
“เสนาดีเวลลอปเม้นท์” แถลงข่าวร่วมมือ 9 ปี กับ “ฮันคิวฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์” ดึง know-how รับมือความเสี่ยง-เตรียมพร้อมรับภัยพิบัติกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ ผ่านแนวคิด Geo Fit+ และ Geo Check+ 5 ขั้นตอน ส่งผ่านความรู้จากประเทศญี่ปุ่นถ่ายทอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ ควบคุมการก่อสร้าง จนถึงส่งมอบโครงการ ประยุกต์ใช้ในการออกแบบและพัฒนาทั้งกลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ
มิสเตอร์ ทาเคชิ สึจิ กรรมการบริษัทร่วมทุน บริษัท เสนา เอชเอชพี จำกัด กล่าวว่า บริษัท ฮันคิวฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้ร่วมพัฒนา ยกระดับคุณภาพการก่อสร้าง ด้วยแนวทาง 5 Steps of Quality Management ถือเป็นองค์ความรู้สำคัญของ HHP ที่พัฒนาต่อยอดมาอย่างยาวนาน เพื่อควบคุมคุณภาพโครงการตามมาตรฐานญี่ปุ่นในทุกขั้นตอน เรารู้สึกยินดีที่ได้ส่งต่อองค์ความรู้นี้ให้กับทีมงานเสนา โดยจะจัดให้มีการจัดฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดความรู้และขั้นตอนควบคุมการก่อสร้างครั้งแรกในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานก่อสร้างให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคไทยอย่างแท้จริง
ขณะที่ ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัท เสนาซาบซึ้งและภาคภูมิใจในความร่วมมือกับ HHP อย่างยิ่ง เพราะเราไม่ใช่แค่ผู้ร่วมลงทุน แต่เป็นทั้งคู่คิด เพื่อนร่วมงานที่หวังดีและเติบโตไปพร้อมกัน บนพื้นฐานของวิสัยทัศน์ที่สอดประสานกันอย่างลงตัว ด้วยความเชี่ยวชาญระดับแนวหน้ากว่า 100 ปี ของ ฮันคิวฮันชินในประเทศญี่ปุ่น กับประสบการณ์กว่า 40 ปี ของเสนาในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ใส่ใจในการดูแลลูกค้าในทุกช่วงชีวิต และขอบคุณที่แบ่งปันเวลา ความรู้ ประสบการณ์ และบุคคลากรจากญี่ปุ่น เพื่อยกระดับคุณภาพให้โครงการของเสนาในครั้งนี้”
ทั้งนี้ เสนา และ HHP ได้วางแผนการบริหารแนวคิด Next Level Standard ร่วมกัน ผ่าน 3 แกนหลัก ดังนี้
(1) SENA TRUST สร้างความมั่นใจบนรากฐานคุณภาพ
คุณภาพการก่อสร้าง: โดยปรับใช้มาตรฐานงานก่อสร้างใหม่ และการบริหารจัดการด้วยแนวคิด “Geo Check+ 5 Steps of Quality Management” ควบคุมคุณภาพ โดยอ้างอิงผ่านการอบรมเชิงลึกและกิจกรรมลงพื้นที่ร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น ช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้
คุณภาพการออกแบบ: โดยนำแนวคิด Geo Fit+ เดิม มาต่อยอด เพิ่มระบบและอุปกรณ์ในกรณีภัยฉุกเฉิน เช่น จัดทำ SENA Care Kit กล่องอุปกรณ์จำเป็น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือในยามฉุกเฉิน, ห้องอเนกประสงค์ (Multi-purpose Safe Room) เพื่อรองรับการใช้งานเฉพาะหน้าหลากหลายในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกแบบให้มีความยืดหยุ่น พร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่เคลื่อนย้ายได้ และอุปกรณ์จำเป็นพื้นฐานตามแนวคิด Mamoru, ห้องปฐมพยาบาล (First Aid Room) จัดเตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตและของใช้จำเป็นเบื้องต้น พร้อมเข้าถึงได้ง่ายจากพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้ช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
(2) SENA CARE การใส่ใจดูแลในทุกช่วงเวลาที่อยู่กับเสนา ด้วยระบบที่แคร์และคนที่แคร์
ระบบที่แคร์: แอปพลิเคชัน SENA 360 , SEN PROP และ SMARTIFY HOME เพิ่มช่องทางและบริการผ่านแอพที่ช่วยให้ลูกบ้านบริหารจัดการชีวิตได้สะดวกและอุ่นใจขึ้น ทั้งช่วงปกติและยามฉุกเฉิน
คนที่แคร์: ทีมบริหารนิติบุคคล SenX (เซ็นเอกซ์) จะนำ คู่มือการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติของไทยมาปรับใช้ โดยอ้างอิง คู่มือของญี่ปุ่นปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของไทย และเผยแพร่ให้ลูกบ้าน, ยกระดับการบริหารงานนิติบุคคลเพื่อตอบสนองทั้งในกรณีฉุกเฉิน และประสบการณ์ของลูกบ้านในระยะยาว, และพิเศษด้วย ELITE SERVICES บริการระดับโรงแรม 5 ดาว โดยทีมงานที่ผ่านการอบรมจาก Hankyu Hanshin Hotels ภายใต้กลุ่ม Hankyu Hanshin Holdings โดยพัฒนารูปแบบการบริการไปอีกระดับ






(3) SENA LOW CARBON บ้านที่ดีต่อลูกบ้านและดีต่อโลก
SENA ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ด้วยการต่อยอดระบบโซลาร์ พัฒนาเพิ่มแบตเตอรี่เก็บไฟจากโซลาร์เพื่อใช้ยามฉุกเฉินให้ครอบคลุมทุกโครงการบ้านจัดสรร และยังเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาบ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy House) ซึ่งเป็นแนวคิดบ้านพลังงานสะอาดจากญี่ปุ่นอีกด้วย
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวต่อว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก HHP ประเทศญี่ปุ่นจะมาถ่ายทอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ ควบคุมการก่อสร้าง จนถึงการส่งมอบโครงการอย่างเป็นระบบ และเริ่มจัดอบรมให้กับทีมพัฒนาธุรกิจ (Business Development), ทีม พัฒนาโครงการ (Project Development), ทีมสนับสนุนงานก่อสร้าง (Construction Team), ทีมควบคุมคุณภาพ (Quality Control), ทีมบริหารนิติบุคคล SenX (เซ็นเอกซ์) และทีมอื่นๆ ของเสนา ตั้งแต่ ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2568
ทั้งนี้ ผศ.ดร.เกษรา ให้ข้อมูลว่า เสนา ได้ดำเนินตามแผนพัฒนา 12 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 11 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 15,500 ล้านบาท และยอดโอน 10,000 ล้านบาท