การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) ไม่มุ่งแต่แสวงหากำไรเพียงอย่างเดียว ได้กลายเป็นไฟลท์บังคับสำหรับการดำเนินธุรกิจตามมาตรฐานสากลในปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการที่นำหลักการ ESG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นขึ้นในสายตาผู้บริโภค
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า หลักสำคัญของการบริหารธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนคือ การรักษาสมดุลระหว่าง 3 Ps ได้แก่ คนในชุมชน สังคม ตลอดจนพนักงานในองค์กร (People) สิ่งแวดล้อมและโลก (Planet) และผลกำไร (Profit) โดยคำนึงถึงการสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ซึ่งองค์กรที่ทำเช่นนี้ได้จะเติบโตอย่างยั่งยืน ลดความเสี่ยงจากปัญหาต่าง ๆ และได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกมิติ เป็นองค์กรที่สามารถดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพให้เข้ามาร่วมงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทำงานในระยะยาว
“EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เราตระหนักว่า สถาบันการเงินเป็นแหล่งเงินทุนหลักของระบบเศรษฐกิจ เปรียบเสมือนหัวใจที่สูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงภาคธุรกิจและครัวเรือน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และมีบทบาทสำคัญในการกำกับทิศทางให้ภาคธุรกิจดำเนินกิจการตามหลัก ESG ผ่านการสนับสนุนทางการเงินอย่างยั่งยืน” ดร.รักษ์ กล่าว

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ภายใต้บทบาท Green Development Bank ที่พร้อมนำทัพผู้ประกอบการไทยขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำและสร้างโลกที่ยั่งยืน EXIM BANK ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้าน ESG ด้วยหลักการ 3 ทำ ประกอบด้วย
- ทำจริง EXIM BANK สนับสนุนทางการเงินให้แก่ธุรกิจสีเขียวมากกว่า 400 โครงการในหลายประเทศ คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 600,000 ล้านบาท ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 100 ล้านตันคาร์บอนตลอด 31 ปีที่ผ่านมา นับแต่เปิดดำเนินงานตั้งแต่ปี 2537 ขณะเดียวกัน ธนาคารยังกำหนดทิศทางและเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)” ใน Scope 1 และ 2 ภายในปี 2570 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของธนาคารชั้นนำหลายแห่งที่กำหนดไว้ที่ปี 2573 และตั้งเป้าหมายบรรลุ “การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)” ภายในปี 2593 พร้อมขยายสินเชื่อที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของธนาคารให้มีสัดส่วนถึง 50% ของสินเชื่อรวมภายในปี 2569
- ทำกว้าง EXIM BANK สร้างนวัตกรรมทางการเงินสีเขียวและสีน้ำเงินที่ครอบคลุมทั้ง Scope 1-2-3 เพื่อส่งเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจทั้งในส่วนของ Supply Chain ระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่-รายเล็ก ตลอดจนการพัฒนาและเชื่อมโยง Ecosystem ในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น Green Industry ซึ่งจะเป็นกลไกหลักในการสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกิจการใน Scope 3 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากซัพพลายเออร์) ด้วยการขยายการสนับสนุนไปสู่ซัพพลายเออร์และผู้ซื้อปลายทางของผู้ประกอบการ ผ่านบริการ EXIM Supplier Financing ซึ่งเป็นสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจกับ Value Chain ของผู้ประกอบการ ช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กในภาคส่งออกของประเทศเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำ
- ทำลึก EXIM BANK ระดมทุนผ่าน Green & Blue Funding และส่งต่อเม็ดเงินในรูปแบบ Green & Blue Financing ด้วยความมุ่งมั่นที่จะใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญของธนาคาร ทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังผ่านนวัตกรรมทางการเงินสีเขียว (Greenovation) เพื่อเพิ่มพอร์ตสินเชื่อที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต และผลักดันผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ Green Supply Chain ที่เชื่อมโยงกับเวทีการค้าโลกยุคใหม่ ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสมดุลในทุกภาคส่วน
ในด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี EXIM BANK มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจและบริหารงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) มีหลักการทำงานที่มีคุณธรรม จริยธรรม เสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ ปฏิบัติตามกฎหมาย ตลอดจนมีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม โดยปลูกฝังให้เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณและ DNA ของพนักงาน EXIM BANK ทุกคน ประกอบด้วย Exploration คิดนอกกรอบ ไม่หยุดพัฒนา eXperienced เป็นมืออาชีพ หาทางออกเชิงรุกประสานประโยชน์ Inclusiveness เห็นคุณค่าความแตกต่าง เชื่อมั่นในทีม และ growth Mindset พร้อมปรับตัวและบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดี ท่ามกลางปัจจัยความท้าทาย
อีกหนึ่งแนวทางที่ EXIM BANK ยึดเป็นแก่นในการทำงานคือ การสร้าง 4 ความเชื่อให้แก่ Stakeholders ได้แก่
- เชื่อมั่น ทำให้องค์กรมีกฎระเบียบและนโยบายองค์กรที่ถูกต้อง โปร่งใส
- เชื่อมือ ทำให้องค์กรมีทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพ พร้อมทำงานในความรับผิดชอบหรือได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ และสามารถทำให้งานประสบความสำเร็จได้
- เชื่อถือ ทำให้องค์กรมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีศักยภาพ น่าเชื่อถือ ทั้งในส่วนที่องค์กรพัฒนาขึ้นมา หรือที่องค์กรนำมาปรับใช้ในการดำเนินงาน
- เชื่อใจ ทำให้องค์กรมีทีมงานที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ เมื่อมีความเชื่อทั้ง 4 ครบแล้ว จะมีผลทำให้ EXIM BANK เป็น Partner of Choices ที่พันธมิตรหรือ Stakeholders ต้องการทำงานด้วย” ดร.รักษ์ กล่าว
EXIM BANK มุ่งสร้างองค์กรให้เป็นบ้านแห่งความรักและเข้าใจ (Empathic Workplace) ที่ดูแลความเป็นอยู่และความก้าวหน้าทางอาชีพของเพื่อนพนักงานอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม พัฒนาคน เสริมศักยภาพ เติมกำลังใจ สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี ยอมรับความแตกต่างและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ พนักงานพร้อมทำงานในโลกยุคใหม่อย่างเต็มความรู้ความสามารถและมีความสุข สะท้อนออกมาในผลงานของธนาคารที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ในปี 2566 และ 2567 จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ต่อเนื่อง 2 ปี และรางวัลจากองค์กรระดับโลกทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกหลายรางวัล