ในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการตั้งฝ่ายคุ้มครองและส่งเสริมผู้ใช้บริการทางการเงิน เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและหาแนวทางในการดูแลและให้การศึกษาเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการเงินที่เหมาะสมให้แก่ผู้บริโภคในทุกระดับ โดยพบว่า ปัญหาที่สำคัญของผู้ที่มีปัญหาหนี้สิน คือ ขาดความรู้เรื่องดอกเบี้ย ทั้งในเรื่องอัตราดอกเบี้ย วิธีการคำนวณ ไปจนถึงการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยระหว่างผู้กู้แต่ละราย นอกจากนี้ ยังพบว่าไม่มีการออมในกรณีที่ฉุกเฉิน ไม่มีการทำบัญชีรายรับรายจ่าย จนนำไปสู่การใช้จ่ายที่มากกว่ารายได้
จุฬาลักษณ์ พิบูลชล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ(ควบ) ฝ่ายคุ้มครองและส่งเสริมผู้ใช้บริการทางการเงิน กล่าวว่า งานให้ความรู้ทางการเงิน ถือว่าเป็นการฉีดวัคซีนในเชิงป้องกัน และจะเน้นฝั่งลูกค้า ฝั่งผู้บริโภค สิ่งที่แบงก์ชาติพยายามทำมาและจะทำต่อไป คือ การกระตุ้นที่มีหลักการ 4 ข้อที่เป็นเรื่องของเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม คือ 1.ทำเรื่องให้ง่าย 2.สนุกสนาน น่าดึงดูด 3.ใครก็ทำกัน 4.ทำถูกเวลา ซึ่ง 4 ข้อนี้เรียกว่า EAST คือ Easy Attractive Social และ Timely ที่จะต้องนำมาประยุกต์ใช้
อย่างไรก็ตาม มีปัญหาหรือข้อสังเกตที่พบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ การขาดความรู้เรื่องอัตราดอกเบี้ย และพฤติกรรมที่ไม่ได้มีการเปรียบเทียบก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้สินเชื่อ
ปัญหาเรื่องดอกเบี้ยที่พบ มี 3 เรื่อง
-
เรื่องแรก ผู้ที่ใช้สินเชื่อในปัจจุบันไม่รู้ว่า สินเชื่อที่ใช้มีอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ หน่วยเป็นเท่าไหร่ และเมื่อหมดหนี้แล้ว จะเสียดอกเบี้ยทั้งหมดเท่าไหร่
เรื่องที่สอง คือ ไม่รู้วิธีการคำนวณ
เรื่องที่สาม คนมักจะไม่รู้ หรืออะไรบ้างที่มีผลทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยจำนวนมาก
จุฬาลักษณ์ กล่าวว่า ธปท.มีการให้ความรู้เรื่องการคำนวณดอกเบี้ยอยู่ในเว็บไซต์อยู่แล้ว ในส่วน “สตางค์ STORY” ในเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/th/satang-story.html โดยจะมีสูตรการคำนวณ เพื่อทำความเข้าใจ
ถ้าเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยได้ ก็จะเสียเงินน้อยลง
อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ในหัวข้อ เป็นหนี้ต้องมีวันจบ (20) สตางค์ STORY เรื่องการเงินสำหรับทุกคน ได้ที่เว็บไซต์ไทยพับลิก้า
อย่าลืม Subscribe กดติดตาม ที่ช่องทาง