. ปัจจุบันเท่ากับ 6.10%)

นายวิทยา แสนภักดี รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานปรับโครงสร้างหนี้ (ซ้าย) และ นางภานิณี มโนสันติ์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานสินเชื่อ (ขวา)
นายกมลภพ กล่าวต่อว่า ธอส. มีแนวทางในการดำเนินงานของธนาคารในอนาคตตามโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bank) โดยเน้นให้ความสำคัญกับการมีที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพของลูกค้ากลุ่มเปราะบาง รวมถึงผู้สูงอายุรองรับสังคมผู้สูงวัย (Aging Society) โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่รองรับสังคมสูงวัย อาทิ
- โครงการบ้านธอส. สร้างสุขเพื่อผู้สูงวัยปี 2568 อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 1.90% ต่อปีเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.50% กู้ 1 ล้านบาทระยะเวลาการกู้ 40 ปีผ่อนชำระเริ่มต้น 4,600 บาทต่อเดือนสำหรับผู้ที่ต้องการกู้เพื่อต่อเติมขยายหรือซ่อมแซมบ้านตามแบบบ้านผู้สูงอายุและซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย
- โครงการสินเชื่อ Aging Home ปี 2568 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 10 ปีเท่ากับ 4.25% ต่อปีกู้ 1 ล้านบาทผ่อนชำระเริ่มต้น 4,000 บาทต่อเดือนสำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปโดยต้องกู้ร่วมกับบุตรที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปรวมระยะเวลากู้สูงสุด 70 ปีเพื่อซื้อปลูกสร้างต่อเติมขยายซ่อมแซมไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) ซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัยพร้อมกับการขอกู้ในวัตถุประสงค์หลักและชำระหนี้พร้อมรีไฟแนนซ์
- โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage : RM) สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีแต่ไม่เกิน 80 ปีสามารถนำที่อยู่อาศัยของตนเองที่ปลอดจำนองมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อโดยไม่พิจารณารายได้ของผู้กู้
ทั้งนี้ วงเงินให้กู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 10 ล้านบาทกรณีที่ดินพร้อมอาคารให้กู้ไม่เกิน 50% ของราคาประเมินที่ดินและอาคารกรณีห้องชุดให้กู้ไม่เกิน 30% ของราคาประเมินห้องชุดอัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปีตลอดอายุสัญญาระยะเวลาการให้กู้สูงสุดไม่เกิน 25 ปี