ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ > กบข. จับมือ สพฐ. เปิดโครงการ “ทวีค่าเงินออมฯ” เสริมภูมิคุ้มกันทางการเงินข้าราชการครู

กบข. จับมือ สพฐ. เปิดโครงการ “ทวีค่าเงินออมฯ” เสริมภูมิคุ้มกันทางการเงินข้าราชการครู

27 ตุลาคม 2021


ข่าวประชาสัมพันธ์

ดร. ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)

กบข. จับมือ สพฐ. เปิดตัวโครงการ “ทวีค่าเงินออมฯ” เพื่อมุ่งเสริมภูมิคุ้มกันทางการเงินให้ข้าราชการครู

ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินโครงการ “ทวีค่าเงินออมสำหรับสมาชิก กบข. ในสังกัด สพฐ.” โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้กับสมาชิกข้าราชการครู โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการออมและการลงทุน ตลอดจนสร้างความเข้าใจเรื่องเงินลงทุนใน กบข. เหตุและสิทธิ์การรับเงิน รวมถึงการวางแผนทวีค่าเงินออม กบข. เพื่อให้มีเงินใช้ยามเกษียณเพียงพอตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ภายใต้โครงการดังกล่าวประกอบด้วยความร่วมมือทั้งหมด 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1) ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับบริการของ กบข. ผ่านช่องทางของ สพฐ. ซึ่ง กบข. ได้จัดทำรายการ “กบข. ใกล้ครู” เพื่อรวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับ กบข. และการบริหารการเงินการลงทุน พร้อมเผยแพร่ผ่านช่องทาง OBEC Channel เป็นประจำทุกวันพุธสุดท้ายของเดือน ในช่วงพุธเช้าข่าว สพฐ. เวลา 8.00-9.00 น. ด้านที่ 2) พัฒนาและจัดหลักสูตรอบรมให้ความรู้ด้านการเงิน (Financial Literacy) โดยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เข้าอบรมหลักสูตรของ กบข. สามารถนำจำนวนชั่วโมงที่ได้รับการอบรม ไปรวมนับชั่วโมงวิทยฐานะได้ ซึ่ง กบข. กำลังพัฒนาหลักสูตรในหัวข้อ “บริหารเงินดี ชีวีมีสุข” โดยกำหนดจัดอบรมภายในปี 2565 และด้านที่ 3) การจัดกิจกรรมพิเศษ อาทิ บริการที่ปรึกษาการเงินส่วนบุคคล กิจกรรมพิเศษต่าง ๆ เพื่อสมาชิกข้าราชการครู เป็นต้น

ดร.ศรีกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า กบข. มุ่งมั่นสร้างเสริมความรู้ด้านการออมและการลงทุนให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการความร่วมมือในครั้งนี้ กบข. รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับ สพฐ. ในการขยายองค์ความรู้ด้านทักษะทางการเงินผ่านช่องทางที่เข้าถึงสมาชิกได้โดยตรง พร้อมมุ่งหวังว่าจะช่วยเสริมสร้างแนวคิดการบริหารเงินออมของข้าราชการครูทั้งในขณะที่รับราชการ และสร้างความมั่นคงในวัยเกษียณได้มากยิ่งขึ้นด้วย อีกทั้งยังสามารถช่วยติดปีกองค์ความรู้ เพื่อถ่ายทอดไปยังเพื่อนข้าราชการต่อไป