ThaiPublica > เกาะกระแส > เมื่อทรัพยากรที่มั่งคั่งกลายเป็นคำสาป ‘ถอดบทเรียน’ จากนานาประเทศ

เมื่อทรัพยากรที่มั่งคั่งกลายเป็นคำสาป ‘ถอดบทเรียน’ จากนานาประเทศ

12 มิถุนายน 2025


สุนิสา กาญจนกุล รายงาน

ในภาพยนตร์ผจญภัยตามล่าหาสมบัติ สิ่งล้ำค่าที่ทุกคนแสวงหามักมีคำสาปชั่วร้ายแอบแฝงอยู่เสมอ ราวกับเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะได้มาง่ายๆ โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน

ในชีวิตจริง ขุมทรัพย์ตามธรรมชาติก็ดูเหมือนจะมีคำสาปซ่อนเร้นอยู่เช่นกัน ไม่ว่าขุมทรัพย์เหล่านั้นจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ แร่ธาตุต่างๆ หรือแม้กระทั่งภูมิทัศน์ที่สวยงามจนดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาล

ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า สำหรับหลายๆ ประเทศแล้ว ทรัพยากรอันล้ำค่าที่อุดมสมบูรณ์เหล่านั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างไม่คาดฝัน จนกระทั่งนักเศรษฐศาสตร์พากันขนานนามปรากฏการณ์นี้ว่า “คำสาปทรัพยากร (Resource Curse)”

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ประเทศจึงกลายเป็นบทเรียนสำคัญในการเรียนรู้ว่าทรัพยากรที่มั่งคั่งอาจกลายเป็นภัยร้ายต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรบ้าง

เหมืองทองในคองโกมีมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ประชากรของประเทศนี้กลับอดอยากยากจนและต้องเผชิญหน้ากับความรุนแรงหลายรูปแบบ ที่มาภาพ: https://www.cnn.com/2016/04/18/africa/gallery/resource-curse

ในโลกที่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจถูกมองว่าเป็นหนทางสู่ความเจริญรุ่งเรือง การได้ครอบครองแหล่งทรัพยากรธรรมชาติสำคัญจึงน่าจะเป็นเหมือนพรจากฟ้าที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในประเทศนั้นๆ ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

แต่ประเทศอุดมทรัพยากรจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปแอฟริกา กลับเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากสิ่งที่เรียกกันว่า “คำสาปทรัพยากร” ซึ่งก็คือปรากฏการณ์ที่ประเทศรุ่มรวยทรัพยากรธรรมชาติกลับมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าประเทศอื่นๆ หรือมีปัญหาด้านการพัฒนาอื่นๆ ตามมา

ส่วนใหญ่แล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นมักจะเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชัน ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้ง และการละเลยการพัฒนาเศรษฐกิจภาคอื่นๆ ที่สำคัญ แทบทุกประเทศยังได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงในภายหลังอีกด้วย

ทำความเข้าใจ

ผลกระทบจากคำสาปทรัพยากรนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในระยะสั้น แต่เป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปและมีกลไกชักนำหลายอย่างด้วยกัน

แต่ส่วนใหญ่มักจะเริ่มขึ้นจากการหันไปพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติมากเกินไปจนมองข้ามอุตสาหกรรมและธุรกิจอื่น เมื่อประเทศมีรายได้มหาศาลจากทรัพยากร รัฐบาลมักจะพึ่งพารายได้จากภาคส่วนนี้เป็นหลัก ทำให้ละเลยการลงทุนและพัฒนาภาคเศรษฐกิจที่หลากหลาย เช่น ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ภาคเกษตรกรรม หรือภาคบริการ ซึ่งยั่งยืนกว่าและสร้างงานได้หลากหลายกว่า

การขาดความหลากหลายทางเศรษฐกิจทำให้ประเทศเปราะบางต่อความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เมื่อประกอบเข้ากับกลไกทางเศรษฐกิจที่เรียกว่า โรคดัตช์ (Dutch Disease) สถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายลง

โรคดัตช์คือสภาวะทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการค้นพบทรัพยากรธรรมชาติแหล่งใหญ่ ทำให้เกิดรายได้มหาศาลและมีเงินตราต่างประเทศไหลเข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้ค่าเงินของประเทศแข็งค่าขึ้น และสร้างความเสียหายให้ภาคเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิตและภาคเกษตรกรรม

คำว่า “โรคดัตช์” นั้นมีที่มาจากประสบการณ์โดยตรงของเนเธอร์แลนด์ที่ค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ในปี 1959 จนเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อประเทศในลักษณะข้างต้น

หลากหลายผลกระทบ

เมื่อมีการส่งออกทรัพยากรที่ค้นพบ เงินทุนก็หลั่งไหลเข้าประเทศและเงินตราแข็งค่า ภาคเศรษฐกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับทรัพยากรที่ค้นพบจึงสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เพราะเมื่อเมื่อเงินตราแข็งค่า สินค้าที่ผลิตโดยภาคส่วนอื่นๆ (เช่น สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าอุตสาหกรรม ฯลฯ) ก็จะไม่สามารถแข่งขันในตลาดส่งออกได้อีกต่อไป

เงินตราต่างประเทศที่ไหลเข้ามายังทำให้ราคาสินค้าและบริการในประเทศสูงขึ้น เกิดภาวะเงินเฟ้อที่อาจกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน ขณะที่สินค้านำเข้าจากต่างประเทศกลับราคาถูกลง ทำให้ธุรกิจภายในประเทศที่ผลิตสินค้าคล้ายกันต้องแข่งขันอย่างหนัก และอาจถึงขั้นต้องปิดตัวลง จนส่งผลต่อการจ้างงาน

ภาคบริการภายในประเทศ เช่น อสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง จะเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะค่าเงินแข็งและมีเงินลงทุนไหลเข้ามา ในขณะที่ภาคการผลิตและการเกษตรของประเทศทรุดตัวลง และทรัพยากรต่างๆ (เช่น เงินทุนและแรงงานฝีมือ) ก็ไหลไปสู่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรที่มีการค้นพบ แต่โดยรวมแล้ว ภาคธุรกิจนี้มักจะสร้างงานได้น้อยกว่าภาคธุรกิจอื่น

รายได้มหาศาลที่ได้มาง่าย ๆ จากทรัพยากรมักจะนำไปสู่การคอร์รัปชัน การแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ การขาดความโปร่งใส และการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพ จนรั่วไหลไปสู่กระเป๋าของชนชั้นนำ แทนที่จะถูกนำไปลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา หรือสาธารณสุขของประเทศอย่างแท้จริง

การแย่งชิงการเข้าถึงและควบคุมทรัพยากรอันมีค่าอาจนำไปสู่ความขัดแย้ง ความไม่สงบภายในประเทศ หรือแม้กระทั่งสงครามกลางเมือง โดยเฉพาะในประเทศที่มีความแตกต่างทางชาติพันธุ์หรือศาสนา

รุนแรงแต่ถูกมองข้าม

อีกหนึ่งปัญหาจากคำสาปทรัพยากรที่มักถูกมองข้ามแต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง คือผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรง

การสกัดทรัพยากร เช่น การขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ การทำเหมืองแร่ มักทำให้เกิดการทำลายป่าไม้ แหล่งน้ำ และระบบนิเวศสำคัญอื่นๆ เช่น ป่าชายเลน หรือแนวปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งรองรับความหลากหลายทางชีวภาพ ถิ่นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตถูกทำลาย สัตว์ป่าถูกรบกวนหรือถูกคุกคาม

กระบวนการสกัดและแปรรูปทรัพยากรมักก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ น้ำ และดินอย่างรุนแรง ขณะที่แรงจูงใจทางเศรษฐกิจที่มหาศาล อาจส่งผลให้ภาครัฐละเลยการบังคับใช้กฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด

กรณีตัวอย่าง

หลายประเทศเผชิญปัญหาคำสาปทรัพยากรอย่างรุนแรง ไนจีเรียคือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจน แม้จะเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก แต่รายได้มหาศาลจากน้ำมันกลับไม่สามารถเปลี่ยนชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ให้ดีขึ้นได้ การคอร์รัปชันที่ฝังรากลึก ระบบการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส และการแย่งชิงทรัพยากร ก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงและปัญหาสิ่งแวดล้อมจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและภาคการเกษตร

อีกตัวอย่างหนึ่งคือสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุหายาก เช่น โคบอลต์และโคลตัน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แต่ความมั่งคั่งจากแร่ธาตุกลับนำมาซึ่งความขัดแย้ง ความรุนแรง และการทำเหมืองที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน

ขณะที่เวเนซุเอลาอาจถือเป็นกรณีศึกษาที่คลาสสิกที่สุดของคำสาปทรัพยากร แม้จะมีน้ำมันสำรองมากที่สุดในโลก แต่การพึ่งพารายได้จากน้ำมันมากเกินไป การบริหารจัดการที่ผิดพลาด และการคอร์รัปชัน ทำให้ประเทศเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง และวิกฤติมนุษยธรรมครั้งใหญ่ และการขุดเจาะน้ำมันยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนักอีกด้วย ท้ายที่สุด เวเนซุเอลาตกอยู่ในภาวะรัฐล้มเหลว ประชาชนต้องเผชิญกับความยากจน ขาดแคลนอาหาร และต้องอพยพออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก

แต่ในเวลาเดียวกัน กลับมีหลายประเทศที่เผชิญคำสาปทรัพยากรแต่สามารถปรับตัวและหาวิธีรับมือได้อย่างน่าพึงพอใจ

นอร์เวย์เป็นกรณีศึกษาที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการหลบเลี่ยงคำสาปทรัพยากร ทั้งด้วยการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่นำรายได้ส่วนใหญ่จากการขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไปสะสมไว้เพื่อบริหารจัดการให้ความมั่งคั่งงอกเงยและยั่งยืนไปอีกหลายชั่วอายุคน ขณะเดียวกันก็เข้มงวดด้านการคลัง และพัฒนาการลงทุนด้านอื่นๆ จนรอดพ้นจากคำสาปได้อย่างงดงาม

ประเทศร่ำรวยน้ำมันอีกประเทศหนึ่งที่หลีกเลี่ยงคำสาปทรัพยากรได้สำเร็จคือ ซาอุดีอาระเบีย ด้วยการกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพิ่มการส่งออกสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเลียม ลดการพึ่งพาน้ำมันดิบและพัฒนาเศรษฐกิจด้านอื่นๆ เช่น ภาคการเงิน การเดินทาง การท่องเที่ยว และความบันเทิง

บอตสวานา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเพชรรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก็สามารถหลีกเลี่ยงการทุจริต ความไม่เท่าเทียม และภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ โดยการใช้ความเข้มงวดด้านกฎหมายและมาตรการต่อต้านการทุจริต และใช้รายได้จากเพชรเพื่อลงทุนในด้านการศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน และสุขภาพ รวมถึงการท่องเที่ยวและบริการทางการเงิน

ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อาศัยความตระหนักรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าการส่งออกน้ำมันไม่สามารถรับประกันความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวได้ จึงใช้วิธีส่งเสริมการท่องเที่ยวและขยายธุรกิจการเงินโดยกำหนดให้ตัวเองกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับโลก

แนวทางรับมือ

ปรากฏการณ์คำสาปทรัพยากรแสดงให้เห็นว่าการมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไม่ได้เป็นหลักประกันความเจริญรุ่งเรืองเสมอไป แต่อาจนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่รุนแรงได้

อย่างไรก็ตาม บทเรียนจากหลายประเทศก็แสดงให้เห็นว่าคำสาปนี้เป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยอาจสรุปรวบยอดเป็นมาตรการและกลยุทธ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ดังนี้

1. สร้างระบบสถาบันที่แข็งแกร่งและโปร่งใส นี่อาจเป็นหัวใจสำคัญในการหลีกเลี่ยงคำสาปทรัพยากร เพราะปัญหาหลักมักมาจากความอ่อนแอของสถาบันที่นำไปสู่การคอร์รัปชัน การแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ และการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม

2. จัดการรายได้จากทรัพยากรอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาด้านเศรษฐกิจและความผันผวนทางการคลัง

3. กระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพิงภาคทรัพยากรเพียงอย่างเดียว และส่งเสริมการเติบโตของภาคธุรกิจอื่นๆ ขณะเดียวกันก็ต้องลงทุนในการพัฒนาทุนมนุษย์และโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กันไปด้วย

4. สร้างเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบความโปร่งใสและความรับผิดชอบด้านการบริหารจัดการทรัพยากร โดยสนับสนุนให้สื่อและประชาชนทำหน้าที่ผู้เฝ้าระวัง

5. บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด บังคับใช้กฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง

โดยรวมแล้ว อาจกล่าวได้ว่า วิธีรับมือกับคำสาปทรัพยากรที่ง่ายที่สุดก็คือความระมัดระวังนั่นเอง หากมีการเตรียมพร้อมและวางแผนที่ดี ทรัพยากรล้ำค่าก็อาจเป็นของขวัญชิ้นงามจากธรรมชาติโดยไม่ต้องระแวงว่าจะมีคำสาปติดมาด้วยแต่อย่างใด

ข้อมูลอ้างอิง :
https://moderndiplomacy.eu/2025/03/12/resource-curse-in-the-oil-wealth-countries-lessons-from-south-sudan-venezuela-and-indonesia/
https://www.nature.com/articles/s41599-024-04228-2
https://www.britannica.com/money/Dutch-disease
https://www.investopedia.com/terms/r/resource-curse.asp
https://cdn.odi.org/media/documents/2089.pdf
https://www.numberanalytics.com/blog/real-resource-curse-oil-war-politics#:~:text=Economic%20Distortions%20and%20Governance:%20Resource%20winds%20have,further%20mismanagement%20and%20corruption%2C%20exacerbating%20the%20curse.